Here We Meet Again (2023) กลับมารักกันอีกครั้ง
#Romance #ComedyDirector: Tien Jen Huang
Screenwriter: Wu Yao เซี่ยงหยวน (อู๋เชี่ยน) หลานสาวประธานใหญ่เครือตงเหอกรุ๊ป สาวนักสตรีมเกมชื่อดังที่ปิดบังตัวตนเป็นความลับ ปู่ของเธอพยายามหว่านล้อมให้หลานสาวแต่งงาน แต่ไม่ว่ายังไงหลานสาวตัวดีก็เอาแต่บ่ายเบี่ยงไม่รับปาก คนเป็นปู่เลยยื่นคำขาดกับหลานสาวว่าหากไม่อยากแต่งงานล่ะก็ ถ้าอย่างนั้นก็ไปทำงานที่เหวยหลินบริษัทลูกที่จำหน่ายอุปกรณ์นำทางในรถยนตร์
ที่เหวยหลิน เซี่ยงหยวน ได้พบกับ สวีเยี่ยนสือ (จางปินปิน) รักครั้งแรกสมัยเรียนม.ปลายอีกครั้ง แต่การพบกันกลายเป็นการสร้างความน่าอึดอัด เพราะในอดีต สวี่เยี่ยนสือ หลบหายจากไปเงียบ ๆ ไม่มีใครติดต่อได้ จนสร้างความเข้าใจผิดให้กับ เซี่ยงหยวน ถึงอย่างนั้นความจำเป็นที่ต้องทำงานร่วมกัน ก็ทำให้ทั้งสองคนไม่สามารถหลีกหนีการเผชิญหน้าได้ แม้ เซี่ยงหยวน จะยังไม่เข้าใจเหตุผลทั้งหมด แต่การที่ สวี่เยี่ยนสือ มักจะคอยออกหน้าปกป้อง ก็ทำให้เธอเริ่มรู้สึกหวั่นไหวกับความรักครั้งแรกคนนี้อีกครั้ง
ซีรีส์จีนแนวโรแมนติกที่ผมค่อนข้างชอบในผลลัพธ์เลยครับ ทำออกมาได้ น่ารัก กลมกล่อม ไม่ดราม่ามากเกินไป แต่เนื้อหาก็ไม่เบาบาง ความสัมพันธ์ตัวละครก็ทำออกมาได้ดีไม่พ่อแง่แม่งอนชวนลำไย มันก็มีบ้างในช่วงแรกไอ้ความจิกกัดไม่เข้าใจกัน แต่ยังอยู่ในระดับต่อปากต่อคำที่ไม่ได้มีทัศนคติเป็นลบ ส่วนหนึ่งด้วยดราม่าความเข้าใจผิดในอดีตมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โต เป็นแค่การที่คน ๆ หนึ่งหายไปโดยไม่บอกกล่าวอะไรในวันสำคัญ ความรู้สึกหลังกลับมาเจอกันเลยเหมือนแค่การวางฟอร์มแอบงอนกันเล็ก ๆ เท่านั้น
พาทความรักของเรื่องนี้มันมีความคาบเกี่ยวทั้งเรื่องฐานะ หน้าที่การงาน พื้นหลังครอบครัว แม้คนดูอย่างเรามองจากดาวอังคารก็รู้ว่าพระนางยังมีความรู้สึกดีต่อกัน ถึงอย่างนั้นการตัดสินใจจะเริ่มความสัมพันธ์อีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ สวีเยี่ยนสือ แม้จะมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายเป็นคนมีความสามารถก็จริง แต่ก็เป็นคนหมดไฟที่เพียงแค่อยากทำงานไปวัน ๆ ไม่หวังความก้าวหน้า ชีวิตที่ผ่านมาเจอกับเรื่องหนักหนาเพราะครอบครัวมาตลอด ความสัมพันธ์ของพระนางมันเลยอยู่ที่จังหวะเวลาว่าเมื่อไหร่ สวี่เยี่ยนสือ จะกล้าก้าวออกมาจากปมชีวิตของตัวเอง
