วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2565

Review: L-DK: Two Loves, Under One Roof (2019)

 L-DK: Two Loves, Under One Roof (2019)

#ปีนรั้วรีวิว #Romance Director: Yasuhiro Kawamura
      หนังโรแมนติก คอมเมดี้ ที่เล่าเรื่องราวต่อจากเวอร์ชั่นปี 2014 ของคู่พระนาง ยามะเคนและอายาเมะ หลังจากที่ อาโออิ นิชิโมริ (Mone Kamishiraishi) และ ชูเซย์ คุกายามะ (Yôsuke Sugino) คู่รักวัยมัธยมปลาย ตัดสินใจพักอยู่ในอพาทเมนท์ห้องเดียวกัน โดยที่ผู้ใหญ่อนุญาตแต่ก็มีกฎข้อห้ามให้พวกเขาปฏิบัติตาม

ถึงกระนั้นนอกจากเพื่อนซี้ โมเอะ ชิบุยะ (Sara Takatsuki) กับ เรียวสุเกะ ซาโตะ (Kazuki Horike) แฟนของโมเอะแล้ว ภายในในโรงเรียนไม่มีสักคนเลยที่ล่วงรู้ความลับนี้ แน่ล่ะว่าหากเรื่องที่เด็กมัธยมสองคนอาศัยอยู่ด้วยกัน รู้ไปถึงหูผู้หลักผู้ใหญ่ในโรงเรียนเข้า มีหวังพวกเขาคงโดนไล่ออกเป็นแน่ ตลอดเวลาที่อยู่ในรั้วโรงเรียน อาโออิ กับ ชูเซย์ จึงต้องทำเมินใส่กันเหมือนคนไม่รู้จัก

กระทั่งการมาถึงของ เระอง คุกายามะ (Ryûsei Yokohama) หนุ่มหล่อญาติและเพื่อนสนิทของ ชูเซย์ ที่เพิ่งย้ายมาจากอเมริกา ซึ่งความต้องการของ เระอง ก็คือ พา ชูเซย์ กลับไปอยู่ที่อเมริกาด้วยกัน แต่ไม่ว่าจะคาดคั้นเท่าไหร่คำตอบที่ได้ก็คือ การปฏิเสธ เระอง จึงเริ่มสงสัยถึงสาเหตุที่ว่า ทำไมเพื่อนคนนี้ถึงเปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก ซึ่งสิ่งที่เขาคิดได้ก็คือ ชูเซย์ คงจะแอบมีแฟนอยู่แน่ ๆ ถึงได้ไม่ยอมทิ้งเธอกลับไปอเมริกา เขาจึงเริ่มปฏิบัติการสืบหาตัวว่าใครกันนะ ที่เป็นคนรั้งตัวเพื่อนซี้คนนี้เอาไว้

Review: Birthday (2018)

Birthday (2018) สุขสันต์วันลูกชายฉันเกิด

#ปีนรั้วรีวิว #Drama Director: Jong-un Lee
      ซุนนัม (Do-yeon Jeon) แม่ที่ใช้ชีวิตตามลำพังกับลูกสาวอย่าง เยโซล (Kim Bo-Min) เมื่อสามีอย่าง จองอิล (Kyung-gu Sol) ต้องไปทำงานต่างประเทศ ทว่าเรื่องความทุกข์ใจในชีวิตของ ซุนนัม ไม่ใช่การที่สามีไม่ได้อยู่กับครอบครัว หรือการที่เธอต้องดิ้นรนทำงานเลี้ยงตัวเพียงลำพัง แต่มันคือการสูญเสีย ซูโฮ (Yoon Chan-Young) ลูกชายคนโต ในเหตุการณ์เรือเซวอล อับปางเมื่อปี 2014 โดยที่เธอไม่มีใครอยู่เคียงข้าง กระทั่งสามีหรือพ่อของลูก ซุนนัม จึงทำได้เพียงอดกลั้นเก็บกดความโศกเศร้า เพื่อทำงานหาเงินมาเลี้ยงดูตัวเองกับลูกสาว ด้วยการทำงานเป็นพนักงานร้านมินิมาร์ท

