Inubu (2021)
#Drama Director: Tetsuo Shinohara โซตะ ฮานาอิ (Kento Hayashi) นักศึกษาสาขาสัตวแพทย์ปี 2 ที่รักสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ ในอพาร์ทเมนท์ของเขาจะเต็มไปด้วยหมาแมวเร่ร่อน รวมถึงสัตว์อื่นที่บาดเจ็บเพื่อนำตัวมารักษา แล้วในวันหนึ่ง โซตะ ก็ได้เจอกับเรื่องท้าทายที่มีสาเหตุจากความรักสัตว์ของเขา เมื่อหมาที่เขาช่วยชีวิตไว้ตัวหนึ่งดันเป็นหมาของมหาลัย ซึ่งเตรียมไว้ให้นักศึกษาฝึกผ่าตัด แน่นอนว่าชะตากรรมของมันหลังจากนั้นก็คือการถูกการุณญฆาตแต่จากความแน่วแน่ของ โซตะ แล้วก็ความดิ้นรนอยากมีชีวิตของเจ้าหมาตัวนั้น เลยทำให้สุดท้ายแล้วเรื่องราวจบลงด้วยดี เพียงแต่ โซตะ ก็ไม่ได้มองว่าการช่วยหมาเพียงตัวเดียวมันจะพอ เขาเลยรวมตัวกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์อย่าง เรียวสุเกะ โยชิมิ แล้วก็ โทโมฮิโกะ ในการตั้งชมรมสนุขขึ้นมา เพื่อหาบ้านให้กับเหล่าหมาจรจัดทั้งหลาย ไม่ให้พวกมันต้องกลายเป็นหมาไม่มีเจ้าของ แล้วถูกส่งตัวไปการุณยฆาต
หนังที่สร้างจาก nonfiction novel ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง เขียนโดย ยูกะ คาตาโนะ ตีพิมพ์ในปี 2010 หลังจากที่ผมดูจบแล้วคงพูดได้เลยว่าเป็นหนังที่สร้างออกมา เพื่อคนรักหมาโดยเฉพาะเลยล่ะครับ คือจะว่ายังไงดีล่ะครับ ขนาดว่าบ้านผมเองก็เคยเลี้ยงหมา แล้วปัจจุบันก็เลี้ยงแมวอยู่ ถึงอย่างนั้นส่วนตัวก็ยอมรับว่าไม่ถึงขนาดจะรักสัตว์ทุกตัวน่ะครับ แต่ไม่ใช่กับตัวละคร โซตะ ครับ เขาคนนี้เรียกได้ว่าเกิดมาเพื่อหมาแมวแล้วก็เหล่าสรรพสัตว์ได้เลย ผมยอมรับตามตรงเลยว่าตอนดู มีบางครั้งที่ตั้งคำถามกับตัวละครนี้ ว่าสิ่งที่เขาทำมันสุดโต่งไปหรือเปล่า
อย่างความพยายามในการช่วยหมาที่จะถูกนำมาฝึกผ่าตัด ซึ่งมันเป็นอะไรที่ส่งผลโดยตรงต่อการเรียนของเขา ที่ต้องไปเป็นสัตวแพทย์อีกทีหนึ่ง คือถ้าเขาไม่เรียนรู้ในการผ่าตัดกับร่างของสัตว์จริง ๆ แล้วเขาจะเอาความชำนาญมาจากไหน จะจบออกไปรักษาสัตว์ได้ยังไง แต่ผมก็ต้องบอกว่าขอยกธงขาวยอมแพ้ให้กับ โซตะ เลยล่ะครับ เพราะเขาก็เชื่อแล้วก็มุ่งมั่น สามารถหาหนทางในแบบของตัวเองได้ แต่ก็ต้องบอกว่าอันนี้แค่เป็นวีรกรรมในตอนที่ยังเป็นนักศึกษานะครับ
ในตอนที่เรียนจบออกมากลายเป็นสัตวแพทย์ ก็ยังมีวีรกรรมความมุ่นมั่นของเขา จนคนรอบข้างเห็นแล้วแอบเหนื่อยแทนอยู่ไม่น้อย แล้วจุดที่น่าตั้งคำถามอีกครั้ง ก็เป็นตอนที่ โซตะ อยากจะเข้าไปรักษาหมาที่เจ้าของไม่อยากให้มายุ่งนี่แหละครับ แต่ก็อย่างที่บอกแหละครับ สุดท้ายแล้วไม่ว่าใครก็ยอมแพ้ให้กับความพยายามแบบหน้ามึนของ โซตะ
จากที่พูดมาตั้งแต่ต้นหลายคนอาจจะคิดว่า หนังมาในโทนโลกสวยด้วยมือเราอะไรทำนองนั้นหรือเปล่า โอเคมันก็จริงตามนั้นส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งหนังก็ยังเล่าถึงอุดมการณ์ ความเชื่อของคนของคนที่รักสัตว์เหมือนกัน แต่มองเห็นเส้นทางที่เดินไปแตกต่างกันอีกด้วย เมื่อตัวละคร โซตะ เป็นคนที่คิดว่าเขาจะช่วยชีวิตสัตว์ในแบบของเขาเท่าที่จะช่วยได้ แต่ตัวละคร เรียวสุเกะ ที่ก็รักสัตว์ไม่ต่างกันมีความคิดที่ว่า อยากจะเปลี่ยนแปลงจากภายใน อยากทำให้ระบบมันดีขึ้นเพื่อที่วันหนึ่งจะไม่มีหมาแมวถูกการุณญฆาตอีก ซึ่งมันเป็นเรื่องยากมากครับ เพราะสุดท้ายแล้ว มันก็ต้องมีหมาแมวตัวที่แก่หรือไม่น่ารัก แล้วก็แน่นอนว่า เรียวสุเกะ ก็ต้องเป็นคนจบชีวิตพวกมันอยู่ดี
เส้นทางที่สองคนเลือกต่างกัน มันก็เลยทำให้แต่ละคนแบกรับอะไรแตกต่างกัน เพราะตัวละคร โซตะ แม้จะเหนื่อยแค่ไหนกับการดูแลสัตว์ ถึงอย่างนั้นเขาก็ทำมันด้วยความสุข แต่คนที่เข้าไปอยู่ในระบบอย่าง เรียวสุเกะ แน่นอนว่าก็หนีไม่พ้นต้องทำสิ่งขัดใจตัวเอง ซึ่งไอ้การทำแบบนั้นนานมากเข้ามันก็เริ่มกัดกินเขาไปเรื่อย ๆ ก็เลยเป็นเรื่องที่พูดยากนะครับ ว่าการเลือกเส้นทางไหนของตัวละคร เป็นเส้นทางที่ดีกว่ากัน
โดยภายรวมของหนังแม้จะมีดราม่าแทรกเข้ามาบ้าง แต่โดยรวมโทนหนังก็ยังออกมาในมุมมองบวกสร้างแรงบันดาลใจครับ แล้วผมก็สังเกตได้อย่างหนึ่งว่า หนังจะไม่ได้เน้นหมาแมวที่หน้าตาน่ารักอะไรครับ ส่วนหนึ่งผมว่าคงจะเป็นความพยายาม ในการให้คนมองเห็นคุณค่าหมาแมวที่อาจจะแก่ ไม่น่ารักแล้วเหล่านี้บ้าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น