เหตุผลที่ผมชอบซีรีส์เรื่องนี้มากกว่าหลายเรื่องในแนวเดียวกันของจีน เพราะการดำเนินเรื่องราวที่ไม่ขายความเข้าใจผิด การสร้างสถานการณ์ให้ตัวละครไม่เข้าใจงอนง้อกัน แต่การเล่าเรื่องผ่านสถานการณ์แวดล้อมอย่างปัญหาจากงาน ปัญหาจากคน มันทำให้คนดูพอได้เห็นวิธีคิด การตัดสินใจของตัวละครบ้าง คาแรคเตอร์ตัวละครไม่ได้มีแค่มิติเดียวอย่างแค่การเป็นคนดีหรือคนเลว แต่เห็นผมบอกแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าซีรีส์ลึกซึ้งอะไรนะครับ มันก็แค่ถือว่าเล่าได้มีมิติขึ้นบ้างก็เท่านั้น
ส่วนตัวผมชอบปมดราม่าของ สวี่เยี่ยนสือ กับความพยายามมีแพสชั่นในการใช้ชีวิตอีกครั้ง แต่แอบเสียดายที่ซีรีส์จีนยังหนีไม่พ้นความอุดมคติ ที่สุดท้ายก็ยังขายอุดมการณ์แบบอุดมคติอยู่ดี จนบางทีผมที่เป็นคนดูยังแอบน้อยใจแทนอาชีพอื่นที่ไม่ได้รับใช้ชาติหรือสังคมโดยตรง อย่างเรื่องนี้ยังรู้สึกว่าหากตัวละครไม่ได้มีอุดมการณ์ แค่อยากกลับมามีเป้าหมายในชีวิตอีกครั้ง น่าจะทำให้ดูเป็นซีรีส์ที่ติดดินแล้วก็อยู่กับความเป็นจริงมากกว่า แต่ก็นั่นล่ะนะค่านิยมความคิด ทัศนคติ ของคนแต่ละพื้นที่ก็ไม่เหมือนกัน ทำมาแบบไหนก็ดูแบบนั้นแหละ ฮ่าฮ่า
พาทของนักแสดงพระเอกอย่าง จางปินปิน ผมได้ดูผลงานเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สอง ต่อจาก พฤษาเพียงรัก คาแรคเตอร์คอสตูมเสื้อผ้าหน้าผมแทบจะเหมือนกัน แต่เหมือนกันในที่นี้คือออกมาหล่อดูดีทั้งสองเรื่อง ส่วนนางเอก อู๋เชี่ยน ผมได้ดูผลงานมาสามสี่เรื่องแล้ว ต้องบอกว่าเรื่องนี้น่ารักมีเสน่ห์ที่สุด ทั้งจากคาแรคเตอร์ เซี่ยงหยวน รวมถึงเสื้อผ้าหน้าผมที่สวยน่ารักทุกฉาก เคมีระหว่างนักแสดงเอาจริงก่อนดูไม่นึกว่าจะพอเหมาะขนาดนี้ แต่ได้ดูแล้วเอ่อเฮ้ยเคมีดีจริง ๆ นักแสดงสมทบมีหลายคนแม้จะบทบาทไม่เยอะแต่ก็ไม่จมหาย โดยเฉพาะก๊วนลูกน้องของ สวี่เยี่ยนสือ ที่มีแต่ตัวปั่นสร้างสีสัน
สุดท้ายคงจะบอกได้ว่าเป็นซีรีส์ที่เล่าได้แบบสากลจบแบบอุดมคติจีน ความบันเทิงได้มาตรฐานซีรีส์โรแมนติกค่อนมาทางดีเลยล่ะ เนื้อหาไม่หนักหน่วง ตัวละครมีเสน่ห์น่ารัก ทั้งบทนำและสมทบ ถือว่าเป็นซีรีส์จีนแนวโรแมนติกที่ดูแล้วน่าจะไม่ผิดหวังแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น