วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

Review: Naoko (2008)

Naoko (2008)

#Drama #Sport Director: Tomoyuki Furuyama
นาโอโกะ ชิโนมิยะ (Nanami Fujimoto) ในวัย 12 ขวบเธอป่วยเป็นโรคหอบหืด พ่อและแม่จึงพาไปรักษาตัวบนเกาะแห่งหนึ่งเพื่อหลีกหนีมลภาวะ หลังจากอาการดีขึ้น นาโอโกะ และครอบครัวอาศัยเรือของ เคนสุเกะ อิคิ (Yasuhito Shimao) เพื่อเดินทางกลับเข้าฝั่ง เคนสุเกะ เป็นอดีตนักวิ่งมาราธอน ชายผู้เป็นต้นแบบของ ยูสึเกะ อิคิ (Daiki Sakai) ลูกชายของเขาที่อยากดำเนินรอยตามผู้เป็นพ่อ แต่ระหว่างที่เรือลอยลำอยู่กลางทะเล นาโอโกะ ประสบอุบัติเหตุตกเรือ ทำให้ เคนสุเกะ ตัดสินใจกระโดดลงไปช่วย แม้ นาโอโกะ จะกลับขึ้นเรือมาได้อย่างปลอดภัย ทว่า เคนสุเกะ ถูกคลื่นซัดจมหายไปต่อหน้าทุกคน จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในวันนั้นทำให้ ยูสึเกะ กล่าวโทษ นาโอโกะ ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อของเขาต้องตาย

หลายปีผ่านไป นาโอโกะ (Juri Ueno) เรียนมัธยมปลายโรงเรียนในโตเกียว จะด้วยความรู้สึกผิดต่อ เคนสุเกะ หรืออะไรก็แล้วแต่ เธอตัดสินใจเข้าชมรมกรีฑาแม้โรคหอบหืดจะยังรักษาไม่หาย ในวันแข่งขันรอบคัดเลือกระดับมัธยม นาโอโกะ ซึ่งรับหน้าที่ฝ่ายลงทะเบียนนักกีฬา ได้พบกับชื่อที่ทำให้เธอหวนนึกถึงอุบัติเหตุในอดีตอีกครั้ง เมื่อ ยูสึเกะ อิคิ (Haruma Miura) ลูกชายของคนที่ช่วยชีวิตเธอ คือหนึ่งในนักกีฬาในการแข่งขันนั้น


หนังแนวกีฬาผสมดราม่าของพระเอกฮารุมะ มิอุระ กับ นางเอกจุริ อุเอะโนะ ซึ่งผมขอบอกก่อนเลยว่าเนื้อหาประมาณ 70-80% ของหนัง คือการแข่งขันวิ่งมาราธอนล้วน ๆ ฉะนั้นแล้วใครที่ยังไม่ได้ดูแล้วคิดจะดู ขอให้ทำใจไว้ล่วงหน้าเลยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แนวสร้างความบันเทิง หนังจะพาผู้ชมไปสำรวจชีวิตของสมาชิกในทีมวิ่งมาราธอน โดยจะโฟกัสไปที่ตัวละคร ยูสึเกะ ดาวเด่นของทีม นักวิ่งที่เริ่มมีชื่อเสียงตั้งแต่วัยมัธยม ส่วนตัวละคร นาโอโกะ อยู่ในสถานะเหมือนเป็นผู้สังเกตการณ์ ด้วยการทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมที่ต้องรีบมือกับสารพัดดราม่า

เนื้อหาของหนังเอาจริงไม่มีอะไรมาเล่าเท่าไหร่เลยครับ ปมดรม่าระหว่าง ยูสึเกะ กับ นาโอโกะ บางช่วงคนดูอย่างเราแทบจะลืมไปเลยว่ามีประเด็นนี้ด้วย เหมือนปมที่ว่าจะถูกคลี่คลายไปได้อย่างง่ายดาย เรื่องราวส่วนที่เหลือของหนังจึงค่อนข้างเป็นสูตรสำเร็จ ของหนังญี่ปุ่นแนวกีฬา ที่พูดถึงความพยายาม ความไม่เข้าใจ ขบเหลี่ยมกับระหว่างเพื่อนร่วมทีม ความแตกแยก และการกลับมาร่วมแรงร่วมใจกันอีกครั้ง แต่อาจด้วยความเป็นหนังเก่ามั้งครับ การเล่าเรื่อง วิธีการลำดับเรื่องราว มันเลยไม่ค่อยสนุก ดราม่าไม่ชวนอินเท่าไหร่