เวลาผ่านไปหลายปีในที่สุด จองอิล ก็เดินทางกลับจากต่างประเทศ เขารู้สึกผิดที่ตัวเองไม่ได้อยู่เคียงข้างครอบครัวในวันที่สูญเสียลูกชาย จองอิล จึงพยายามกลับเข้ามาเพื่อชดเชยเวลาที่ผ่าน แต่ดูเหมือนว่า ซุนนัม จะไม่สามารถให้อภัยเขาได้ง่าย ๆ เธอยังเจ็บปวดทรมานทุกครั้ง เวลาเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของลูกชาย เวลาเธอเห็นเด็กคนอื่นก็มักหลงคิดว่า ซูโฮ ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อ ซุนนัม ยังไม่สามารถก้าวข้ามความเจ็บปวดภายในใจได้ สิ่งที่สามีอย่าง จองอิล จำเป็นต้องทำจึงไม่ใช่เพียงแค่ให้เธออภัยแก่เขา แต่ยังต้องคอยประคับประคองให้ ซุนนัม ก้าวข้ามความสูญเสียไปให้ได้อีกด้วย

หนังได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์เรือเซวอลอับปาง ซึ่งหลายคนน่าจะยังจำเหตุการณ์นั้นได้ดี เนื่องด้วยมีความสูญเสียเป็นจำนวนมากและมีดราม่าตามมามากมาย ซึ่ง เซวอล เป็นเรือที่เดินทางมุ่งหน้าจากเมืองอินชอนไปที่เกาะเชจู แต่เกิดเหตุการณ์เรืออับปางเสียก่อน ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 304 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนของ โรงเรียนมัธยมดันวอน ในเมืองอันซาน (Ansan)

วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2565

Review: Witch’s Court (2017)

 Witch’s Court (2017) แสบใสอัยการแม่มด

หากพูดถึงซีรีส์เกาหลีแนวกฎหมายผมยกให้  Witch’s Court (2017) แสบใสอัยการแม่มด เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องในดวงใจเลยครับ ด้วยความที่จับประเด็นเรื่องราวมานำเสนอได้ดี บทของตัวละครเอกมีมิติ มีการพัฒนา ไม่ได้แบนราบหรือมีบุคลิกเดียวตลอดทั้งเรื่อง แต่ทัศนคติจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ที่พบเจอ เช่นเดียวกันกับผู้ชมซีรีส์ที่จะได้เรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับอัยการมาอีดึม
กวักยองซิล (Il-hwa Lee) แม่เลี้ยงเดี่ยวที่อาศัยอยู่กับลูกสาว มาอีดึม (Ryeowon Jung) ด้วยกันสองคน กวักยองซิล พยายามหลีกหนีอดีตอันโหดร้ายของตัวเอง ที่เคยถูก โจกับซู (Kwang-ryul Jun) นายตำรวจใหญ่ในตอนนั้น ล่วงละเมิดทางเพศเธอและเพื่อนอีกสามคม แต่จากการที่ โจกับซู เอาตัวรอดจากการถูกดำเนินคดี จึงทำให้ กวักยองซิล เปลี่ยนใจไปเป็นพยานในชั้นศาล แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เจอกับอัยการมินจีซุก ที่ดูแลคดีนี้ กวักยองซิล กลับได้เจอ โจกับซู ก่อน ซึ่งเขาได้ทำให้เธอหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
หลังเวลาผ่านไป 20 ปี จากเด็กที่แม่หายตัวไปอย่างเป็นปริศนา มาอีดึม กลายเป็นอัยการมาอีดึม อัยการสุดแสบที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองชนะคดี ไม่ว่าวิธีการจะถูกหรือไม่ถูกใจใคร จะถูกต้องหรือไม่ก็ตาม หากผลลัพธ์เป็นการได้รับชัยชนะ มาอีดึม ก็ไม่เคยลังเลที่จะลงมือทำมัน แต่การเข้าไปผัวพันกับความผิดของหัวหน้าอัยการในแผนก มาอีดึม จึงถูกย้ายมาอยู่ในที่ไม่มีใครอยากมา ซึ่งที่นั่นก็คือ แผนกคดีทางเพศ ส่วนหัวหน้าทีมก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มินจีซุก อดีตอัยการที่ทำคดีแม่ของเธอนั่นเอง แต่ที่ซวยไปกว่านั้น อัยการยอจินวุค คู่ปรับและหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เธอถูกย้าย ก็ยังตามล้างตามเช็ดย้ายโดนย้ายมาอยู่แผนกเดียวกัน
แล้วการได้ทำงานที่แผนกคดีทางเพศ มาอีดึม ต้องเจอกับเรื่องราวมากมาย ที่มันจะเปลี่ยนความคิดเธอจากที่เคยเป็น จากที่เคยทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะไม่สนใจทั้งเหยื่อ หรือจำเลยว่าจะได้รับผลกระทบยังไง รวมทั้งเธอยังได้ทำตามจุดประสงค์หลักในการมาเป็นอัยการ ซึ่งก็คือการตามหาความจริงเรื่องที่แม่ของเธอหายตัวไปนานถึง 20 ปี ว่าตกลงแล้วเป็นใครกัน ที่คอยบงการอยู่หลังม่านในเรื่องนี้

วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2565

Review: Cafe Funiculi Funicula (2018)

 Cafe Funiculi Funicula (2018) เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น

#ปีนรั้วรีวิว #Drama Director: Ayuko Tsukahara

Funiculi Funicula ร้านกาแฟในตำนานที่มีข่าวลือปากต่อปากว่า หากใครได้นั่งจิบกาแฟบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ที่ชงและรินให้โดย คาสุ (คาสุมิ อาริมุระ) สาวสวยเจ้าของร้าน ก็จะสามารถย้อนเวลากลับไปในอดีตช่วงเวลาที่ต้องการได้ ในแต่ละวันมีผู้คนแวะเวียนเข้ามามากมาย เพราะอยากจะลองย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีต แต่หลายคนต่างถอดใจยอมแพ้กลับไป เมื่อเก้าอี้ที่ว่านั้นไม่เคยว่าง แถมเจ้าของประจำเก้าอี้ในร้านตัวนั้นก็คือ วิญญาณของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเธอไม่ยอมลุกไปไหนเสียที
แล้วในที่สุดเก้าอี้ตัวนั้นก็ว่างจนได้ เมื่อวิญญาณของผู้หญิงคนนั้นลุกไปเข้าห้องน้ำ ฮ่าฮ่า โชคดีเลยตกเป็นของ ฟูมิโกะ (Haru) สาวที่อยากจะย้อนเวลากลับไปยังวันที่ โกโระ (Kento Hayashi) เพื่อนซี้ของเธอนัดเจอเพื่อบอกลาไปอเมริกา ฟูมิโกะ มีเรื่องราวที่อยากบอกแต่เธอไม่ได้บอกออกไปในวันนั้น เพียงแต่เรื่องสำคัญที่ ฟูมิโกะ ยังไม่รู้เกี่ยวกับข้อแม้ของการย้อนเวลาก็คือ กฎ 4 ข้อ ที่สุดท้ายแล้วแม้จะย้อนเวลาได้สำเร็จ แต่มันอาจจะไม่มีความหมายอะไรเลยก็ได้ เมื่อไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้แล้ว

Review: Sunny : Our Hearts Beat Together (2018)

Sunny : Our Hearts Beat Together (2018) วันนั้น วันนี้ เพื่อนกันตลอดไป
นามิ (Ryôko Shinohara) แม่บ้านเต็มเวลาของสามีนักธุรกิจ แม่ของลูกสาววัยมัธยมปลายที่กำลังขัดใจแม่ นามิ เดินทางไปเยี่ยมแม่ที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล แต่ระหว่างทางเดินกลับเธอแอบเห็นภาพผู้ป่วยคนหนึ่งนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียง ซึ่งคนไข้คนนั้นก็คือ เซริกะ (Yuka Itaya) ชื่อที่ นามิ คุ้นเคย จนเธอต้องย้อนกลับมาที่ห้องผู้ป่วยนั้นอีกครั้งเพื่อดูให้แน่ใจ แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ใช่คนที่เธอคิดจริง ๆ เซริกะ เพื่อนซี้หัวโจกสมัยมัธยมปลายของเธอ เพื่อนคนแรกที่ในตอนนั้น นามิ เป็นเพียงเด็กบ้านนอกเพิ่งย้ายเข้ามาเรียนในกรุง ยังไม่ประสีประสาอะไร
เซริกะ ป่วยด้วยโรคมะเร็งนาฬิกาชีวิตของเธอ เหลืออีกเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น แม้ชีวิตของ เซริกะ จะประสบความสำเร็จ ร่ำรวย มีธุรกิจมากมาย แต่ที่ผ่านมาเธอกลับใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ไม่มีครอบครัว ความฝันเพียงอย่างเดียวในบั้นปลายชีวิตในตอนนี้ คือได้เห็นการกลับมาพบกันอีกครั้งของ แก๊ง Sunny เพื่อนซี้สมัยเรียนมัธยมปลาย ที่ภาพความทรงจำมากมาย ทั้งสุข เศร้า มันยังคงตราตรึงอยู่ไม่ลืมเลือน

วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2565

Review: Tonight, At Romance Theater (2018)

