วันพฤหัสบดีที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2566

Review: You Are Desire (2023)

You Are Desire (2023) เธอคือฝันหวานละมุน

#Drama #Youth Director: Deng Ke

รับชมได้ทาง TrueID/ MGTV
      "เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด" หลินอวี่จิง (จวงต๋าเฟย) เด็กผู้หญิงที่พ่อแม่แยกทางกัน จากที่เคยอยู่กับแม่ตอนนี้เธอกลับถูกผลักไสให้ย้ายมาอยู่กับพ่อและครอบครัวใหม่ โดยที่แม่ไม่ได้บอกเหตุผลอะไรกับเธอเลย แต่ที่เมืองใหม่และโรงเรียนใหม่เธอกลับได้พบกับมิตรภาพแสนประหลาดจาก เสิ่นเจวี้ยน (โจวอี้หราน) เพื่อนร่วมชั้นโต๊ะข้าง ๆ เด็กผู้ชายที่ดึงความความสนใจ จากการขี่จักรยานปาดหน้ารถพ่อของเธอ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่คิดว่าตัวเองไม่เป็นที่ต้องการ เลยได้มาพบกับเด็กผู้ชายที่กล่าวโทษตัวเองจากอุบัติเหตุที่เกิดกับคนในครอบครัว คนสองคนที่ต่างเยียวยาบาดแผลให้กันและกัน

ซีรีส์จีนวัยใส รักโรแมนติก ที่มุมหนึ่งก็เล่าแบบอุดมคติสไตล์ซีรีส์เยาวชน ต่างฝ่ายต่างสนับสนุนการเรียนพากันไปในทางที่ดี แต่ในมุมหนึ่งก็ไม่อุดมคติแบบฉบับซีรีส์จีนแนวเดียวกันนี้ "เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด" ซีรีส์พูดถึงข้อจำกัดของการยังไม่บรรลุนิติภาวะ หลินอวี่จิง ได้อยู่กับแม่หลังพ่อและแม่แยกทางกัน แล้วอยู่มาวันหนึ่งแม่กลับผลักไสให้เธอย้ายมาอยู่กับพ่อและครอบครัวใหม่ ซึ่งพ่อก็ไม่เต็มใจจะรับภาระนี้ไว้เพียงแต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หลินอวี่จิง เลยรู้สึกเหมือนไม่มีใครต้องการถูกโยนไปมาผลักภาระออกไปให้พ้นตัว

พอได้มารู้จักกับ เสิ่นเจวี้ยน หวังอี้หยางและเหอซ่งหนาน แก๊งร้านเครื่องเงินแฮนด์เมด หลินอวี่จิง เลยได้ปิ๊งไอเดียในการพึ่งพาตัวเอง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ใหญ่ ซึ่งความเจ็บปวดที่แท้จริงของความเป็นเด็กมันอยู่ตรงนี้ เพราะถึงต่อให้ทำได้ ด้วยความเป็นเด็กกฎหมายก็ไม่อนุญาตอยู่ดี สุดท้ายก็ยังต้องอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ปกครอง ผมนึกถึงคำพูดประโยคหนึ่งของครูประจำชั้นที่พูดกับ หลินอวี่จิง ประโยคที่บอกว่า เธอไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากยอมรับ ทางเดียวที่ทำได้คือการตั้งใจเรียน เพราะการศึกษาจะกลายเป็นพลังให้เธอตัดสินใจอะไรเองได้ในอนาคต พูดง่าย ๆ ก็คือทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว นอกจากทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ประโยคที่มีหลายความรู้สึกระคนกันไป ทั้งรู้สึกพ่ายแพ้กับความจริง แต่อีกความรู้สึกหนึ่งมันก็มีหวังมีหนทางให้ฮึดสู้ต่อ

ตัวละคร เสิ่นเจวี้ยน เป็นตัวละครที่ผมชอบคาแรคเตอร์ในช่วงต้นเรื่อง มีความหัวขบถนิด ๆ ดูนอกคอกแต่ไม่นอกลู่นอกทาง เสิ่นเจวี้ยน รู้สึกผิดกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับอา โทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุของเรื่องนั้น สิ่งที่พยายามทำเลยเป็นการละทิ้งเกือบทุกอย่าง ไม่ว่าจะการเรียนหรือความฝันของตัวเอง เพื่อรักษาร้านเครื่องเงินที่เป็นสิ่งสำคัญของอา ปมของตัวละครนี้ครึ่งแรกของซีรีส์ จะเป็นการผูกปมเอาไว้แต่ยังไม่ลงรายละเอียดมากนัก เนื้อหาหลักในช่วงนี้จะเป็นของตัวละคร หลินอวี่จิง และการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคน มิตรภาพที่เกิดจากการพึ่งพา การเยียวยากันของเด็กสองคน

