วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

The Bow 활 (2005)

The Bow 활 (2005) - KIM KI-DUK (김기덕)ปรารถนาเปิดหัวใจ 
#ปีนรั้วรีวิว #Drama #Romance Director: Ki-duk Kim

      “ตึงนักมักขาด…หย่อนนักมักยุ่ง” เหมือนกับที่ศาสนาสอนให้คนเดินทางสายกลาง ไม่ตึงเครียดแต่ก็ไม่หน่อนยานจนเกินไป แต่จะมีซักกี่คนที่ทำได้พอดี 

      ชายแก่เจ้าของเรือประมงเช่าตกปลากลางทะเล รับเลี้ยงเด็กสาวคนหนึ่งมานานเกือบสิบปี โดยที่เธอไม่เคยก้าวออกไปจากเรือลำนั้นมาเนิ่นนาน จนแทบจะลืมหน้าตาของแผ่นดินไปแล้วว่าเป็นอย่างไร สาเหตุที่เขาดูแลเธอก็เพราะ เขารอให้เธออายุครอบ 18 ปี เพื่อที่จะได้สามารถแต่งงานกับเธออย่างถูกต้อง ในทุกวันที่ผ่านไปหลายปี แม้เขาจะคอยอาบน้ำให้สาวน้อยทุกวัน แต่ชายแก่ก็ไม่เคยทำอะไรมากไปกว่าการนอนจับมือ และขีดฆ่าวันที่ล่วงเลยไปบนปฏิทิน เพื่อรอให้ถึงวันเกิดครอบ 18 ปีของเธอ 


      ทุกครั้งที่มีลูกค้าขึ้นเรือมาเพื่อตกปลา สิ่งที่ชายแก่จะทำก็คือการคอยสอดส่องลูกค้าผู้ชายเหล่านั้น ว่าจะทำอะไรล่วงเกินผู้หญิงของเขาหรือไม่ และจัดการคนเหล่านั้นด้วยลูกธนูที่แม่นยำของตัวเอง เพียงแต่ว่าการเก็บตัวสาวน้อยคนนี้ ไว้บนเรือตลอดเวลาอย่างนี้จะเป็นผลดีแน่หรอ เพราะหากเมื่อไหร่เธออยากรู้เรื่องราวของโลกกว้างขึ้นมา เรือเล็กๆลำนี้ยังจะเพียงพอ สำหรับสาวน้อยอย่างเธออยู่อีกมั้ย

      ผลงานการกำกับของ Kim Ki Duk ผู้กำกับสุดติสเจ้าเก่า ที่แอดพยายามตามเก็บผลงานอยู่ กับเรื่องนี้หากพูดถึงในแง่เนื้อเรื่อง ส่วนตัวยังรู้สึกว่าตีความตามได้ยาก อาจจะเพราะรายละเอียดคำสอนหรือการตีความทางศาสนา อาจจะมีความแตกต่างทางวัฒนธรรมอยู่บ้าง เลยไม่เข้าใจทั้งหมด แต่ในแง่การใช้สัญลักษณ์แทนการตีความ ถือว่าใส่เข้ามาช่วยให้ทำความเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะ คันเบ็ดตกปลา คันธนู ซอ แล้วก็เชือกที่เหนี่ยวรั้งระหว่างเรือ ที่สิ่งเหล่านี้ถูกนำมาเป็นสัญลักษณ์ ตีความหมายแทนจิตใจของคน

      ทุกครั้งไม่ว่าจะรู้สึกสุขใจหรือไม่สบายใจ ชายแก่ก็จะหยิบซอออกไปสีที่หัวเรือ ระบายความรู้สึกข้างในออกมาเป็นทวงทำนอง ซึ่งในทีแรกเด็กสาวก็ชอบเสียงดนตรีชิ้นนี้ จนกระทั่งการมาของใครบางคน และของบางอย่าง ที่เปลี่ยนความคิดเธอไป และการที่ชายแก่เป็นคนตึงกับทุกอย่างนี่แหละ ที่ทำให้สถานการณ์ระหว่างเขา กับสาวน้อยเริ่มสั่นคลอน

