วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2566

Review: Why I Dress Up For Love (2021)

Why I Dress Up For Love (2021) เหตุผลที่ต้องแต่งแต้มความรัก

#ปีนรั้วรีวิว #Romance Director: Tsukahara Ayuko
      คุรุมิ มาชิบะ (ฮารุนะ คาวากุชิ) พีอาร์สาวของบริษัทตกแต่งภายใน เอลอาโค่ เธอทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์และดูแลสื่อโซเชียลของบริษัท นั่นเลยส่งผลพลอยได้ให้เธอกลายเป็น Influencer ที่มีผู้ติดตามเกินหนึ่งแสนคน เพียงแต่หน้าที่และงานต่าง ๆ ที่คุรุมิ ทำ แรงบันดาลใจกลับไม่ใช่สิ่งที่ผมกล่าวมา แต่แรงขับเคลื่อนที่ทำให้ คุรุมิ ตั้งหน้าตั้งตาทำงานกลับเป็น โชโกะ ฮายามะ (โอซามุ มุไค) ประธานบริษัทหนุ่มรูปหล่อ ผู้ชายที่ คุรุมิ ใฝ่ฝันถึงมาตั้งแต่สมัยเรียน ซึ่ง คุรุมิ คงนึกไม่ถึงว่าไอ้การก้มหน้าก้มตาทำแต่งานโดยมีผู้ชายเป็นแรงบันดาลใจ มันจะทำให้เธอลืมต่อสัญญาเช่าบ้านจนต้องเก็บข้าวของย้ายออกมา

คุรุมิ ได้รับคำชวนจาก โคโกะ ซาโอโตเมะ สาวใหญ่ใจดี ที่คอยให้ความช่วยเหลือมาตั้งแต่สมัยเรียน ด้วยการให้ คุรุมิ ย้ายมาเช่าบ้านในขณะที่ โคโกะ เดินทางไปเรียนต่อเป็นเวลาหนึ่งปี เพียงแต่ คุรุมิ คงไม่ได้เตรียมใจมาก่อนว่าบ้านเช่าหลังใหม่จะกลายเป็นแชร์เฮ้าส์ ที่มีผู้ร่วมเช่าถึง 4 คน ไม่ว่าจะเป็น ฮารุโตะ เทไร (ริวเฮย์ มารุยามะ) นักจิตบำบัดที่คอยให้คำปรึกษาแก่ผู้คน อายากะ ฮาเสะ (อันเนะ นาคามุระ) นักวาดภาพที่พยายามทำฝันในการเป็นศิลปินอาชีพให้กลายเป็นความจริง แล้วก็ ชุน ฟูจิโนะ (ริวเซย์ โยโกฮาม่า) หนุ่มมินิมอลลิสม์ที่ทำอาชีพขายอาหารฟู้ดทรัค คนมักน้อยที่ถือคติจะมีเพียงแค่สิ่งที่จำเป็นต่อชีวิตเท่านั้น คนที่เยอะและชีวิตวุ่นวายอยู่ตลอดอย่าง คุรุมิ ก็เลยมักจะมีความเห็นไม่ตรงกับ ชุน เสมอ เพียงแต่ความต่างมันก็ทำให้แต่ละคน ต่างได้เห็นมุมมองใหม่ที่ต่างออกไปเช่นกัน
 

ซีรีส์ที่ผมคงจะจำกัดความสั้น ๆ ถึงใจความที่สื่อสารได้ว่า “เพราะใจคนมันเปลี่ยนบ่อยกว่าฤดู เราต้องเลยต้องหมั่นเติมความรู้สึกดีให้แก่กัน” แต่ผมขอพูดถึงเนื้อหาการเล่าเรื่องอะไรต่าง ๆ ของซีรีส์ก่อนก็แล้วกันครับ เดี๋ยวค่อยย้อนมาพูดถึงใจความที่ซีรีส์สื่อสาร เนื้อหาที่ซีรีส์หยิบเอามาเล่ามีส่วนผสมอยู่หลายอย่างทีเดียวครับ แล้วก็ทำออกมาได้เป็นเนื้อเดียวกันด้วย เพียงแต่ก็ต้องบอกว่าแต่ละส่วนผสมที่ใส่เข้ามา ซีรีส์ไม่ได้นำมาเล่าแบบดราม่าจริงจังขนาดนั้น เนื้อหาของซีรีส์ก็เลยไม่ได้เข้มมากแต่เล่าแบบดูได้เพลิน ๆ สถานการณ์ในซีรีส์มันเลยประมาณว่า สร้างปมขึ้นมาให้ตัวละครได้เผชิญหน้า แล้วก็คลี่คลายปมที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่คอยเคียงข้างกัน ก่อนจะยกระดับความสัมพันธ์ให้เข้าใกล้กันมากขึ้น

