วันอังคารที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

Review: It’s Your Fault That My Heart Beats (2021)

It’s Your Fault That My Heart Beats (2021)

#ปีนรั้วรีวิว #Romance Director: Hiroto Takahashi
      สึกาสะ ชิโนฮาระ (ชิราอิชิ เซย์) นักเรียนมัธยมปลาย ที่มักจะมีอะไรเข้ามาในชีวิตแบบจังหวะนรก เช่นเดียวกับ ฮายาโตะ อาริมะ (ฮิดากะ อุคิโช) หนุ่มหล่อเพื่อนร่วมห้อง ที่มักจะโผล่เข้ามาแก้ไขสถานการณ์ให้แบบที่เธอเองก็ไม่ทันตั้งตัว จน สึกาสะ แอบมโนไปว่าหนุ่มเพื่อนร่วมห้องคนนี้ก็มีใจให้กับเธอเหมือนกัน แต่เจ้ากรรมหลังจากที่ สึกาสะ ตัดสินใจสารภาพรักกับ ฮายาโตะ คำตอบที่ได้กลับมาก็คือเขาคิดกับเธอเพียงแค่เพื่อนเท่านั้น หลังจากนั้นไม่นาน สึกาสะ ก็ได้รู้ว่า ฮายาโตะ เคยคบกับ มายุ ฮาเซเบะ สมัยเรียนมัธยมต้น ซึ่งทั้งสองคนมีความหลังบางอย่างด้วยกัน ทำให้ ฮายาโตะ ไม่สามารถลบลืมอดีตได้

หนังญี่ปุ่นแนวโรแมนติก ดรม่า จากมังงะ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่พูดถึงชีวิตรักช่วงวัยว้าวุ่น ที่ยังมีความสับสน ไม่เข้าใจความรู้สึกความต้องการ ยังต้องเรียนรู้ก้าวข้ามความรู้สึกผิดของตัวเอง แต่หนังก็ไม่ถึงขนาดเล่าในธีมหนัง Coming Of Age นะครับ หลัก ๆ ยังให้น้ำหนักที่เรื่องรักใคร่ พ่อแง่แม่งอน การใส่ตัวละครที่เป็นตัวแปรความสัมพันธ์เข้ามาเสียมากกว่า เลยเป็นหนังที่หากมองในแง่ของความบันเทิงแนวโรแมนติก ชวนจิ้น แบบการ์ตูนตาหวาน ถือว่าหนังยังตอบโจทย์ได้ดี แต่ในแง่มุมเนื้อหาสาระก็ไม่ได้ขับเน้นอะไรขนาดนั้น

หนังจับเอาประเด็นเรื่องของคนที่ปฏิเสธจะมีความรักอีกครั้งมาใช้ ว่าคนเราจะปฏิเสธมันได้จริง ๆ หรือ ก็ตามชื่อหนังภาษาอังกฤษล่ะครับ มันเป็นความผิดของเธอที่ทำให้ใจฉันสั่น เมื่อคนหนึ่งยังไม่ถอดใจมันก็เลยยังมีโอกาสทำให้อีกฝ่ายหวั่นไหวได้ ดราม่าอีกส่วนก็อย่างที่ผมพูดถึงไปในตอนแรก เป็นเรื่องของการก้ามข้ามความรู้สึกผิด ที่เอาจริงมันก็เชื่อมมาถึงเหตุผลของการปฏิเสธที่จะมีความรักด้วย เพราะถ้าหากก้าวข้ามความรู้สึกผิดไม่ได้ ก็คงไม่กล้าที่จะมีความสัมพันธ์กับใครอีก

