วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2563

The Happening (2008) เดอะ แฮปเพนนิ่ง วิบัติการณ์สยองโลก

The Happening (2008) เดอะ แฮปเพนนิ่ง วิบัติการณ์สยองโลก

#ปีนรั้วรีวิว #Mystery #SciFi #Thriller Director: M. Night Shyamalan

      เกิดเหตุฆ่าตัวตายหมู่ขึ้นในสวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์ค นิวยอร์ก และเริ่มขยายวงกว้างออกไปเรื่อย ๆ สร้างความแตกตื่นไปทั่วประเทศ สาเหตุคาดว่าน่าจะเกิดจากกลุ่มก่อการร้าย ทันทีที่ทราบข่าวโรงเรียนต่าง ๆ ถูกสั่งหยุดเรียนชั่วคราว รวมถึงโรงเรียนของครูวิทยาศาสตร์ เอลเลียต มัวร์ (Mark Wahlberg) ที่ถูกสั่งให้ยุติการสอนในทันทีและให้นักเรียนแยกย้ายกันกลับบ้าน เอลเลียตและเพื่อนซี้ จูเลี่ยน (John Leguizamo) ตัดสินใจเดินทางไปอยู่ที่บ้านแม่ของ จูเลี่ยน ที่อยู่ต่างเมืองออกไป

เอลเลียตรีบกลับบ้านไปรับ อัลม่า (Zooey Deschanel) ภรรยาของเขาในทันที และรีบตรงไปยังสถานีรถไฟตามนัด แต่ภรรยาของ จูเลี่ยน มาไม่ทันรถไฟ ทำให้ เอลเลียต, อัลม่า, จูเลี่ยน และเจส (Ashlyn Sanchez) ลูกสาวของเขาต้องเดินทางล่วงหน้าไปก่อน แต่รถไฟยังไม่ทันเดินทางไปได้ไกล ขบวนรถไฟก็มีอันต้องหยุดลง เพราะพวกเจ้าหน้าที่ขาดการติดต่อจากทุกสถานี ทำให้ทุกคนต้องลงจากรถและหาหนทางออกจากพื้นที่อันตรายให้ได้ในตอนนี้ ก่อนที่พวกเขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้และจบชีวิตของตัวเองเหมือนคนอื่น ๆ

      เพิ่งได้ดู Bird Box (2018) ไปเมื่อไม่กี่วันก่อน แล้วทำให้นึกถึง The Happening (2008) เรื่องนี้ขึ้นมา ก็เลยต้องย้อนกลับมาดูอีกสักรอบ หนังเป็นผลงานการกำกับของ บังเอ็ม M. Night Shyamalan ผู้กำกับที่สร้างชื่อจากหนัThe Sixth Sense (1999) ก่อนที่จะเสียรังวัดไปกับหนังในยุคหลัง ๆ ที่ทำออกมาแล้วไม่ได้ทั้งคำชมและรายได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องของเขาที่ได้รับคำก่นด่าพอสมควร

แต่ส่วนตัวผมเองตั้งแต่ที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ในครั้งแรก จนถึงในตอนนี้ที่ผ่านมา 10 ปีเต็ม ความรู้สึกยังเหมือนเดิมคือ"ชอบ"หนังเรื่องนี้ หลายคนอาจจะบ่นว่าหนังมีอะไร น่าฉงน งง ในรายละเอียดที่ไม่เคลียร์ ไม่มีที่มาที่ไปหลายอย่าง รวมทั้งการที่หนังเลือกจบแบบดื้อ ๆ ไม่มีอะไรชัดเจนด้วย แต่ตัวผมเองกลับชอบนะที่มันออกมาในแบบนี้ เหมือนกับคำพูดของตัวละคร เจค ที่ตอบคำถาม เอลเลียต อาจารย์ของเขาว่า “เรื่องของธรรมชาติ…ที่คนเราจะไม่มีวันเข้าใจ” เหมือนกับที่เราอาจจะไม่มีวันเข้าใจธรรมชาติของหนังเรื่องนี้

จะว่าไปเอาจริงแล้วผมว่าหนังก็ค่อนข้างเคลียร์นะ เพียงแต่มันเคลียร์บนการต้องตีความหมาย เพราะหนังไม่ได้บอกต้นสายปลายเหตุชัดเจนอะไร สิ่งที่ได้มันเลยเป็นการมโนต่อของคนดูบนพื้นฐานข้อมูลที่หนังให้มา

***เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ***

อย่างแรกเลยคือการที่ในทีแรกตัวละครในเรื่อง คาดการกันไปว่าเกิดเหตุจากกลุ่มก่อการร้าย แต่สุดท้ายแล้วชัดเจนว่าสาเหตุทั้งหมดที่คนฆ่าตัวตายเกิดจากธรรมชาติ ที่ต้นไม้ปล่อยสารพิษบางอย่างออกมา เพื่อทำให้คนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และทำร้ายตัวเองจนตาย หรือการที่อยู่ดี ๆ ทุกอย่างมันก็จบลงดื้อ ๆไม่มีสัญญาณบอกอะไร