ส่วนผสมที่ซีรีส์นำมาใช้ก็อย่างเช่น การยกเอาหัวข้อที่เข้ากับยุคปัจจุบันอย่างความเป็น Influencer ของ คุรุมิ มาใช้ สิ่งที่ต้องคอยแบกรับเมื่อมีผู้ติดตามมากขนาดนี้ การรับมือกับความคิดเห็นไม่ดี การรับมือเมื่อเกิดดราม่าขึ้นมา การหาคำตอบให้กับตัวเองของ คุรุมิ ว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ที่ทำ เธอทำเพราะชอบมันจริงหรือเพียงแค่เพราะต้องการสนับสนุนคนที่เธอมองเขาเป็นเส้นชัย แล้วถ้าเส้นชัยนั้นไม่มีอยู่แล้ว เธอจะยังสามารถทำมันอยู่ได้หรือเปล่า

แล้วก็แน่นอนว่าพอเป็นการมาอยู่ร่วมกันของคนหลายคน ซีรีส์ก็ยังเล่าเรื่องราวของตัวละครอื่นอีกด้วย ซึ่งถือว่าให้แอร์ไทม์ไม่น้อยเลยทีเดียวครับ อย่างตัวละคร ฮารุโตะ หนุ่มนักจิตบำบัดที่ก็แอบเล็ง คุรุมิ เหมือนกันในทีแรก แม้จะเป็นตัวละครที่ไม่ได้มีปมดราม่าอะไรมาก แต่ก็เป็นคนที่มีส่วนสำคัญในการรับฟัง พูดคุย กับคนอื่นในบ้าน เป็นตัวละครที่ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ในหลายครั้งเลยล่ะครับ ฮาเสะ นักวาดรูปที่พยายามทำตามความใฝ่ฝันในการเป็นศิลปินอาชีพ แต่ก็แลกมาด้วยการทำงานหนักเพิ่มขึ้น เมื่อต้องทำงานพาร์ทไทม์เพื่อหาเลี้ยงตัวเอง คนที่ไม่เปิดใจรับใครเข้ามาง่าย ๆ เป็นตัวละครที่มีสถานการณ์สวิงมากเลยครับ เดี๋ยวก็เจอเรื่องให้มีความหวัง แล้วก็ผิดหวัง แล้วเดี๋ยวก็เจอความหวัง แล้วก็ผิดหวังวนซ้ำไปเรื่อย ซึ่งไอ้สถานการณ์แบบนี้มันเลยทำให้ ฮาเสะ ต้องมาถามตัวเองว่า อนาคตของเธอจากนี้จะเอายังไงกับมันดี

ส่วนพระเอกอย่าง ชุน คนดูอย่างเราสังเกตเห็นได้ตั้งแต่แรกเลยว่า ความเป็นหนุ่มมินิมอลลิสม์ของเขา มันคงมีสาเหตุหรือปมอะไรบางอย่าง มันถึงได้หล่อหลอมให้เขาเป็นคนที่ใช้ชีวิตชิว ๆ อยากทำมาหากินก็ทำ อยากหยุดก็หยุด ไม่เล่นโซเชียล ไม่ใช้โทรศัพท์ แต่งตัวสบาย ๆ แล้วก็ใช้แต่สิ่งจำเป็นเท่านั้น ผมว่าในชีวิตจริงของคนเราก็น่าจะมีคนแบบเขาอยู่เหมือนกันครับ แค่อาจจะอาการหนักไม่เท่า ตัวผมก็อาจเป็นหนึ่งในนั้น เมื่อเราทำสิ่งที่คาดหวังทั้งจากผู้คนและตัวเองไม่สำเร็จ เลยทำให้เกิดความคิดว่า “ไม่คาดหวัง ไม่ผิดหวัง” เพียงแต่พอเป็นเรื่องของความรัก คนเราจะสามารถไม่คาดหวังในความสัมพันธ์ได้จริงหรือเปล่า ส่วนคำตอบก็ไปหากันเอาในซีรีส์ละกันครับ

มาพูดถึงใจความของซีรีส์ที่ผมค้างเอาไว้ก็แล้วกันครับ ปูพื้นคาแรคเตอร์ตัวละครมาพอสมควรแล้ว “ถึงอากาศจะเปลี่ยนแปลงบ่อยแค่ไหน ใจคนก็เปลี่ยนได้บ่อยว่านั้น” คำที่ผมจำกัดความเอาไว้ หากใครดูซีรีส์แล้วจะเห็นเลยว่า ตัวละครมีการเปลี่ยนใจตัวเองมารักอีกคน คุรุมิ จากที่เคยเห็นประธานฮายามะ เป็นเส้นชัย เธอก็เปลี่ยนใจเมื่อเขาไม่อยู่ ฮารุโตะ เคยสนใจเมื่อ คุรุมิ ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ ก็เปลี่ยนใจเมื่อสถานการณ์เปลี่ยน ฮาเสะ เคยมีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนจนกลายเป็นความทุกข์ ก็เปลี่ยนใจเมื่อมีใครเข้ามาดูแลความรู้สึก ชุน ที่เคยมีคนรักก่อนจะมองความสัมพันธ์แบบคนรักเป็นเรื่องไม่จำเป็น ก็ยังเปลี่ยนความคิดไปจากเดิม ไม่เว้นกระทั่งตัวละคร โคโกะ ที่โกรธเกลียดบางคนเข้าไส้มานาน

ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลมันล้วนมาจากการสร้างความรู้สึกดีให้แก่กัน ไม่ว่าจะการเยียวยาความรู้สึก การคอยอยู่ข้าง ๆ แม้จะไม่พูดอะไรสักคำในยามที่อีกฝ่ายเจอกับปัญหา แล้วหากลองสังเกตดูให้ดีจะเห็นเลยว่า เมื่อมีปัจจัยภายนอกมาท้าทายความสัมพันธ์ การคอยเติมความรู้สึกดีให้กันนี่แหละ ที่มันทำให้ความสัมพันธ์มันมั่นคงแข็งแรง ยากที่จะมีอะไรมาสั่นคลอน อันที่จริงมันมีหลายฉาก แต่ผมขอยกสถานการณ์หนึ่งที่ซีรีส์สร้างออกมา แล้วสื่อสารใจความของตัวเองได้ชัดเจนเลยครับ

เมื่อ ชุน ไม่สามารถรักษาคำพูดที่ให้กับ คุรุมิ เลยเป็นการเปิดช่องให้ ฮายามะ สร้างโอกาสของตัวเองได้ หากเป็นสถานการณ์ในหนังหรือซีรีส์เรื่องอื่น ฉากต่อมาคงเป็นความพ่อแง่แม่งอนแน่นอนครับ แต่ในซีรีส์เรื่องนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น ชุน ทำในเรื่องตรงกันข้าม นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ ไม่มีใครมาแทรกตรงกลางระหว่างความสัมพันธ์ได้ นี่เลยเป็นใจความหลักของซีรีส์ครับ “เพราะใจคนเรามันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เราก็เลยต้องคอยหมั่นดูแลและเติมใจให้กันอยู่เสมอ”

ในพาทของนักแสดงอาจไม่มีอะไรให้พูดถึงมากนักครับ ไม่ใช่เพราะอะไร แต่ละคนไม่ใช่หน้าใหม่ก็ทำได้ดีกันอยู่แล้ว หากจะมีอะไรให้พูดถึงสักหน่อยคงจะเป็นเคมีระหว่าง ฮารุนะ กับ ริวเซย์ ถือว่าโอเคเคมีดีใช้ได้เลยนะครับ ถึงจะดูว่าบุคลิกของสองตัวละครมีความแตกต่างกัน แต่การแสดงแล้วก็เคมีของนักแสดงก็เชื่อมกันติด ตอนที่เป็นคู่กัดความเห็นไม่ค่อยตรงกันก็ว่าออกมาน่ารักแล้ว ตอนที่ความสัมพันธ์กลายมาเป็นคู่รักแล้วก็ออกมาดีงามยิ่งกว่าเดิม

รีวิวมาเยอะละผมขอสรุปถึงเรื่องนี้เลยก็แล้วกันครับ สำหรับเรื่องนี้ผมว่าเป็นซีรีส์ที่อาจจะไม่ได้มีเนื้อหาที่สนุกอะไรมาก ทำออกมาในธีมดูง่าย เนื้อเรื่องน่ารัก ชิว ๆ สบาย ๆ แบบมินิมอลลิสม์ของพ่อหนุ่ม ชุน นั่นแหละ ในส่วนที่ทำได้ดีเลยเป็นพาทของความสัมพันธ์ตัวละคร หลายส่วนสัมผัสความรู้สึกคนดูได้ดี แล้วที่ถูกใจผมที่สุดก็เห็นจะเป็นใจความของซีรีส์นี่แหละครับ คือมันเป็นเรื่องพื้นฐานของความสัมพันธ์เลยนะ แต่เราก็มักจะมองข้ามหรือลืมนึกถึงมันไป หลายครั้งก็ใช้อารมณ์นำจนกว่าจะรู้ตัวอีกทีว่าพลาด ก็ตอนที่มีคนอื่นมาแต่งแต้มเติมความรักให้กับคนของตัวเอง จนเขาเปลี่ยนใจไปนั่นแหละครับ

#MovieReview #รีวิวหนัง 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: All of Us Are Dead (2022)

 All of Us Are Dead (2022) มัธยมซอมบี้ Screenwriter:  Chun Sung Il Director:  Lee Jae Gyoo       ซีรีส์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธ...