You are My Spring (2021)
#Drama #Romance Director: Jung Ji-Hyun/ Writer: Lee Mi-Na คังดาจอง (Seo Hyun-Jin) สาวพนักงานโรงแรมที่วัยเด็กโตมาในครอบครัวที่พ่อใช้ความรุนแรงกับแม่ เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่กลายเป็นว่าเธอกลับคบแต่ผู้ชายแย่ ๆ เหมือนพ่อของตัวเอง หลังจากย้ายที่อยู่ใหม่เธอได้มาเป็นเพื่อนบ้านกับ จูยองโด จิตแพทย์ที่มาเปิดคลินิกอยู่ที่ชั้นล่าง ทั้งสองคนไม่ถูกชะตาตั้งแต่เจอกันครั้งแรก ๆ เมื่อ จูยองโด (Kim Dong-Wook) ดันไปพูดจี้ใจดำตอกย้ำปมที่ทำให้ ดาจอง มักจะเจอแต่ผู้ชายห่วยแต่เหมือนว่าหนุ่มคนใหม่ของ คังดาจอง พ่อหมอ จูยองโด อาจจะทายผิด เมื่อ แชจุน (Yoon Park) หนุ่มที่เทียวไล้เทียวขื่อคอยตามจีบ คังดาจอง ในคราวนี้ ดูเป็นคนดี สุภาพบุรุษ จนทำให้ คังดาจอง ที่ในตอนแรกเอาแต่ปฏิเสธไม่อยากรับรักคนดีอย่างเขา ใจอ่อนยอมเปิดทางให้ แชจุน เริ่มเข้ามาในชีวิตมากขึ้น เพียงแต่ จูยองโด ดันสังเกตุเห็นอะไรบางอย่างในตัว แชจุน ว่าผู้ชายคนนี้ไม่เพียงแย่กว่าแฟนคนที่ผ่านมาของ คังดาจอง แต่อาจเลวร้ายกว่านั้นหลายเท่า
ซีรีส์เกาหลีสายฮีลที่ออกจะมีเนื้อหาหนักหน่วงไม่น้อย เพราะถึงแม้จะสื่อสารอย่างเข้าอกเข้าใจตัวละคร ในขณะเดียวกันมันก็หลีกเลี่ยงได้ยากที่จะไม่ฉายให้เห็นภาพประสบการณ์แย่ ๆ เหล่านั้น คือซีรีส์ไม่ได้แค่บอกว่าตัวละครมีปมแต่ยังนำเสนอที่มาที่ไปของปมที่กลายเป็นบาดแผลในใจนั้นด้วย พอได้ดูซีรีส์เรื่องนี้แล้วลองสังเกตุตัวเองดูก็มีแอบคิดเหมือนกันนะครับ ว่าแต่ละการตัดสินใจของเราเราตัดสินใจด้วยวิธีคิดที่เป็นเหตุผลจริงหรือเปล่า หรือเราเหมือนกับตัวละคร คังดาจอง ที่ตัดสินใจเลือกคบแต่คนแย่ ๆ เพราะอยากจะแก้ไขพวกเขาเหล่านั้นให้ดีขึ้น คังดาจอง โทษตัวเองในตอนเด็กว่าช่วยแม่ที่ถูกพ่อใช้ความรุนแรงไม่ได้ พอโตขึ้นมาเลยพยายามแก้ไขผู้ชายแย่ ๆ พวกนั้นที่เหมือนกับพ่อ
แล้วก็ไม่เฉพาะ คังดาจอง นางเอกของเราเท่านั้นที่มีปมหนักหน่วง ตัวละคร จูยองโด พระเอกของเรื่องที่เป็นจิตแพทย์เองก็มีปมฝังใจในชีวิตเหมือนกัน เขาถูกแม่กล่าวโทษเรื่องที่พี่ชายป่วยจนเสียชีวิต หรือตัวละคร แชจุนกับอีกหนึ่งตัวละครลับก็มีปมฝังใจในวัยเด็ก เป็นแรงขับทำให้ตัดสินใจทำเรื่องต่าง ๆ ลงไป พูดให้เข้าใจง่ายเรื่องนี้คงเหมือนเป็นซีรีส์ที่พูดถึงเบ้าหลอมคนคนหนึ่ง ว่าแต่ละประสบการณ์จะดีจะแย่มันก็ส่งผลให้เราเป็นเราเมื่อโตขึ้น ซึ่งซีรีส์ก็สรุปปิดท้ายในประเด็นนี้ได้ชัดเจน
เป็นซีรีส์ที่ผมชอบบทสนทนาของตัวละครในเรื่องมากเลย มันไม่ใช่บทพูดที่ไพเราะเรียบเรียงสวยงามอะไร อาจจะไม่ใช่คำพูดที่แสดงออกว่าเข้าอกเข้าใจปัญหาด้วยซ้ำ แต่เป็นคำพูดที่ทำให้คนฟังรู้สึกปลอดภัย รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา เป็นคำพูดที่คนกำลังมีความทุกข์ ความเศร้า ได้ยินแล้วทุเลาความรู้สึกเหล่านั้นไปได้บ้าง ฉะนั้นนอกจากเราจะได้เห็นตัวละครเยียวยากันและกัน เราที่เป็นคนดูยังได้ปลอบใจตัวเองด้วยอีกด้วย หากเคยผ่านประสบการณ์ใกล้เคียงกับตัวละคร แล้วอีกเรื่องหนึ่งเหมือนจะได้สะท้อนตัวเองอีกครั้ง ว่าเป็นคนไม่เหมาะในการให้คำปลอบโยนกับใครเลย ฮ่าฮ่า
นอกจากบทสนทนาที่ตัวละครเยียวยากันแล้ว บทสนทนาในพาทโรแมนติกหรือพาทตลกก็ทำออกมาดีเช่นกัน อย่าว่างั้นงี้เลยครับ ถึงจะเป็นซีรีส์แนวเยียวยาจิตใจก็จริง แต่มุกตลกในซีรีส์ก็ออกแนวแซวขำ ๆ หยิกแกมหยอก ที่แอบเหมือนการล้ออยู่เหมือนกันล่ะครับ ฮ่าฮ่า แค่มันไม่ใช่การล้อเลียนแบบแง่ลบ ออกแนวพูดแซวอ้อล้อกันขำ ๆ หยิกแกมหยอกเสียมากกว่า เหมือนคนจีบกันแต่เขินเลยแซวลองเชิงกันไปกันมา
เคมีนักแสดงก็ถือว่าดีมากทั้งนักแสดงหลักและสมทบ คิมดงอุค ในบทหมอจูยองโด บทจะจริงจังก็ทำได้น่าเชื่อถือ บทจะขายขำก็ตลกหน้าตายดูน่ารักดี ส่วนคนที่ผมถูกใจที่สุดเห็นจะเป็น ซอฮยอนจิน ซึ่งแทบจะกลายเป็นนางเอกขวัญใจผมไปแล้ว ยิ่งดูยิ่งติดตามผลงานก็ยิ่งชอบมากขึ้นเรื่อย ๆ บทดราม่าเอาอยู่ บทโรแมนติกที่ต้องใช้ความน่ารักก็มีเสน่ห์
การดำเนินเรื่องของซีรีส์นอกจากพูดถึงการเยียวยาปมฝังใจของตัวละครแล้ว เนื้อหายังมีการสืบสวนคดีฆาตกรรมอีกด้วย เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้โทนของซีรีส์ออกจะเข้ม สวนทางกับประเด็นที่นำเสนอการเยียวยาจิตใจ แต่ข้อดีมันก็ทำให้เรื่องราวน่าติดตาม ทำให้ตัวละครดูไม่น่าไว้วางใจคาดเดาว่าจะมาดีมาร้าย เป็นซีรีส์ที่ผมคิดว่าเหมาะกับคนที่ชอบดูเนื้อหาสะท้อนในทางบวก มีสาระแง่คิด ดำเนินเรื่องราวเรื่อย ๆ เน้นความสัมพันธ์ตัวละคร แต่ยังมีความบันเทิงสูตรสำเร็จแบบฉบับซีรีส์เกาหลี ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมค่อนข้างชอบเลยล่ะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น