เหมือนกับคำพูดของนักวิทยาศาสตร์ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “เมื่อทุกอย่างมันวิกฤติถึงขั้นสุดเมื่อไร หลังจากนั้นทุกอย่างมันจะกลับคืนสู่สภาวะปรกติอย่างรวดเร็ว”

หรือการที่ทำไมบางคนฆ่าตัวตาย บางคนไม่ฆ่าตัวตายหนังก็บอกไว้ค่อนข้างชัดเจนว่า สารพิษจากต้นไม่นั้นจะโจมตีจากขนาดของกลุ่มคนก่อนเป็นอันดับแรก ยิ่งหากคนอยู่รวมกันเยอะก็จะเป็นจุดที่เกิดวิกฤติขึ้นก่อน เหมือนกับสถานที่แรกที่เกิดขึ้นในสวนสาธารณะ ที่คนไปรวมตัวกันเยอะ หรือไซด์งานก่อนสร้างที่มีคนงานอยู่รวมกันมากมายและอยู่บนดาดฟ้าที่รับลมเต็ม ๆ แต่เอาจริงซีนคนงานบนดาดฟ้า ปัจจัยหลักน่าจะมาจากความน่าขนลุกของฉากนี้เองมากกว่า

      หนังยังมีเรื่องราวย่อยความสัมพันธ์ตัวละครระหว่าง เอลเลียตและอัลม่า ที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ค่อยดีนัก ทว่าสาเหตุไม่ได้มาจากการไม่รักกัน แต่มาจากความรู้สึกผิดของ อัลม่า ที่แอบไปทานอาหารกับเพื่อนร่วมงานผู้ชาย ผมเองชอบฉากที่ เอลเลียต พยายามสารภาพผิดกับ อัลม่า เพื่อให้เธอรู้สึกผิดน้อยลง ด้วยการบอกว่าเขาซื้อยาแก้ไอทั้งที่ไม่ได้ป่วย แต่ที่ซื้อก็เพราะพนักงานขายยาสวย คือมันเป็นอะไรที่น่ารักมากนะสำหรับคนรักหรือคู่สามีภรรยา ที่เราบอกความผิดของตัวเองไม่ว่าจะจริงหรือโกหกก็เถอะ เพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นหรือรู้สึกผิดน้อยลง

จะว่าไปหากมองในแง่ที่ว่าความสัมพันธ์ของ เอลเลียตและอัลม่า เป็นเหมือนสัญลักษณ์ ตัวแทนของเหตุการณ์ในหนังเรื่องนี้ก็ได้นะ เพราะเมื่อ เอลเลียต คลี่คลายสถานการณ์ระหว่างเขากับ อัลม่า จนเข้าใจกันได้ ในวันรุ่งขึ้นสถานการณ์ทุกอย่างก็กลับสู่สภาวะปรกติโดยทันที หนังหยิบยกต้นยาสูบที่ถูกหนอนกิน เลยปล่อยสารเคมีบางอย่างล่อตัวต่อมาโจมตีหนอนพวกนั้น (อันนี้ไม่รู้จริงมั้ยนะแต่หนังยกข้อมูลนี้ขึ้นมา) ขึ้นมารองรับทฤษฎีที่ว่า สาเหตุการณ์ฆ่าตัวตายของผู้คนในหนังเรื่องนี้ เกิดจากการปล่อยสารพิษตามธรรมชาติของต้นไม้ ที่สามารถสื่อสารกันได้

เลยร่วมกันปกป้องตัวเองจากการถูกมนุษย์คุกคาม ซึ่งไม่รู้ว่าความเป็นจริงในหนังเรื่องนี้มันมีข้อเท็จจริงอยู่มากน้อยแค่ไหน แต่หากมองในแง่ที่ว่าคนกำลังคุกคามธรรมชาติอยู่จริงมั้ย ก็คงบอกได้ว่ามันก็จริงตามนั้น

สรุปแล้ว The Happening (2008) เดอะ แฮปเพนนิ่ง วิบัติการณ์สยองโลก เป็นหนังระทึกขวัญ ลึกลับ ที่มีทั้งคนชอบและเกลียด ซึ่งผมไม่แปลกใจนะว่าทำไมคนที่ดูหนังเรื่องนี้แล้วเสียงแตก ส่วนตัวผมเองอยู่ในฝั่งที่ชอบแม้อาจจะไม่ถึงกับประทับใจ แต่ก็ถูกใจในความลึกลับ คลุมเครือของหนัง ที่เราไม่สามารถเข้าใจทุกอย่างชัดเจนเหมือนกับธรรมชาตินั่นแหละ
 
ฝากช่องยูทูปรีวิวหนังช่องเล็ก ๆ ด้วยครับผม:  https://www.youtube.com/channel/UCo1Txn08XONf92m_kngztWQ 

ขอบคุณเครดิตรูปภาพจากภาพยนตร์ : The Happening (2008) 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: Criminal Minds (2017)

Criminal Minds (2017) อ่านเกมฆาตกร #Action   #Mystery   #Drama Director: Yang Yun-Ho, Lee Jung-Hyo Writer: Hong Seung-Hyun       NCI หน่วยวิ...