วันพุธที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2564

Review: Searching (2018)

Searching (2018) เสิร์ชหา....สูญหาย!?

#ปีนรั้วรีวิว #Drama #Mystery #Thriller Director: Aneesh Chaganty
      เดวิด คิม (John Cho) พ่อที่ความสัมพันธ์กับ มาโก้ (Michelle La) ลูกสาวของตัวเองไม่ค่อยดีนัก หลังจากสูญเสีย แพม (Sara Sohn) ภรรยาเมื่อหลายปีก่อน สองพ่อลูกแม้จะยังพูดคุยและพยายามทำตัวเหมือนปรกติ แต่ลึก ๆแล้วระหว่างทั้งสองคนเหมือนมีบางอย่างกั้นเอาไว้ เมื่อ มาโก้ เริ่มมีความลับกับพ่อ และในคืนหนึ่งที่ เดวิด วิดีโอคอลหาลูกสาวเพื่อพูดคุย ขณะที่ มาโก้ บอกว่าคืนนี้เธอมีติวกับเพื่อนที่มหาลัย ทำให้สองพ่อลูกได้คุยกันไม่นานนักจนกระทั่งค่ำคืนผ่านพ้นไป

เมื่อถึงรุ่งเช้า เดวิด พบว่ามี miss call หลายสายจากลูกสาว แต่หลังจากโทรกลับไปเขาไม่สามารถติดต่อเธอได้อีกเลยหลังจากนั้น เดวิด พยายามหาทางติดต่อเพื่อน ๆ และผู้คนรอบตัว มาโก้ จนเขาได้พบความจริงว่า ในตอนนี้ตัวเขาแทบไม่รู้จักลูกสาวของตัวเองเลย เดวิด จึงพยายามทำทุกทาง ค้นหาข้อมูลทุกอย่างในโซเชียลของ มาโก้ เพื่อตามรอยการหายตัวไปของเธอว่า มันมีเบื้องหลังอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า

หนังที่มีจุดขายคือไอเดียการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กในปัจจุบัน ที่ไม่ใช่เพียงการหยิบเอาการใช้โซเชียลมาเล่าเรื่องเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นการที่หนังเล่าเรื่องของตัวเองผ่านโซเชียลอีกด้วย ตลอดทั้งเรื่องตั้งแต่ภาพของหนังเริ่มเปิดขึ้นมา เราจึงเห็นแต่ภาพหน้าจอคอมพิวเตอร์ หน้าจอโทรศัพท์และกล้องวงจรปิดเท่านั้น ในตอนแรกรู้มาก่อนที่จะได้ดูแล้วล่ะว่า หนังจะใช้วิธีเล่าเรื่องแบบนี้ ก่อนดูจึงตั้งคำถามแล้วก็สงสัยอยู่นะว่า หนังจะเอาคนดูอยู่ได้ยังไง เมื่อไอเดียที่ใช้ ด้านหนึ่งมันก็สร้างข้อจำกัดของตัวเองเหมือนกัน

เอาจริงช่วงแรกของหนังเองก็ยังทำให้หวั่นใจอยู่เหมือนกันนะ ในช่วงเล่าเรื่องราวปูความสัมพันธ์ตัวละคร พื้นฐานของครอบครัวคิม เรื่องราวของพ่อแม่ลูก ที่พ่อต้องสูญเสียภรรยาและลูกที่สูญเสียแม่ที่เข้าใจเธอ แต่หลังจากที่หนังเล่าถึงการหายตัวไปของ มาโก้ แม้วิธีการเล่าจะเหมือนเดิมก็จริง แต่ความน่าติดตามมันมีมากขึ้น เมื่อคนดูก็เหมือน เดวิด นั่นแหละ ที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ มาโก้ เลย การที่ เดวิด เข้าไปสำรวจชีวิตและคนรอบตัวลูกสาวผ่านโซเชียล มันจึงเป็นเหมือนจิ๊กซอว์ที่ถูกต่อทีละชิ้น ๆ
      หนังสะท้อนวิถีชีวิตของผู้คนในยุคใหม่ ที่ด้านหนึ่งแม้โซเชียลจะทำให้คนเราสื่อสารกันง่ายขึ้น แต่อีกด้านมันก็ทำให้บางครั้งเราก็คุยกับคนใกล้ตัวน้อยกว่าคนไกลตัว เผลอ ๆ คนนั้นอาจจะเป็นใครที่เราก็ไม่รู้จักด้วยซ้ำ แต่เรากลับกล้าที่จะเล่าเรื่องราวส่วนตัวให้คนเหล่านั้นฟัง เหมือนกับสองพ่อลูก เดวิดและมาโก้ ที่พ่อก็ไม่กล้าพูดและกล้าถามความรู้สึกของลูกสาว ส่วนลูกสาวก็มองว่าพ่อไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง และหันไปใช้เพื่อนในโซเชียลเป็นที่พึ่งพาทางใจแทน

ส่วนพล็อตของหนังหากว่ากันตามจริงก็ไม่ได้แปลกแหวกแนว จากหนังสืบสวนหักมุมเรื่องอื่นเท่าไหร่นักหรอก ไม่ว่าจะคนร้ายหรือสูตรการหักมุม แต่ถึงจะบอกว่าหนังใช้สูตรเดิม ๆ ขณะที่ดูเราก็ไม่สามารถคาดเดาหรือจับผิดอะไรได้เลย แม้หนังจะบอกใบ้เราบ้างเป็นระยะ แต่มันก็เป็นคำใบ้ที่ไม่ได้เชื่อมโยงคนร้ายเข้ามาหาตัว มาโก้ คนดูจึงได้แต่ปล่อยผ่านข้อมูลเหล่านั้นไป

ส่วนตัวผมถือว่า Searching (2018) เสิร์ชหา....สูญหาย!? เป็นหนังที่หยิบเอาไอเดียหลาย ๆ อย่าง ที่อาจจะเคยเห็นผ่านตากันมาบ้างแล้วจากหนังเรื่องอื่น แล้วนำเอามาผสมรวมกันอย่างละเล็กอย่างละน้อย จนผลที่ได้ออกมามันเหมือนเป็นผลงานที่ดูสดใหม่ แถมหนังยังตอบโจทย์ความบันเทิงได้ดีมากอีกด้วย

      สรุปแล้ว Searching (2018) เสิร์ชหา....สูญหาย!? เป็นหนังสืบสวน ระทึกขวัญ ที่เล่าผ่านมุมมองหน้าจอสารพัดอุปกรณ์สื่อสารยุคใหม่ ที่หนังทำได้ถึงในทุกแง่มุมเลยนะ ไม่ว่าจะขายความแปลกใหม่ของตัวเองก็สำเร็จ แง่มุมความบันเทิง ระทึกขวัญ ตื่นเต้น ก็สามารถทำให้คนดูลุ้นระทึกไปกับพ่อที่ออกตามหาลูกสาวได้
 
ฝากช่องยูทูปรีวิวหนังช่องเล็ก ๆ ด้วยครับผม:  https://www.youtube.com/channel/UCo1Txn08XONf92m_kngztWQ 
 
ขอบคุณภาพประกอบจากภาพยนตร์: Searching (2018) Sony Pictures Entertainment
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: #Alive (2020)

 #Alive (2020) คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ Screenwriter & Director:   Jo Il Hyung       ตั้งแต่ทั่วโลกได้รู้จักกับ Train to Busan ก็ต้องบอกว่า ไม...