 Tonight, At Romance Theater (2018) รักเรา จะพบกัน

“ชีวิตคือการผลัดใบ” เคนจิ (Kentarô Sakaguchi) หนุ่มผู้ช่วยผู้กำกับหนัง ที่รักการทำหนังและการดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ คาแรคเตอร์ตัวละครจากหนังที่เขารักมากที่สุดก็คือ องค์หญิงมิยูกิ (Haruka Ayase) จากเรื่ององค์หญิงจอมแก่นกับสามอัศวินหน้าขน หนังเก่าที่แทบไม่มีใครคิดจะดูแล้ว เคนจิ รักหนังเรื่องนี้มากถึงขนาดที่ว่า แม้ต้องเหมาเก้าอี้ทุกตัวโรงหนัง เพื่อนั่งดูหนังเก่าเรื่องนี้เขาก็ยอมจ่าย
เพียงแต่ว่าอีกไม่นาน เคนจิ ก็จะอดได้พบกับองค์หญิงมิยูกิ นางเอกจากหนังเรื่องนี้แล้ว เมื่อเจ้าของโรงฉายตัดสินใจขายฟิล์มม้วนนั้นให้กับนักสะสม เขาจึงขอร้องกับเจ้าของโรงหนังแห่งนั้นว่า อยากจะขอดูหนังเรื่องนี้อีกเป็นครั้งสุดท้าย และแล้ว เคนจิ ก็ได้พบกับ องค์หญิงมิยูกิ สมใจอยากอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับเขา เมื่อองค์หญิงมิยูกิ ดันทะลุจอออกมาตัวขาวโพลน (เพราะเป็นหนังขาวดำ) แถมยังเกาะติด เคนจิ เป็นกาวตราช้าง พ่อหนุ่ม เคนจิ ก็เลยต้องจำยอมรับหน้าที่ เป็นคนรับใช้ของเธอไปโดยปริยาย

Review: My Friend 'A' (2018)

 My Friend 'A' (2018)

#ปีนรั้วรีวิว #Drama Director: Takahisa Zeze

      จุนอิชิ มาสุดะ (Tôma Ikuta) ชายหนุ่มที่หวังว่าวันหนึ่งเขาจะได้เป็นนักข่าว แต่หลังจากเรียนจบเจ้าตัวทำได้เพียง แค่ตระเวนทำงานเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ตามโรงงาน ในตอนนี้เขาเป็นพนักงานชั่วคราว พร้อมกับ ฮิเดโตะ ซูซุกิ (Eita) หนุ่มเซอร์มาดขรึม ที่ไม่ยอมสุงสิงกับใคร มาสุดะ พยายามเป็นฝ่ายเข้าไปทักทายพูดคุยก่อน แต่ดูจะไม่เป็นผลเมื่อ ซูซุกิ เหมือนพยายามเก็บซ่อนบางอย่าง ไม่สนใจผู้คนรอบข้างเลยแม้แต่น้อย

วันหนึ่ง มาสุดะ ได้รับการติดต่อจาก คิโยมิ สุกิโมโตะ (Mizuki Yamamoto) เพื่อนสมัยเรียนที่ตอนนี้ทำงานสำนักพิมพ์ เธอติดต่อขอให้เขาช่วยเขียนสกู๊ปข่าว การฆาตกรรมเด็กคนหนึ่งซึ่งมีคนพบศพอยู่ในอุโมงค์ แล้วอุโมงค์ที่ว่ามันเป็นอุโมงค์แห่งเดียวกับคดีฆาตกรรม ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 17 ปีที่แล้ว มาสุดะ เริ่มค้นหาข้อมูลคดีฆาตกรรมในอดีต จนเขาได้พบกับรูปภาพของเหยื่อและผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรม ที่เป็นเพียงเด็กชายวัย 14 ปีในตอนนั้น

มันจะไม่มีอะไรน่าประหลาดใจเลย หากเด็กชายวัย 14 ปีในรูปนั้น หน้าไม่เหมือนกับ ซูซุกิ เพื่อนใหม่ในที่ทำงานของเขา มาสุดะ จึงเริ่มสังเกตพฤติกรรมของเพื่อนใหม่คนนี้ แต่เรื่องกลับกลายเป็นว่า ยิ่งรู้จัก ซูซุกิ มากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งไม่อยากจะเชื่อว่าชายคนนี้ จะเป็นคนร้ายฆ่าเด็กเมื่อ 17 ปีที่แล้วได้

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2565

Review: Masquerade Hotel (2019)

 Masquerade Hotel (2019) พิกัดต่อไปใครเป็นศพ

#ปีนรั้วรีวิว #Crime #Mystery Director: Masayuki Suzuki
      เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งสืบคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เกิดขึ้นในเมือง ซึ่งมีเหยื่อในคดี 3 รายถูกพบเป็นศพ แต่ความแปลกของคดีนี้ก็คือ เหยื่อทั้ง 3 ราย ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน หรือมีอะไรที่พอจะเชื่อมโยงทั้งสามคดีเข้าหากันได้ ไม่ว่าจะข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อ หรือแม้แต่วิธีการลงมือของฆาตกร ในแต่ละครั้งก็มีรูปแบบไม่เหมือนกันอีกด้วย

สิ่งเดียวที่ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปว่า เหยื่อทั้ง 3 รายเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ก็เพราะบนร่างของเหยื่อที่พบนั้น คนร้ายจะทิ้งกระดาษที่ระบุชุดตัวเลขเอาไว้ ซึ่งตัวเลขที่ว่านั้นก็คือ พิกัดที่จะเกิดเหตุฆาตกรรมครั้งต่อไป หลังจากเหยื่อรายที่สามที่เป็นเหยื่อรายล่าสุด ตำรวจหนุ่มอย่าง โคสุเกะ นิตตะ (Takuya Kimura) ผู้ที่เป็นคนไขปริศนาชุดตัวเลขของคนร้ายได้ ระบุว่าสถานที่ฆาตกรรมเหยื่อรายต่อไปก็คือ โรงแรมหรู HOTEL CORTESIA TOKYO โรงแรมที่มีแขกมากหน้าหลายตาเข้ามาพัก

การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะตามจับคนร้ายรายนี้ได้ พวกเขาจึงจำเป็นต้องส่งคนแฝงตัวเข้ามา เป็นทั้งพนักงานโรงแรมและแขกที่เข้าพัก สำหรับเจ้าหน้าที่คนอื่นแล้วอาจจะไม่ใช่ปัญหา แต่ไม่ใช่กับ นิตตะ ตำรวจหนุ่มขาลุยขี้วีน เขาได้รับมอบหมายให้เป็นพนักงานต้อนรับ ที่ต้องคอยจับคู่ร่วมงานกับ นาโอมิ ยามากิชิ (Masami Nagasawa) พนักงานต้อนรับเจ้าระเบียบ เป๊ะไปเสียทุกเรื่อง มองคุณลูกค้าเปรียบเสมือนพระเจ้า นิตตะ ก็เลยต้องรับศึกหลายด้าน ทั้ง ผู้คุมกฎอย่าง ยามากิชิ ร่วมถึงสารพัดปัญหาจากลูกค้า ซึ่งอาจจะเป็นใครก็ได้ที่เป็นคนร้ายตัวจริง

Review: Pure! Ichinichi Idol Shochou no Jikenbo (2019)

 Pure! Ichinichi Idol Shochou no Jikenbo (2019) เค้าวานหนูเป็นผู้การ

#ปีนรั้วรีวิว #Comedy
      คุโรบาระ จุนโกะ (Hamabe Minami) ไอดอลตกอับงานการไม่มีทำ เมื่อความถนัดของเธอไม่ใช่การเป็นไอดอล แต่ดันเป็นการเผือกเรื่องของไอดอลคนอื่น และพยายามทำลายล้างคู่แข่ง ผู้จัดการส่วนตัวของเธอจึงพยายามกอบกู้ภาพลักษณ์ ด้วยการให้ จุนโกะ เข้าร่วมกิจกรรมของทางกรมตำรวจ ซึ่งจะให้ไอดอลอย่างเธอเป็นผู้การประจำสถานี 1 วัน แต่ชีวิตของ จุนโกะ ก็ยังไม่วายมีมารผจญมาทำตัวเด่นกว่า เพราะเพียงแค่มัสคอตประจำเมือง ก็ยังได้รับความนิยมมากว่า จุนโกะ เสียอีก ฮ่าฮ่า

ด้วยความอยากสนุกบวกกับความอยากรู้อยากเห็น ทำให้ จุนโกะ กลายเป็นพยานผู้พบศพคนตายในโกดังร้าง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเหยื่อของฆาตกรต่อเนื่อง ที่เรียกตัวเองว่าเป็น ”คนบาปผู้ไถ่บาป” แต่การสืบสวนของนักสืบหนุ่มมาดเข้ม อย่าง โทโดะ ซึซาคุ (Higashide Masahiro) ที่พยายามสอบถามข้อมูลจาก จุนโกะ ในฐานะพยานกลับเจอเรื่องน่าปวดหัว เมื่อเธอขอเข้าร่วมการสืบสวนในฐานะคู่หู แลกกับการที่เธอจะเก็บความลับบางอย่างของเขาเอาไว้

Review: Dreaming Back to the Qing Dynasty (2019)

Dreaming Back to the Qing Dynasty (2019) ฝันคืนสู่ต้าชิง #Drama   #Romance Director: Lee Kwok Lap, Wai Hong Chui, Chen Shu Liang Screenwrite...