ผมชอบครึ่งแรกของซีรีส์เรื่องนี้มากแม้ธีมจะดูหม่นไปบ้างก็จริง แต่เล่าเนื้อหาสัมผัสความรู้สึกคนดูได้จริง รู้สึกถึงน้ำหนักบางอย่างที่ตัวละครแบกไว้ หลินอวี่จิง พยายามพึ่งพากำลังของตัวเองไม่ใช่เพราะอยากทำ แต่เพราะไม่อยากถูกพ่อแม่โยนกันไปมาให้เจ็บใจ เสิ่นเจวี้ยน ก็แบกความความรู้สึกผิดติดตัว ไม่กล้ามีความสุขหรือความฝัน

พอผ่านครึ่งแรกวัยมัธยมมาแล้วซีรีส์จะหันมาเล่าในโทนสดใสมากขึ้น ช่วงเปลี่ยนผ่านมีสักสองสามตอนที่เน้นขายดราม่าเข้าใจผิดชวนลำไย หลังจากนั้นจึงเข้าที่เข้าทางค่อย ๆ กลับมาเข้าปมดราม่าตัวละคร คลี่คลายไปทีละปม เริ่มจากการก้าวข้ามความรู้สึกผิดของ เสิ่นเจวี้ยน ให้ตัวละครเริ่มเส้นทางความฝันอีกครั้ง แล้วก็ยังมีอีกหลายปมที่ซีรีส์ปูเอาไว้ตั้งแต่ครึ่งแรก ไม่ว่าจะความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกของ หลินอวี่จิง ทัศนคติที่แม่มีต่อแฟนของลูก รวมถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับอาของ เสิ่นเจวี้ยน ความเป็นจริงมีที่มาที่ไปยังไง

หากจะย้ำประโยคที่ว่า "เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด" สำหรับซีรีสืเรื่องนี้คงต้องปรับประโยคสักนิดเป็น "เพราะเป็นเด็กจึงเข้าใจความเจ็บปวดของกันและกัน" การเป็นผู้ใหญ่ผมว่ามันก็มีความแปลกอย่างหนึ่งนะ ทั้งที่ก็เคยผ่านความเป็นเด็ก เป็นวัยรุ่นมาก่อน แต่พอโตเป็นผู้ใหญ่กลับไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของเด็กหรือวัยรุ่น อย่างผมเองที่เขียนรีวิวได้เหมือนจะเข้าใจ ฮ่าฮ่า หลายครั้งเวลาดูซีรีส์วัยรุ่นเห็นพฤติกรรมอิหยังวะ บางทีก็ลืมตัวอดส่ายหัวไม่ได้ ทั้งที่เป็นเราเองที่มองด้วยทัศนคติแบบผู้ใหญ่ พอนึกย้อนถึงตัวเองวัยเด็กอาจจะเคยทำอะไรไร้สาระมากกว่านั้นก็ได้

เป็นซีรีส์ที่ครึ่งแรกผมให้เกรด A ส่วนตัวชอบคิดว่านำเสนอออกมาได้ดี ชอบความหัวขบถของเด็กสองคนที่มองจากมุมของผู้ใหญ่อาจจะไม่เข้าใจ เหมือนเด็กมาสุมหัวทำอะไรกัน ส่วนในมุมของเด็กมันเป็นการพึ่งพากันเอง แก้ไขปัญหาที่ส่วนหนึ่งก็มาจากผู้ใหญ่นั่นแหละ ครึ่งหลังของซีรีส์ความชอบจะลดลงมานิด ในภาพรวมก็ยังถือว่าทำได้ดี อาจจะเพราะส่วนตัวผมชอบธีมหม่นของซีรีส์ช่วงแรก พอครึ่งหลังเล่าแบบสดใสมีความหวังจับมือกันแก้ไขปัญหาเลยไม่ถูกจริตเท่าไหร่

โจวอี้หราน คาแรคเตอร์จะต่างกับ When I Fly Towards You ตรงที่เรื่องนี้ถึงจะเป็นเด็กหัวกะทิเหมือนกัน แต่อย่างที่บอกจะมีความหัวขบถ แล้วก็ไม่ได้ซึนเท่ากับ จางลู่ร่าง แต่ที่เหลือนอกจากนั้นคาแรคเตอร์ก็จะไม่ต่างกันเท่าไหร่ ส่วนนางเอก จวงต๋าเฟย ผมชอบตั้งแต่ที่แสดงเรื่องทนายสาวถึงคราวสู้ Miss Chun is a Litigator นี่ก็รอดูบทอึ้งย้ง ในหนังมังกรหยก ส่วนตัวคิดว่าเหมาะอยากจะรู้ว่าจะออกมาเป็นยังไง

#SeriesReview #รีวิวซีรีส์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: All of Us Are Dead (2022)

 All of Us Are Dead (2022) มัธยมซอมบี้ Screenwriter:  Chun Sung Il Director:  Lee Jae Gyoo       ซีรีส์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธ...