วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

Review: Dr.White (2022)

 Dr.White (2022)

#Drama #Comedy Director: Hidenori Joho, Keita Kono, Shinichi Kitabo
      เรื่องราวของสาวปริศนาในชุดกาวสีขาว (มินามิ ฮามาเบะ) ที่หมดสติล้มลงตรงหน้า มาซากิ คาริโอกะ (ทาสุคุ เอโมโตะ) นักข่าวสายการแพทย์ขณะวิ่งออกกำลังกาย เขาเลยให้ความช่วยเหลือเธอด้วยการส่งตัวมายังโรงพยาบาลทาคาโมริ แต่เรื่องมันกลายเป็นว่าหลังจากที่สาวปริศนาในชุดกาวได้สติฟื้นขึ้นมา เธอกลับจำได้เพียงแค่สองอย่างเท่านั้น หนึ่งก็คือตัวเองที่ชื่อ เบียคุยะ และสองความรู้ทางการแพทย์ของเธอมีมาเต็มกระเป๋า ความจำส่วนอื่นที่เหลือนอกจากนั้นเธอไม่หลงเหลือเลยสักอย่าง มาซากิ ที่เป็นคนพามาก็เลยต้องจำใจรับผิดชอบพาไปอยู่ที่บ้าน

ด้วยความที่อย่างน้อย เบียคุยะ ก็จะได้เป็นเพื่อนกับ ฮารุนะ (ซาเอะ โอกาซากิ) น้องสาวของเขาที่กำลังป่วย เพียงแต่ว่าความรู้ทางการแพทย์ของ เบียคุยะ ที่กำลังปั่นป่วนหมอทั้งโรงพยาบาลอยู่นั้น ดันไปเข้าหู ผอ. ทาคาโมริ (โคจิ อิชิซากะ) เขาก็เลยได้ไอเดียในการตั้งทีมวินิจฉัยโรคกลาง โดยมี เบียคุยะ เป็นหนึ่งในสมาชิกร่วมทีม แล้วแบบนี้สาวปริศนาที่ชอบชี้หน้าหมอแล้วบอกว่า "คุณวินิจฉัยผิดแล้ว" จะช่วยแก้ไขปัญหาหรือว่าจะสร้างความปั่นป่วนมากขึ้นกันล่ะทีนี้

      ซีรีส์แนวการแพทย์สร้างจากนิยายของ ชิน คิบายาชิ ที่ผมมองว่า หากจะว่ากันที่ด้วยแนวทางการเล่าเรื่องราวแล้ว ผมว่ามันให้ความรู้สึกเหมือนพวกมังงะเสียมากกว่า เพราะแม้ซีรีส์จะมีเส้นเรื่องหลักเรื่องราวปริศนาความเป็นมาของ เบียคุยะ ก็จริง ถึงอย่างนั้นการเล่าเรื่องก็จะเป็นตอนสั้น ๆ เล่าในแต่ละเคสที่ต้องรักษาคนไข้ มากกว่าการผูกปมยาว ๆ ให้คนดูติดตามเนื้อหาตั้งแต่ต้นจนจบ ซีรีส์เลยเหมือนมังงะเล่าจบในตอนเสียมากกว่า

การเล่าเรื่องแม้จะเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย ไม่ได้เข้มข้นจริงจังแบบจัดเต็มข้อมูลการแพทย์ แต่ก็ต้องบอกว่าซีรีส์ขับเน้นใจความของตัวเองออกมาได้ดี ด้วยการนำเสนอความสำคัญของการวินิจฉัยโรค เพราะมันแน่นอนว่าการจะรักษาคนไข้ ความสำคัญลำดับแรก ๆ เลยก็ต้องวินิจฉัยโรคให้ได้เสียก่อน ซีรีส์ทำให้เห็นความยากว่า อาการของโรคบางครั้งมันก็แสดงออกมาคล้ายกัน ถึงขนาดที่ว่าบางทีการตรวจด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยก็ยังระบุให้ชัดเจนได้ยาก

ในซีรีส์ยังชี้ให้เห็นอีกว่า มันยังประกอบด้วยการซักประวัติผู้ป่วย แล้วก็ประสบการณ์ของหมออีกด้วย ที่สำคัญอีกอย่างก็คือหมอเองก็ต้องวาง….เอ่อ จะใช้คำว่าอะไรดี ผมขอใช้คำว่า ทัศนคติเป็นกลาง ไม่มีธงอะไรในใจไว้ก่อน ก็แล้วกันครับ ด้วยความที่หมอก็เป็นคนเหมือนอย่างเรา เลยอาจจะมีมุมมองความคิดอ่านแตกต่างกัน ซึ่งซีรีส์หยิบเอาความใส ๆ สมองโล่ง ๆ เหมือนเด็กเพิ่งเกิดที่มีความรู้การแพทย์ ตามบทของ เบียคุยะ มาสะท้อนในส่วนนี้ เพราะ เบียคุยะ จะวินิจฉัยโดยปราศจาก อารมณ์ อคติ แล้วก็เจตนา แต่วินิจฉัยตามข้อมูลแล้วก็สิ่งที่เห็นตามจริง

พอพูดถึงตัวละคร เบียคุยะ ผมเลยต้องบอกว่า นึกภาพนักแสดงคนอื่นมารับบทไม่ออก นอกจาก มินามิ จริง ๆ ครับ เอาจริงมันก็ไม่ใช่บทที่ยากอะไรหรอกครับ แต่ผมว่ามันเป็นบทที่แสดงให้พอดียาก แล้วถ้าเสน่ห์นักแสดงไม่มากพอ มันจะออกไปทางน่ารำคาญด้วยซ้ำ ซึ่งเสน่ห์ของ มินามิ เอาคาแรคเตอร์นี้อยู่จริง ๆ ไม่น่ารำคาญไม่พอ ยังแสดงออกมาได้น่ารักมาก ๆ ด้วย เพราะคาแรคเตอร์ เบียคุยะ ทั้งซึน ทั้งขี้สงสัย ทั้งชอบหาเรื่องใส่ตัว แล้วก็ทำให้คนอื่นงานงอกเสมอ คิดดูเอาครับถ้านักแสดงเสน่ห์ไม่แข็งแรงพอมันจะออกมาเป็นยังไง

เพราะหากจะว่ากันตามตรงซีรีส์ก็ไม่ถึงกับสนุกมากหรอกครับ แต่ก็ยังอยู่ในระดับทำได้น่าติดตาม มีปริศนาอาการป่วยแล้วก็พาทดราม่าให้คนดูเอาใจช่วย ส่วนเนื้อเรื่องด้านอื่นน้ำหนักค่อนข้างเบาบางอยู่มากครับ โดยเฉพาะพาทความรักนี่เอาจริงไม่ต้องใส่มายังได้เลยครับ นอกจากจะไม่อินแล้วยังแอบรู้สึกว่าเป็นส่วนเกินของเรื่องด้วยซ้ำ เพราะความสัมพันธ์ตัวละครที่ทำให้คนดูคิดว่า พวกเขารู้สึกอะไรต่อกันมันแทบไม่มีเลย ว่ากันตามตรงนอกจากความน่าติดตามในพาทการรักษาคนไข้แล้ว ดูเหมือนเสน่ห์ของ มินามิ กับ ซาเอะ โอกาซากิ จะมีส่วนช่วยพยุงความน่าสนใจของซีรีส์เอาไว้ได้เยอะทีเดียวครับ

พูดถึงเรื่องของความน่าสนใจพาทการรักษาคนไข้ขึ้นมาแล้วขอต่อเลยก็แล้วกันครับ เป็นซีรีส์ที่ทำให้ได้รู้เรื่องที่ไม่เคยรู้ทางการแพทย์ขึ้นมาเหมือนกันะครับ อย่างโรคพิษสุนัขบ้าที่ในญี่ปุ่นไม่พบมานานหลายปี แต่ในบ้านเรายังได้ยินข่าวอยู่บ่อย ๆ ซึ่งในความเข้าใจมาตลอดคือไม่มีวิธีรักษาหลังแสดงอาการ แต่ในซีรีส์เรื่องนี้ก็มีการหยิบยกวิธีการรักษา วิธีการหนึ่งขึ้นมาด้วยเหมือนกันครับ เพียงแต่ว่า ถึงจะเคยมีข้อมูลว่ามีคนรอดชีวิตจากการใช้วิธีนี้รักษาก็จริง แต่ในปัจจุบันก็ไม่ใช่วิธีการที่แนะนำให้มีการรักษาแล้ว ส่วนวิธีไหนมีชื่อเรียกว่าอะไรไปดูกันเอาในซีรีส์ก็แล้วกันครับ

ใจความของซีรีส์นอกจากจะพูดถึงแง่มุมการวินิจฉัยโรคแล้ว ในแง่ของซับพล็อตดราม่าทางการแพทย์ในแง่มุมอื่นก็ยังมีแทรกเข้ามาอีกครับ ทั้งเรื่องของการพยายามช่วยคนไข้อย่างถึงที่สุด หรือถ้าถึงที่สุดแล้วช่วยไม่ได้จะมีทางเลือกแบบไหนอีกบ้าง โดยที่แต่ละตอนก็จะมีดราม่าประเด็นซับพล็อตแทรกเข้ามาทุกเคส ตามสไตล์ซีรีส์ญี่ปุ่นนั่นแหละครับ ที่บทแข็งแรงในแง่ของการให้สาระแง่คิดแก่คนดู

มาถึงช่วงท้ายรีวิวกันแล้ว ผมขอสรุปถึงซีรีส์เลยก็แล้ว ผมว่าเรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่เหมาะกับคนที่เป็นแฟน มินามิ เป็นหลักเลยล่ะครับ ส่วน ซาเอะ เรื่องก็น่ารักแต่แอร์ไทม์ก็ไม่เยอะมาก ในแง่ของการเล่าเรื่องและเนื้อหาแม้จะเป็นเรื่องการแพทย์ แต่ก็ไม่ถึงกับซีเรียสจริงจังมาก เนื้อหาถือว่าย่อยง่ายดูบันเทิง แค่ว่ามันก็ไม่ได้มีอะไรตื่นเต้นชวนลุ้นมากนักแหละครับ ผลลัพธ์เลยออกมากลาง ๆ ดูเพลิน ๆ เสียมากกว่า
 
ขอบคุณภาพประกอบจากซีรีส์: Dr.White (2022)

#รีวิวซีรีส์ #SeriesReview

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: All of Us Are Dead (2022)

 All of Us Are Dead (2022) มัธยมซอมบี้ Screenwriter:  Chun Sung Il Director:  Lee Jae Gyoo       ซีรีส์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธ...