วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2566

Review: Fireworks of My Heart (2023)

 Fireworks of My Heart (2023) กู้ภัยรัก นักดับเพลิง

#Drama #Romance Director: Li Mu Ge

รับชมได้ทาง iQIYI/ Viu
      ซ่งเหยียน (หยางหยาง) หัวหน้าสถานีดับเพลิงสือหลี่ไถ ชายที่เติมเปี่ยมด้วยอุดมการณ์รักและมุ่นมั่นในอาชีพกู้ภัย แม้จะเจออุปสรรคบททดสอบในหน้าที่หลายครั้ง ซ่งเหยียน สามารถออกมายืนแถวหน้ายืดอกรับผิดชอบได้ทุกครั้ง แต่ปราการด่านเดียวที่ ซ่งเหยียน ผ่านไม่เคยได้เป็นเวลา 10 ปีก็คือ สวี่ชิ่นหรือว่าเมิ่งชิ่น (หวังฉู่หราน) คนรักเก่าในวัยมัธยม ผู้หญิงที่พยายามกลับเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้งหลังฝากบาดแผลไว้เมื่อ 10 ปีก่อน เมื่อครอบครัวของ สวี่ชิ่น ไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์ทั้งสองคนและส่งเธอไปเรียนต่างประเทศ

การกลับมาพบกันอีกครั้งเลยมีอะไรหลายอย่างให้วัดใจ เมื่อครอบครัวของ สวี่ชิ่น ก็ยังไม่เห็นด้วยเช่นเดิม การห่างกันไปนานถึง 10 ปี ความรู้สึกของคนสองคนจะยังเหมือนเดิมอยู่ไหม หรือถึงต่อให้ยังเหมือนเดิมระยะเวลา 10 ปีมันก็มากพอเปลี่ยนแปลงคนคนหนึ่ง ให้กลายเป็นคนใหม่เหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อนได้

ซีรีส์จีนแนวอุดมการณ์ทีมกู้ภัยเจือด้วยดราม่าอุปสรรคความรัก ซีรีส์แนวที่ผมดูจนชินไปเองกับความพยายามปลุกอุดมการณ์แบบล้น ๆ เพราะดูแนวนี้มาไม่ต่ำกว่า 5-6 เรื่องธีมเดียวกันหมดทุกเรื่อง แต่ก่อนดูแนวนี้ของจีนบอกตรง ๆ รู้สึกอึดอัดมากเลย แต่ช่วงหลังดูจนเข้าใจแล้วไงว่าเขามาแนวนี้แบบจริงจัง เดี๋ยวนี้เลยช้วิธีกด skip ข้ามเอาเลย ฮ่าฮ่า หากให้พูดในมุมของคนดูเรารู้ว่าอาชีพกู้ภัยเขาเสียสละ หรือมีความเสี่ยงที่ต้องแบกรับอยู่แล้ว พูดให้เข้าใจง่ายหน่อยมันมีดราม่าอุดมการณ์ในตัวเองอยู่แล้ว โดยที่ไม่ต้องไปขยี้ดราม่าให้ล้นจนเฝือ สิ่งที่อยากเห็นจึงเป็นแง่มุมอื่นของอาชีพนี้มากกว่า

ซึ่งเอาจริงใน Fireworks of My Heart เรื่องนี้ก็แทรกดราม่าในแต่ละเคสของงานกู้ภัยเข้ามาเหมือนกัน เพียงแต่แทรกเข้ามาน้อยแล้วก็ไม่ค่อยเล่าแบบให้น้ำหนักเท่าไหร่ หากให้ความสำคัญใส่รายละเอียดเพิ่มซีรีส์คงจะน่าสนใจมากขึ้น มีหลายเคสกู้ภัยที่มีแง่มุมน่าสนใจ อย่างความเสี่ยงของงานกู้ภัยที่ไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ผู้ประสบภัยมีความเจ็บป่วยร้ายแรงอะไรที่สามารถติดต่อได้หรือเปล่า การช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่บางครั้งสามารถเกิดความเข้าใจผิดกับผู้ประสบภัยหรือญาติได้ การกู้ภัยเองก็ไม่ได้มีเส้นแบ่งที่จะเลือกช่วยคนดีหรือคนไม่ดี แล้วก็ยังมีอีกหลายประเด็นซึ่งผมว่าหากซีรีส์ลดการขยี้อุดมการณ์ลงสักหน่อย แล้วขยายเรื่องราวดราม่าในแต่ละเคสมากขึ้นซีรีส์น่าจะกลมกล่อมมากกว่านี้

การเล่าเรื่องของซีรีส์ 20 ตอนแรกจาก 40 ตอน แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีอะไรคืบหน้า งานของ ซ่งเหยียน มีเพียงการเปลี่ยนคู่หูครูฝึกเพื่อนร่วมงาน ความสัมพันธ์กับ สวี่ชิ่น นางเอกยิ่งแล้วใหญ่ 20 ตอนแรกโกรธกัน งอนกัน พูดดีกัน วนอยู่แค่นี้ กว่าจะมีอะไรคืบหน้าก็หลังจากที่ไปกู้ภัยแผ่นดินไหวด้วยกันซึ่งจำไม่ได้แล้วตอนที่เท่าไหร่ แต่สำหรับผมความสัมพันธ์พระนางของเรื่องนี้ แม้จะดูง๊องแง๊งงอแงกันเกินครึ่งเรื่อง ถึงอย่างนั้นในแง่อารมณ์ผมกลับมองว่าทำได้ดี เพราะเราเข้าใจได้ถึงความลำบากใจของตัวละคร

ซ่งเหยียน เป็นฝ่ายโดนกระทำเจ็บช้ำน้ำใจมาเยอะ การจะให้กลับไปเริ่มใหม่โดยที่ทุกอุปสรรคยังเหมือนเดิมมันก็ยาก สวี่ชิ่น ที่เป็นเด็กกำพร้าถูกพ่อแม่ปัจจุบันรับมาเลี้ยง แน่นอนว่าย่อมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ประกอบกับครอบครัวใหม่มีแม่ที่เข้มงวดตีกรอบทุกอย่างจนน่าอึดอัด ขนาดลูกแท้ ๆ อย่างเมิ่งเยี่ยนเฉิ่น (เว่ยต้าซวิ่น) ยังมีสภาพจิตใจความกดดันไม่ต่างกัน การถูกเลี้ยงให้เชื่องเชื่อฟังคำพูดทุกอย่างของแม่ สวี่ชิ่น เลยไม่สามารถมั่นใจในความกล้าของตัวเองได้เลย ส่วน เมิ่งเยี่ยนเฉิ่น ก็มีเส้นเรื่องราวของตัวเอง ทั้งพาทความรักที่กลายเป็นรักต้องห้ามไม่มีทางสมหวัง ทั้งความสัมพันธ์กับ เย่จื่อ (Yang Yu Xi) ตัวละครที่แอบให้คนดูมีประหลาดใจตอนท้าย

ส่วนหนึ่งที่ทำให้พาทดราม่าของสองตัวละครเอกสื่อสารออกมาดี ต้องบอกว่าด้วยนักแสดงอย่าง หยางหยางกับหวังฉู่หราน ล่ะครับ ในพาทอุดมการณ์หยางหยางที่แสดงแนวนี้มาสองสามเรื่องแล้วไม่ได้น่าแปลกใจ ส่วน หวังฉู่หราน ผมดูผลงานเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก นอกจากความสวยแล้วการสื่อสารด้วยสีหน้าแววตา ที่เจือด้วยความเศร้า การเก็บกดความรู้สึกเอาไว้ก็แสดงได้ดี จะว่าไป หวังฉู่หราน ในลำนำกระดูกหยกบท ไป๋เสวี่ยลู่ ก็แอบมีความเก็บกดลึก ๆ คล้ายกันแค่คนละประเด็นกัน

ตอนดูเรื่องนี้เอาจริงมีบางเด็นเรื่องอุดมการณ์ ที่ซีรีส์นำเสนอแล้วผมอยากวิพากษ์เหมือนกัน แต่คิดไปคิดมามันเป็นหัวข้อที่ไม่มีผิดไม่มีถูกร้อยเปอร์เซ็น เป็นเรื่องของความเชื่อความยึดมั่นของแต่ละคนมากกว่า เลยตัดสินใจไม่เอาความคิดหรือทัศนคติส่วนตัววิพากษ์ก็แล้วกัน แต่บอกนิดนึงเผื่อใครดูแล้วจำได้หรือใครยังไม่ได้ดูจะได้รู้ว่าฉากไหน เป็นฉากที่พระนางเถียงกันตอนกินเลี้ยงสั่งลาทีมแพทย์ตอนที่ 20 ที่ถึงสุดท้ายแล้วซีรีส์ก็ให้บทสรุปแบบอุดมคติ

ถ้านับจากซีรีส์แนวเดียวกันที่ผมเคยดูมา Fireworks of My Heart เรื่องนี้ผมค่อนข้างโอเค ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครมีดราม่าชวนลำไยไปบ้าง ประเด็นอุดมการณ์จะไม่ต่างจากเรื่องอื่น แต่ในแง่ของอารมณ์ตัวละครและเคสกู้ภัยย่อยที่แทรกประเด็นต่าง ๆ เข้ามา มันทำให้ตัวละครดูมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น คาแรคเตอร์ไม่แบนวิ่งไล่ตามอุดมการณ์อย่างเดียว ที่สำคัญรู้สึกว่างานกู้ภัยในเรื่องนี้มันดูไม่ยุ่งหัวหมุนทั้งวันแบบเรื่องอื่น รู้สึกว่านอกเวลางานก็สามารถไปกินข้าวดูหนังใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปได้ เรื่องอื่นที่เคยดูก่อนหน้านี้แทบจะปลีกตัวไปไหนไม่ได้เลย เหมือนการมีครอบครัวจะกลายเป็นอุปสรรคระดับชาติยังไงยังงั้น

#SeriesReview #รีวิวซีรีส์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: All of Us Are Dead (2022)

 All of Us Are Dead (2022) มัธยมซอมบี้ Screenwriter:  Chun Sung Il Director:  Lee Jae Gyoo       ซีรีส์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธ...