วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

Solanin (2010)

Solanin (2010) เพลงนี้ของสองเรา
#ปีนรั้วรีวิว #Drama Director: Takahiro Miki

“เรียนจบแล้วไปไหน จะเป็นไรมั้ยหากตามฝันไม่สำเร็จ” ประโยคสั้น ๆ ที่ผมสรุปได้จากหนังเรื่องนี้

***เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ***


      เมโกะ อิโนอุเอะ (Aoi Miyazaki) สาวพนักงานบริษัทที่อาศัยอยู่กับแฟนหนุ่ม ทาเนดะ นาริโอะ (Kengo Kôra) ทั้งสองคนใช้ชีวิตร่วมกันในอพาร์ทเมนท์ ตามประสาวัยรุ่นหนุ่มสาวทั่วไปยังไม่มองถึงอนาคตมากนัก แม้ เมโกะ จะมีงานทำแต่เธอก็ตั้งคำถามกับตัวเองตลอดเวลาว่า เธอพอใจกับสิ่งที่ทำอยู่ เธอต้องการมีชีวิตแบบนี้จริงๆหรอ

ส่วน ทาเนดะ ยิ่งแล้วใหญ่เมื่อเขาเป็นเพียงพนักงานชั่วคราวจัดหน้าหนังสื่อ ให้กับสำนักพิมพ์ได้เงินเป็นรายวัน และมีงานอดิเรกคือการตั้งวงดนตรีกับ จิโร่ (Kenta Kiritani)และเคนนิชิ (Yoichi Kondo) สองเพื่อนซี้ที่อยู่ร่วมชมรมดรตรีร็อกสมัยมหาลัยมาด้วยกัน แน่นอนว่าความฝันของ ทาเนดะ คือการมีชื่อเสียงประสบความสำเร็จบนเส้นทางดนตรี แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน พวกเขาก็ยังไม่เคยเฉียดเข้าใกล้คำนั้น

หน้าที่หลักของค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จึงตกมาที่ เมโกะ เต็ม ๆ จนเธอเริ่มเหนื่อยหน่ายเต็มที่ จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำ ซึ่งตัวเธอเองก็ยังไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรต่อ แต่อย่างน้อยทั้งสองคนก็ได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น เพียงแต่ว่าไม่รู้จะเป็นเรื่องดีหรือร้าย

เพราะมันกลายเป็นความกดดันของ ทาเนดะ เมื่อเขารู้สึกว่าการที่เขามัวเอาแต่ตามความฝัน จึงกลายเป็นภาระของ เมโกะ ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาในหัวของ ทาเนดะ ว่าเขาจะยังสามารถไปถึงความฝันได้ไหม หรือหากมันไปได้ไม่ถึงจริง ๆ เขาจะทนอยู่กับชีวิตที่ทำความฝันไม่สำเร็จได้หรือเปล่า
ผลงานกำกับหนังเรื่องแรกของผู้กำกับ Takahiro Miki ที่ส่วนตัวผมสารภาพว่า เข้าไม่ถึงในบางส่วนบางอารมณ์ของตัวละครนะ อาจจะด้วยเป็นเรื่องของความใฝ่ฝันของกลุ่มคนดนตรี ที่ผมเองก็เล่นไม่เป็นสักชิ้น คือไม่มีภาพตัวเองเป็นนักร้องนักดนตรีในหัวมาแต่ไหนแต่ไร เลยไม่เข้าใจอินเนอร์ หรือความฝันของกลุ่มวัยรุ่นที่ตั้งวงเล่นดนตรีกัน เพื่อให้ได้มีผลงานเป็นศิลปินจริง ๆ กับเขาสักครั้งหนึ่งในชีวิต

ในช่วงแรกหนังตั้งคำถามว่า “เรียนจบแล้วไปไหน” คนที่กำลังเรียนอยู่อาจจะคิดว่าการเรียนจบคือเป้าหมาย คือการประสบความสำเร็จด่านแรกของชีวิตแล้ว ซึ่งมันก็จริงแต่การเรียนจบมหาลัย มันก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นการใช้ชีวิตของจริงเท่านั้น เมื่อเรียนจบออกมาพร้อมกับความโลกสวย ความฝันเต็มเปี่ยม แต่โลกของการทำงานการใช้ชีวิตจริงกลับไม่สนุกเหมือนที่คิดไว้

เมโกะ ต้องเจอแต่เพื่อนร่วมงานที่ไม่เรียนรู้อะไรและคอยเอาเปรียบ ตัวเธอเองต้องคอยรับหน้าโดนหัวหน้าดุประจำ ที่เธอต้องยอมทนทำงานนั่นก็เพราะ ตัวเองไม่มีความฝันไม่มีสิ่งที่รักหรืออยากทำเลย ต่างจาก ทาเนดะ ที่มีไฟมีความฝันเต็มเปี่ยมแต่กลับไม่เคยไปถึงไหน กระนั้น เมโกะ ก็ไม่เคยคิดโทษหรือรู้สึกว่า ทาเนดะ เอาเปรียบเธอ เพราะตัวเธอเองก็รู้สึกดีที่ผู้ชายที่เธอรักได้ทำตามฝัน และเธอก็รักที่จะได้มองเขาทำมัน
แต่หลังจากที่ เมโกะ ออกจากงาน คนที่เกิดความกดดันจึงกลายเป็น ทาเนดะ ที่คิดว่าตัวเองไม่เอาไหนและเป็นภาระ ยิ่งเมื่อความฝันที่ตามอยู่ มันไม่ใกล้เคียงคำว่า"สำเร็จ"เลย ความกดดันก็ยิ่งถาโถม มันจึงเป็นที่มาของอีกคำถามในครึ่งหลังของหนัง “จะเป็นไรมั้ยหากตามฝันไม่สำเร็จ” มันเป็นเรื่องใหญ่ไหม หากเราทำสิ่งที่ต้องการไม่สำเร็จ ด้วยความที่ผมไม่เข้าใจความคิดของตัวละคร ทาเนดะ คำถามนี้จึงผุดเข้ามาในหัว เมื่อทุกคนบนโลกนี้ไม่มีใครสามารถได้ทุกอย่างที่ต้องการบนโลกได้ทั้งหมด ฉะนั้นคนเราจะรับมือกับความไม่สมหวังได้อย่างไร แล้วจะมีชีวิตต่อไปในแบบไหน ทาเนดะ ถามตัวเองว่า “ฉันมีความสุขจริงหรือ”

หลังจากตัดสินใจล้มเลิกความฝันแล้วกลับมาหา เมโกะ พร้อมทั้งเหตุการณ์หลังจากนั้น มันเลยทำให้เกิดคำถามในหัวผมมากมายว่า จริงอยู่ที่การมีชีวิตอยู่อย่างไร้ความฝันมันก็แห้งแล้ง แต่ความฝันมันก็ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตและไม่ใช่สาเหตุที่จะละทิ้งชีวิต เมื่อตามฝันไม่สำเร็จ เพราะนอกจากความฝันแล้วชีวิตคนเรายังมีเรื่องดี ๆ อยู่อีก ไม่ว่าจะความรัก เพื่อน ครอบครัว กระทั่งความฝันอื่น ๆ ในชีวิตอีกมากมาย

เป็นหนังดราม่าที่ญี่ปุ๊นญี่ปุ่นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อเนื้อหาไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยอีโมชั่น แต่ปล่อยให้เรื่องราวไหลไปตามสถานการณ์ และการแสดงของแต่ละคน จึงเป็นหนังที่ความบันเทิงน้อยถึงน้อยมาก จุดเด่นอยู่ที่เนื้อหาและการเล่าเรื่อง ที่พาคนดูไปสำรวจเรื่องราว ความสัมพันธ์ของตัวละคร ไม่ว่าจะระหว่างคู่พระนาง เมโกะกับทาเนดะ เหล่าเพื่อนซี้ที่ตั้งวงด้วยกัน หรือเพื่อนซี้อย่าง ไอจัง ที่คอยอยู่ข้าง ๆ เมโกะ ตลอดเวลาที่เจอกับปัญหา
สรุปแล้ว Solanin (2010) เพลงนี้ของสองเรา เป็นหนังที่น่าจะเหมาะกับคอหนังญี่ปุ่นหรือคนเสพหนังเฉพาะทาง เมื่อเน้นที่การแสดงการดำเนินเรื่องเรื่อย ๆ ไม่มีอีโมชั่นจัดจ้าน เนื้อเรื่องหวือหวา ความโรแมนติกเซอร์วิส ความฟินอะไรก็ไม่มีเลย ส่วนตัวผมเองที่ดูนี่ก็เพรานางเอก อาโออิ มิยาซากิ ล้วน ๆ แต่ถึงจะว่าหนังไม่บันเทิงแต่มันก็มีเสน่ห์ในตัวเอง และให้คนที่มีความฝันในวัยเรียน เมื่อเรียนจบได้เตรียมรับมือว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะตามฝันสำเร็จและเราก็ต้องอยู่กับมันให้ได้

ฝากช่องยูทูปรีวิวหนังช่องเล็ก ๆ ด้วยครับผม:  https://www.youtube.com/channel/UCo1Txn08XONf92m_kngztWQ 
 
ขอบคุณเครดิตรูปภาพจากภาพยนตร์ : Solanin (2010)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: #Alive (2020)

 #Alive (2020) คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ Screenwriter & Director:   Jo Il Hyung       ตั้งแต่ทั่วโลกได้รู้จักกับ Train to Busan ก็ต้องบอกว่า ไม...