ผมว่าหนังมีอะไรบางอย่างให้นึกถึงเรื่อง Blue Spring Ride บันทึกใสจากวัยฝัน ของพระนาง สึบาสะ กับ มาซาฮิโระ อยู่เหมือนกันนะ คือเป็นเรื่องของความรักที่คนหนึ่งพยายามเดินเข้าหา ส่วนอีกคนก็พยายามถอยห่างด้วยสาเหตุบางอย่าง แล้วก็มีคนที่เป็นตัวแปรของสาเหตุนั้นด้วยเหมือนกัน เพียงแต่หนังเรื่องนี้ไม่ได้มีดราม่าชวนหน่วงอะไรมากนัก ส่วนใน Blue Spring Ride ดราม่าจะมีโทนจริงจังชวนหน่วงกว่ากันพอสมควร แล้วตอนที่ผมกำลังเขียนอยู่นี้พอผมลองสังเกตดูดี ๆ โปสเตอร์บางตัวของทั้งสองเรื่องก็มีความคล้ายกันเสียด้วยนะครับ ทั้ง Position โทนสี แล้วก็ตัวอักษร

ในพาทนักแสดงเอาจริงสาเหตุหนึ่งที่ตัดสินใจดูเรื่องนี้ ก็เพราะตาม ชิราอิชิ เซย์ มาจากบท อิโอริ ในไอส์ นั่นล่ะครับ แต่พอได้ดูแล้วต้องบอกว่าลุคของทั้งสองเรื่องต่างกันพอสมควรเลยครับ บท อิโอริ นั้นเป็นสาวฮอตคนดังของโรงเรียนออร่ากระจาย ส่วนบท สึกาสะ กลายมาเป็นเด็กมัธยมบ้าน ๆ ธรรมดา ไม่ได้ขับเน้นเสน่ห์นักแสดงออกมาเท่าไหร่นัก ส่วน ฮิดากะ อุคิโช คาแรคเตอร์ก็แนวหนุ่มมัธยมสุดฮอตพิมพ์นิยมพระเอกวัยมัธยมหนังญี่ปุ่นล่ะครับ

พอเขียนถึงสองตัวละครนำแล้วนึกย้อนไปถึงแนวเดียวกันก่อนหน้า ผมรู้สึกเอะใจขึ้นมาอย่างหนึ่ง ทำไมเนื้อหาแนวนี้ทั้งมังงะ Live-Action หรือที่เป็นหนัง ซีรีส์ เลยก็ตาม มักจะเล่าถึงหนุ่มหล่อสุดฮอต ไม่ก็หนุ่มโอตะที่ขาดความมั่นใจในตัวเองในตอนแรก หรือเด็กที่นั่งริมหน้าต่าง ทั้งที่จะว่าไปคาแรคเตอร์แบบนี้น่าจะเป็นส่วนน้อยในชีวิตจริง เพราะคงไม่มีแบบหนุ่มฮอตยกห้อง หรือนั่งริมหน้าต่างกันทุกคนหรอกมั้ง ฮ่าฮ่า ส่วนชีวิตแบบเด็กกลางห้องมักจะไม่ค่อยถูกนำมาพูดถึง แต่ก็อย่างว่าในเมื่อเป็นแบบคนทั่วไป เลยไม่รู้จะหยิบอะไรมาเล่าล่ะมั้งครับชีวิตแบนราบเกิน

ด้วยความที่เนื้อหาหนังไม่ได้มีอะไรมาก ผมขอสรุปรีวิวเลยก็แล้วกันนะครับ เป็นหนังที่ผมว่าหากมองในแง่ของการตอบโจทย์ความบันเทิงหนังจากการ์ตูนตาหวาน ดราม่าเบา ๆ ไม่หนักหนามาก ตัวละครก็น่ารักดี ถือว่าหนังยังให้ผลลัพธ์ออกมาพอใช้ได้อยู่ครับ การเล่าเรื่องอาจจะไม่ถึงขนาดเกลี่ยบทให้แอร์ไทม์ตัวละครสมทบเยอะ แต่ด้วยความที่หนังเล่าชีวิตช่วงวัยมัธยม ฉะนั้นไม่ว่ายังไงเสียเพื่อนก็ยังอยู่ในทุกโมเมนต์ของชีวิตอยู่ดีครับ
 
ขอบคุณภาพประกอบจากภาพยนตร์: It’s Your Fault That My Heart Beats (2021)


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: All of Us Are Dead (2022)

 All of Us Are Dead (2022) มัธยมซอมบี้ Screenwriter:  Chun Sung Il Director:  Lee Jae Gyoo       ซีรีส์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธ...