วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

A Dirty Carnival (2006)

A Dirty Carnival (2006) อหังการลูกผู้ชายหักดิบ
#ปีนรั้วรีวิว #Action #Crime #Drama Director: Ha Yoo

      ถ้าหากหนังเรื่อง New World (2013) ปฏิวัติโค่นมาเฟีย เป็นหนังที่บอกเล่าแง่มุมสัจจะในหมู่โจร การรักพวกพ้องของนักเลงแล้วล่ะก็ A DIRTY CARNIVAL (2006) อหังการลูกผู้ชายหักดิบ เรื่องนี้ก็คงเป็นขั้วตรงข้าม เมื่อหนังพูดถึงนักเลงที่หากอยากจะขึ้นเป็นใหญ่ ก็ต้องเหยียบหัวลูกพี่ขึ้นไปให้ได้เท่านั้น

คิมบยองโด (In-sung Jo) นักเลงหัวไม้แก๊งค์เงินกู้นอกระบบ แต่ตัวเขาเองกลับไม่อยากให้น้องชายเดินตามรอยเท้า และอยากให้ครอบครัวสุขสบาย เพียงแต่เลี้ยงครอบครัวก็ว่าหนักแล้ว ยังต้องเลี้ยงลูกน้องอีกหลายปากหลายชีวิต แต่ ซังซอล (Je-mun Yun) ลูกพี่ของเขากลับให้ส่วนแบ่งเพียงน้อยนิด ไม่คุ้มค่าความเสี่ยงของเขาเลย ทว่าในที่สุดโชคชะตาก็เข้าข้าง บยองโด บ้าง เมื่อเขาได้โอกาสคุมร้านเกมสาขาใหม่ของแก๊งค์ แต่โชคดีที่ว่ามันกลับหลุดลอยไปอีกครั้ง เมื่อ ซังซอล ดันไปฆ่าลูกน้องของมาเฟียเจ้าถิ่นตาย แล้ว ยังพิล (Jin-Woong Cho) มือขวาของเขาตัดสินใจติดคุกแทน ซังซอล จึงเปลี่ยนใจยกร้านให้กับ ลูกน้องของ ยังพิล ดูแลแทน ซึ่งนั่นทำให้ บยองโด เริ่มคิดหนักแล้วว่า เขาจะยังอยากเป็นลูกน้องคนอื่นอยู่ไหมในตอนนี้


      เรื่องที่ทำให้ บยองโด พอจะมีความสุขได้บ้างก็คือ การได้เจอกัน มินโฮ (Min Namkoong) เพื่อนซี้สมัยประถม ที่ปัจจุบันกลายมาเป็นผู้กำกับหนัง และเพื่อนคนนี้ก็อยากได้ข้อมูล เรื่องราวชีวิตของพวกมาเฟียมาสร้างหนังพอดี บยองโด ก็เลยกลายมาเป็นที่ปรึกษาให้กับ มินโฮ ไปโดยปริยาย และเรื่องที่มันดียิ่งกว่าก็คือ มินโฮ ได้พา บยองโด กลับมาเจอเพื่อนเก่าอีกครั้ง นั่นยังรวมถึง ฮยอนจู (Bo-young Lee) ผู้หญิงที่เขาหลงรักมาตลอดชีวิต

หนังเรื่องนี้ค่อนข้างจริงจัง แล้วก็ซีเรียสระดับนึงเลยนะ แต่พอดูจบแม่งกลายเป็นหนังตลกร้ายไปซะเฉยเลย เมื่อชีวิตคนเรามันไม่มีอะไรแน่นอน รุ่งได้ ก็ร่วงได้เหมือนกัน เพียงแต่ใครจะไปคิดว่า ตนเองได้ขึ้นไปถึงจุดสุดยอดเส้นทางไหน แล้วจะต้องได้กลับลงมาในทางเดียวกันนั้น

      จุดที่เสียดายกับหนังเรื่องนี้คือระหว่างทางหนังไม่น่าสปอย หรือบอกใบ้พฤติกรรมของบางตัวละคร ให้คนดูรู้สึกได้ถึงความไม่น่าไว้วางใจ เพราะพอถึงจุกพลิกผันของตัวละครเอก มันสร้างอิมแพ็คกับคนดูได้ไม่เต็มที่ เพราะหนังบอกใบ้คนดูมาตลอดทางแล้ว แต่แม้เป็นหนังที่พอจะเดาบทสรุปของตัวละคร บยองโด ได้ก็จริงเมื่อผ่านมาครึ่งเรื่อง แต่ความน่าสนใจของหนังก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย มันเหมือนกับเราผูกพันกับตัวละคร บยองโด เราเห็นเขาตั้งแต่จุดต่ำสุดจนขึ้นมายืนแถวหน้า ฉะนั้นก็อยากจะเห็นบทสรุปของเขาด้วยตาของตัวเองเช่นกัน

ตลอดหนังทั้งเรื่องแม้หนังจะมีตัวละคร ที่แสดงความไม่น่าไว้ใจออกมาเด่นชัดอยู่คนหนึ่ง แต่ตัวละครที่เหลือ กลับไม่มีใครแสดงออกถึงความไม่น่าไว้ใจเลย ทุกคนดูรักใคร่กลมเกลียวดี แต่ลึกๆแล้วระหว่างที่ดู ก็พอจับสัญญาณความไม่น่าไว้วางใจได้ สุดท้ายเมื่อตัวอย่างมันมีให้เห็น แล้วจะแน่ใจได้ไงว่ามันจะไม่เกิดขึ้นซ้ำสอง

      ครึ่งแรกของหนังสารภาพว่า รู้สึกแปลกใจว่าทำไมหนังเรื่องนี้ ถึงได้คะแนนใน IMDB สูงถึง 7.4 เพราะก็ดูเหมือนหนัง Gangster ทั่วไป แต่พอหนังเริ่มคลายปมออกมาในครึ่งหลัง เขาใจเลยว่าทำไมถึงมีคนชอบเรื่องนี้เยอะ เพราะถึงแม้จะเป็นหนังมาเฟีGangster ก็จริง แต่ก็สะท้อนมุมมองชีวิตจริงของคนเราหลายอย่าง คำว่าครอบครัวมันก็มีแค่ครอบครัวจริงๆของเราเท่านั้นแหละที่ห่วงเราจริง แต่กับคนอื่นต่อให้ร่วมหัวจมท้าย ร่วมเป็นร่วมตายกันมายังไง หากยังสมประโยชน์กันอยู่ก็พอวางใจได้ แต่หากผลประโยชน์ไม่ลงตัวเมื่อไหร่ ถ้าไม่ระวังหลังให้ดีก็อาจถูกแทงได้ทุกเมื่อ

ที่สำคัญไปกว่านั้น ความลับมันไม่มีในโลก ต่อให้เล่าความลับให้ต้นไม้ที่ไม่มีปากฟัง หากมีคนเดินผ่านมาได้ยินมันยังไม่เป็นความลับเลย นับประสาอะไรเล่าให้คนมีปากฟังแล้วคิดว่าจะเหยียบความลับไว้ให้เรา สุดท้ายแล้ว A DIRTY CARNIVAL มันคือ เทศกาลละเลงสิ่งสกปรก แต่ละตัวละครก็ต่างทำเรื่องผิดด้วยกันทั้งนั้น แต่ละคนก็สกปรกมือเปื้อนเลือดด้วยกันหมด

      สรุปแล้ว A DIRTY CARNIVAL (2006) อหังการลูกผู้ชายหักดิบ เป็นหนัง ดราม่า Gangster ที่ขอใช้คำว่าดีแล้วกันนะ คือมันไม่ได้สนุกมากนักในแง่มุมบันเทิง มันดีในแง่มุมการดำเนินเรื่องที่แม้จะพอเดาได้ แต่มันก็ยังทำให้เราอยากติดตามบทสรุปของตัวละคร และความตลกร้ายเมื่อถึงบทสรุปของหนังคือเสน่ห์อย่างนึงของเรื่องนี้

#MovieReview #รีวิวหนัง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: Forever and Ever (2021)

Forever and Ever (2021) ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม ภาคปัจจุบัน #Romance   #Drama  Director: Shen Yang, Ben Fang/ Screenwriter: Mo Bao Fei Bao    ...