วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2568

Review: Be Passionately in Love (2025)

 Be Passionately in Love (2025) ห้วงรักของฉันและเธอ

      ซีรีส์แนวโรแมนติกวัยรุ่นที่เล่าถึง สวีจือ (หลิวฮ่าวฉุน) สาวน้อยที่เพิ่งเรียนจบมัธยมแล้วกำลังรอผลสอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย เธอได้เจอกับเรื่องที่น่าสนใจเมื่อไปแอบเห็น เฉินลู่โจว (หวังอันอวี่) เด็กหนุ่มวัยเดียวกันกำลังโดนแม่บ่นเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับเพื่อนผู้หญิง สิ่งที่ทำให้เธอสนใจออกจะแปลกสักนิดนั่นก็เพราะว่า เสียงแม่ของเฉินลู่โจวนั้นคล้ายกับแม่ของเธอที่เสียไปแล้วเป็นอย่างมาก ซึ่งหลังจากที่เธอโดนจับได้ว่าแอบฟัง ฝั่ง เฉินลู่โจว ก็แอบพูดประชดว่าคราวหน้าจะวางเก้าอี้เอาไว้ให้จะได้ไม่ต้องยืนให้เมื่อย 

แล้วใครจะไปคิดว่า สวีจือ จะคิดเป็นจริงเป็นจัง ด้วยเพราะความที่แม่ของเขาดันเสียงคล้ายกับแม่ของตัว เธอเลยตัดสินใจแล้วว่าจะพยายามหาทางใกล้ชิดกับ เฉินลู่โจว เพื่อที่จะได้เจอกับแม่ของเขา คนที่ทำให้เธอนึกถึงแม่ของตัวเอง แต่เจ้ากรรมหนุ่มหลงตัวเองขั้นสุดแบบ เฉินลู่โจว ที่มีสาวคอยเวียนมาขายขนมจีบไม่ขาด ดันเข้าใจผิดคิดว่า สวีจือ นั้นชอบตัวเองถึงได้พยายามตามเข้ามาใกล้ชิด

ซีรีส์จีนแนวโรแมนติก วัยรุ่น ที่ความสัมพันธ์พระนางเหมือนการเล่นชักเย่อกันไปมาในช่วงแรก เฉินลู่โจว พระเอกของเราที่คิดไปเองว่าสาวมีใจ ก็ยังมีมาดพยายามเก็บทรง เพราะเข้าใจผิดคิดว่าสาวมีแฟนอยู่แล้ว แถมตัวเองยังจะถูกที่บ้านส่งไปเรียนต่อต่างประเทศ แม้ลึก ๆ จะมีความรู้สึกกับอีกฝ่ายตั้งแต่ต้น ถึงได้ไหลตามไปเรื่อยเวลาอีกฝ่ายให้ทำอะไร ส่วน สวี่จือ ในตอนแรกอาจจะดูออกยากสักหน่อยว่าคิดอะไรหรือเปล่า ด้วยความที่เดี๋ยวก็ต้องไปเรียนต่อต่างเมือง แล้วก็ยังเข้าใจผิดว่าพระเอกของเราเป็นคนไม่เอาอ่าวเอาทะเลเท่าไหร่ 

จนผ่านมาได้สัก 7-8 ตอนความรู้สึกของตัวละครถึงได้เริ่มชัดเจนขึ้น ซึ่งปัญหามันอยู่ตรงนี้นี่แหละ เพราะถึงต่อให้ความรู้สึกชัดเจนนางเอกของเราเป็นฝ่ายรุกกลับบ้าง แต่พระเอกของเราก็ดันพยายามยั้งตัวเองและควมรู้สึกเอาไว้ เพราะคิดว่าสานสัมพันธ์ไปก็เท่านั้น ไม่มีทางเป็นไปได้เมื่อเดี๋ยวก็ต้องไปเรียนต่างประเทศ สักช่วง 8-9 ตอนแรกของซีรีส์ความสัมพันธ์ตัวละคร มันเลยเหมือนกับที่ผมบอกว่าคล้ายการเล่นชักเย่อกันไปมา คนนึงออกแรงดึงอีกคนก็ผ่อนเชือกเลยไม่รู้ผลแพ้ชนะกันสักที

จะว่าไปก็แปลกอย่างหนึ่งนะปรกติบทละครที่ความสัมพันธ์ตัวเอกเป็นแบบนี้มักจะน่ารำคาญ แต่เรื่องนี้กลับไม่นะ อาจจะเพราะเราที่เป็นคนดูรู้เหตุผลของตัวละครด้วยส่วนหนึ่ง แล้วอีกส่วนหนึ่งด้วยความที่ตัวละครเองก็เพิ่งรู้จักกันไม่นาน ยังอยู่ในช่วงหยั่งเชิง ลองใจ วัดใจกัน ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันใช่ความชอบจริง ๆ หรือเปล่า ส่วนตัวผมชอบความสัมพันธ์ตัวละครรวมถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ซีรีส์เล่ามาจนถึงเนื้อหาก่อนพระเอก เฉินลู่โจว จะไปต่างประเทศ ชอบทั้งความสัมพันธ์ที่ยื้อยุดไม่ชัดเจน ชอบบทสนทนาที่กึ่งหยอกล้อกึ่งประชดประชันกัน คือต้องบอกว่าบางครั้งพระเอกของเราก็พูดแรงด้วยความที่มีปมครอบครัว รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอกวันนึงก็ต้องไปจากครอบครัว เลยจะเป็นคนพูดอะไรไม่ถนอมใจคนอื่นเท่าไหร่ ซึ่งนางเอกอย่าง สวี่จือ ก็ดันเป็นคนโกรธคนไม่ค่อยเป็นพอดี