      การที่เขาเก็บเธอไว้แต่บนเรือ ชายแก่คงคิดว่าวิธีกันเธอออกจากโลกภายนอก คงจะทำให้เด็กสาวอยู่กับเขาไปตลอดได้ แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งเขาปิดกั้นเธอเท่าไหร่ เมื่อถึงเวลาที่เธอสนใจอยากรู้ขึ้นมามันจึงยากที่จะมีอะไรมาหยุดเธอได้ และผลลัพธ์ของมันก็ส่งมาถึงตัวเขาเอง จากที่เคยมั่นคงยิงธนูไม่เคยพลาด กลับกลายเป็นความไม่มั่นใจจนแสดงออกได้ชัด

      เหมือนกับสายของเครื่องดนตรี ที่หากตึงเกินไปเมื่อดีดก็ขาด หย่อนเกินไปดีดก็ไม่มีเสียง มีแต่สายที่ตึงพอดีเท่านั้น ที่จะได้เสียงดนตรีที่ไพเราะ แต่หากเทียบกับคนหลายคนสมัยใหม่ ที่มีความหลากหลายแตกต่างกันล่ะ ไม่ใช่แค่เฉพาะตึงพอดีกันเท่านั้น…เหมือนเช่นสายของกีตาร์หนึ่งตัวที่มีเส้นบางหนาไม่เท่ากัน ฉะนั้นเราจึงไม่สามารถดึงสายทุกเส้นให้ตึงเท่ากันได้ เหมือนคนยุคใหม่ที่ชุดความคิดหลากหลาย นิสัยใจคอแตกต่างกัน เราจึงมีวิธีการพูดคุยสื่อสาร หรือจัดการแตกต่างกันไป ตามแต่ละบุคคลหรือสังคมนั้น
      หนังเรื่องนี้ของผู้กำกับ Kim Ki Duk มีทั้งสิ่งที่เหมือนและต่างกันไปจากหนังเรื่องอื่นๆ อย่างการที่เราจะไม่ได้ยินเสียงตัวละครเอกสองคนของเรื่อง อย่างชายแก่และเด็กสาวเลย แต่กับตัวละครอื่นๆที่ถูกใส่เข้ามายังพูดคุยกับปรกตินะ ซึ่งตั้งแต่ดูหนังของแกมา เอาจริงนะคือถ้าเราไม่จับสังเกตจริงๆ เราแทบจะลืมหรือไม่ได้ใส่ใจเลยว่า ตัวละครแทบจะไม่ได้พูดออกมาเลย

      เพราะการสื่อสารแต่ละอย่างของเรื่องราว และตัวละครนั้นค่อนข้างชัดเจน พอให้เราทำความเข้าใจได้ ที่สำคัญข้อความที่หนังพยายามสื่อสาร มันก็จะไม่ถูกกลบหรือตีความไปในทางอื่น จากคำพูดของตัวละครด้วย สิ่งที่เรื่องนี้ต่างออกไปอีกอย่างก็คือ ภาพความรุนแรงที่ถือว่าค่อนข้างน้อย โดยรวมของหนังดูออกจะละมุนซะด้วยซ้ำไป กับหลายๆฉากที่มีเสียงซอเข้ามาเป็นซาว์นประกอบ

      สรุปแล้ว The Bow (2005) ปรารถนาเปิดหัวใจ จัดอยู่ในกลุ่มผลงานหนังที่ออกจะซอฟไม่หนักหน่วงเกินไป ของผู้กำกับ Kim Ki Duk นะ เพียงแต่คนที่รู้จักหรือติดตามมาจากความ รุนแรง หรือเนื้อหาที่ออกจะกระอักกระอ่วนใจบางเรื่อง ก็อาจจะไม่ถูกใจเรื่องนี้ได้เพราะนำเสนอในแง่มุมศิลปะที่ไม่จัดจ้าน ฉูดฉาดเหมือนที่เคยผ่านตามา

#MovieReview #รีวิวหนัง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: #Alive (2020)

 #Alive (2020) คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ Screenwriter & Director:   Jo Il Hyung       ตั้งแต่ทั่วโลกได้รู้จักกับ Train to Busan ก็ต้องบอกว่า ไม...