เพราะถ้ามาดูในปัจจุบันเราก็ผ่านการดูหนังในทำนองเดียวกันนี้มาไม่น้อยแล้ว ยกตัวอย่างไม่นานมานี้ผมเพิ่งดูก็ Yowamushi Pedal โอตาคุ น่องเหล็ก เนื้อหาแล้วก็สัดส่วนการเล่าเรื่องอะไรต่าง ๆ ใกล้เคียงกันเลยล่ะครับ เมื่อเน้นฉากการแข่งขัน ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมทีมคล้ายกัน ต่างกันแค่ โอตาคุ น่องเหล็ก ในมุมความบันเทิงก็ยังทำได้ดีด้วย

ในส่วนของนักแสดงแฟนนางเอก จุริ อุเอะโนะ อาจจะไม่ฟินเท่าไหร่นะครับ แม้ นาโอโกะ เหมือนจะเด่นเป็นชื่อหนังก็จริง แต่บทบาทที่เหมือนเป็นผู้สังเกตุการณ์ มันเลยออกไปทางสมทบชับพอร์ตเรื่องราวมากกว่า หนังจะให้น้ำหนักไปที่ตัวละคร ยูสึเกะ ของ ฮารุมะ มิอุระ เป็นหลัก ตัวละครนี้ต้องผ่านด่านอะไรหลายอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องการจัดการความรู้สึกต่อความสูญเสียในอดีต การจัดการกับทัศนคติบางอย่างของตัวเอง การเข้าใจความเป็นทีม เมื่อเพื่อนร่วมทีมไม่ใช่เพียงส่วนประกอบในการแข่งขันของเขา แล้วนอกจากสองพระนาง จุริ กับ ฮารุมะ แล้ว ในเรื่องนี้ยังมีนักแสดงหลายคนที่เห็นแล้วเกือบจำไม่ได้ก็มีนะครับ อย่าง โก อายาโนะ ในบท ซุซุมุ คุโรดะ นักวิ่งคู่ปรับลาสบอสของ ยูสึเกะ อีกคนก็ ไอมิ ซัทสึคาวะ ในบท ยูกิ โยชิซาวะ ผู้ช่วยผู้จัดการทีม แต่ทั้งสองคนก็แบบบทน้อยมาก ๆ อ่ะครับ

ในช่วงท้ายรีวิวผมขอสรุปถึงหนังเรื่องนี้ว่า หากให้พูดตรง ๆ หนังไม่ค่อยสนุกหรอกครับ ถามว่าหนังเหมาะกับใครคงจะเป็นแฟน ๆ ของ ฮารุมะ มิอุระ เพราะหนังโฟกัสที่เรื่องราวตัวละครนี้ค่อนข้างเยอะ เพียงแต่ถึงจะแสดงเป็นนักเรียนมัธยมก็จริง เราจะไม่ได้เห็น ฮารุมะ ใส่ชุดนักเรียนเลยครับ เพราะส่วนใหญ่จะได้ใส่ชุดวิ่งแทบตลอดทั้งเรื่อง ในแง่ของเสื้อผ้าหน้าผมอาจจะดูแปลกตาก็จริง แต่ในแง่การแสดงแล้วก็รอยยิ้ม ก็ยังคงเป็น ฮารุมะ ที่แฟน ๆ ประทับใจแหละครับ

ขอบคุณภาพประกอบจากภาพยนตร์: Naoko (2008)

Review: Night Doctor (2021)

Night Doctor (2021)

#Drama #Medical Director: Sawada Kensaku, Sekino Munenori
      จากวิกฤติแพทย์ฉุกเฉินขาดแคลนในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากงานล้นมือต้องทำเกินเวลา แล้วแพทย์ที่อยู่เวรดึกก็มักจะเป็นหมอประสบการณ์น้อย ผอ.โรงพยาบาลอาซาฮิ ไคฮิน จึงได้ริเริ่มไอเดียในการแบ่งเวลาการทำงานของหมอให้ชัดเจน ด้วยการแยกทีมหมอฉุกเฉินออกเป็นสองกะในช่วงเวลากลางวันและกลางคืน แต่ก็แน่นอนว่า Night Doctor หรือหมอที่จะอยู่ช่วงเวลากลางคืน จะเป็นการรวมทีมที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ แต่ละคนต่างก็มีเหตุและปัจจัยต่างกันไปในการเลือกทำงานกลางคืน ซึ่งทีมหมอกลางคืนจะต้องพิสูจน์ผลงานให้ได้ เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าระบบการทำงานในรูปแบบนี้ มันจะสามารถนำไปใช้ได้จริงในวงกว้าง

Review: Dreaming Back to the Qing Dynasty (2019)

Dreaming Back to the Qing Dynasty (2019) ฝันคืนสู่ต้าชิง #Drama   #Romance Director: Lee Kwok Lap, Wai Hong Chui, Chen Shu Liang Screenwrite...