แต่หลังจากผ่านช่วงกลางเรื่องมาถึงตอนที่ตัวละครเข้าเรียนมหาลัย ส่วนตัวคิดว่าซีรีส์เล่าความพ่อแง่แม่งอนเยอะไปหน่อย โอเคว่ามันก็พอมีเหตุผลให้เข้าใจความรู้สึกของตัวละครได้ แต่ธีมของซีรีส์ที่มาแนวรักใส ๆ ปนดราม่าครอบครัวแบบนี้ ถ้าจะมีดราม่าเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ เอาสักตอนสองตอนก็เกินพอแล้ว เพราะซีรีส์ดำเนินเรื่องผ่านมาด้วยปมครอบครัว ใช้ความรู้สึกข้างในของตัวละคร อย่างมีเหตุมีผลเป็นหลัก พอมาเล่าดราม่าความรักแบบพ่อแง่แม่งอนมันเลยเหมือนหลุดธีมไปสักหน่อย ซึ่งพอผ่านช่วง 4-5 ตอนนี้มาได้ซีรีส์ก็กลับมาเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้ง เคลียร์ปมความรู้สึกต่าง ๆ ของตัวละครที่ค้างคา ทั้งเรื่องครอบครัวของ เฉินลู่โจว ที่ตัวเองรู้สึกเป็นคนนอกอยู่ตลอด พร้อมกับเฉลยปมนี้ว่าความจริงแล้วมันเป็นยังไงกันแน่ ส่วนฝั่งของ สวีจือ ก็ปลดล็อความรู้สึกค้างคาในใจเรื่องแม่ ที่เป็นสาเหตุทำให้ตัวเองกลายเป็นคนเก็บกดความรู้สึกเอาไว้ไม่แสดงออกมา

เอาจริงส่วนตัวผมค่อนข้างชอบซีรีส์เลยนะ ทั้งในแง่ของนักแสดงนำ รวมถึงตัวซีรีส์เองก็ทำออกมาได้น่ารัก แต่ก็ต้องพูดตามตรงว่าซีรีส์้ไม่ถึงกับทำได้เนี๊ยบ อย่างที่บอกว่าก็มีช่วงที่ซีรีส์ไปเสียเวลากับดราม่าง้องอนกัน ว่าไปบทส่วนนี้ก็คล้ายกันกับซีรีส์จีนแนวเดียวกันเรื่องอื่น อย่างเรื่องรักในความลับ  นายที่ใช่เวลาที่ชอบ  เธอคือฝันหวานละมุน ซึ่งก็ใช้สูตรสำเร็จเดียวกันในการสร้างดราม่าความสำพันธ์ ที่เปรียบเหมือนคำว่า "ปลาผิดน้ำ" 

การที่ตัวละครสองคนเข้าไปอยู่ในสังคมใหม่ ได้ปฏิสัมพันธ์กับผู้คนใหม่ ๆ จนเกิดเป็นปัญหาในความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน ช่วงที่เริ่มเข้าเรียนมหาลัยต้องปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่  หรือเนื้อหาช่วงใกล้จบ ซึ่งเอาจริงมันจบบริบูรณ์ไปก่อนหน้านั้นแล้ว แต่ซีรีส์มาเล่าเป็นติ่งอีกนิดก่อนจะจบจริง พยายามจะดึงดราม่าอีกเพิ่มซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะใส่เข้ามาทำไม มันเลยกลายเป็นว่ามีทั้งส่วนที่ชอบมาก และส่วนที่รู้สึกขัดใจปน ๆ กันไปอยู่ในเรื่องนี้

ถ้าจะให้สรุปปิดท้ายถึงซีรีส์คงจะบอกว่าเป็นซีรีส์ที่ดูเพลิน เหมาะคนชอบแนวที่ขายความสัมพันธ์ตัวละคร มีดราม่าระหว่างทางเบา ๆ บทไม่หนักหน่วงมาก ส่วนตัวอยู่ฝั่งที่ชอบนะ พระเอกหวังอันอวี่ ก็เหมาะกับบทประมาณนี้อยู่แล้ว ส่วนนางเอกหลิวฮ่าวฉุน ก็น่ารักเหมาะกับบท แต่เท่าที่อ่านข่าวสารมาเหมือนจะแอบถูกแฟนละครและชาวเน็ตจีนบางส่วนบ่นเรื่องที่ไม่ได้แสดงฉากจูบจริงในเรื่องนี้ แต่ใช้แสดงแบบหลบมุมกล้องแทน ถามว่ามันทำให้อินเนอร์เวลาดูจืดไปบ้างมั้ย ว่าตามตรงก็มีบ้างแหละ เพราะแค่หอมแก้มกันยังแตะแทบไม่โดน แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้รู้สึกติดขัดอะไร เพราะมองว่าก็แล้วแต่นักแสดงกับทีมงานเขาตกลงกัน คุยกันไว้ว่าแบบไหนก็ว่าตามนั้น ถ้ามีก็ดีไม่มีก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น 


#SeriesReview #รีวิวซีรีส์จีน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: Islands (2024)

  Islands (2024) Directed: Lin Yan Screenwriter: Zhu Qi, Qiu Ting       ในทุกวันขึ้นปีใหม่คำมั่นที่ลูกหลานตระกูลเมิ่งมีร่วมกัน เป็นการร่วมฉล...