วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2563

Yell for the Blue Sky (2016)

Yell for the Blue Sky (2016) กู่เสียงฝันให้ก้องฟ้า
#ปีนรั้วรีวิว #Drama #Family #Romance Director: Takahiro Miki

      ทสึบาสะ โอโนะ (Tao Tsuchiya) นักเรียนที่เพิ่งขึ้นมัธยมปลายปีแรกย้ายมาเรียนต่อที่โรงเรียน ชิราโตะ โรงเรียนมัธยมปลายที่โด่งดังในด้านดนตรีเครื่องเป่าและกีฬาเบสบอล โอโนะ มักเดินก้มหน้ามองเท้าตลอดเวลาเพราะเป็นสาวขี้อายไม่มีความมั่นใจในตัวเอง แต่เธอก็มีความใฝ่ฝันที่อยากจะเข้าชมรมเครื่องเป่า

ไม่ต่างจาก ไดสุเกะ ยามาดะ (Ryoma Takeuchi) หนุ่มเพื่อนร่วมชั้นของ โอโนะ ที่เขาอยากเป็นนักเบสบอลของโรงเรียนนี้ ความฝันของทั้งคู่แม้นจะแตกต่างกันแต่ก็มีจุดร่วมเดียวกันก็คือ การได้ไปเชียร์และแข่งขันในนัดชิงของ โคชิเอน รายการชิงแชมป์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับนักเรียนมัธยม

ทั้งสองคนจึงให้คำสัญญาต่อกันไว้ว่า โอโนะ จะต้องไปเล่นดนตรีเชียร์ที่สนามแห่งนั้นในนัดชิงแชมป์ให้ได้ เพียงแต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า โอโนะ ที่ตัดสินใจเข้าชมรมเครื่องเป่าในตำแหน่งทรัมเป็ตนั้น ยังเล่นดนตรีไม่เป็นเลยความฝันและคำสัญญาที่ให้ไว้ มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฝ่าฟันไปให้ถึงเป้าหมาย


      หนังฟีลกู๊ดที่คงบอกได้ว่า ขยันสร้างปมความความกดดันให้ตัวละครได้ตลอดทั้งเรื่องจริงๆ แต่หนังเองก็ยังขยันสร้าง แรงขับ แรงผลักดันความรู้สึกดี ปลุกใจ ให้ตัวละครลุกขึ้นมาสู้ต่อได้ตลอดเวลาเช่นเดียวกัน นอกจากสองตัวละครพระนางของเรื่องอย่าง โอโนะและยามาดะ ที่ต่างฝ่ายต่างให้กำลังใจกันแล้ว ทั้งสองคนยังเผื่อแผ่แรงผลักดันดีๆ ที่ว่าสู่เพื่อนและคนรอบข้างอีกด้วย

หนังจึงออกมาในมุมมองแบบอุดมติมากๆ ที่บอกให้คนเราสู้แม้จะเจอกับปัญหากับความไม่เป็นใจต่างๆนานา เพียงแต่ว่าเราก็ต้องพร้อมยอมรับกับผลของความพยายามด้วย หากมันจะไม่เป็นอย่างใจเราต้องการ หนังมีทั้งมุมมองโลกสวยและบอกให้เรายอมรับความจริงไปพร้อมๆกัน แต่ไม่ใช่การยอมรับแล้วท้อถอย ทว่าเป็นการยอมรับแล้วลุกขึ้นมาพยายามใหม่ พัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น หนังฉายภาพชุดความคิดแบบนี้ซ้ำๆจนบางทีแอบคิดเหมือนกันนะว่า ตัวละคร โอโนะ นี่หน้ามึนจริงๆ ฮ่าฮ่า คือจะโดนด่าโดนว่ายังไงก็ยอมรับความจริง ว่าเอ่อ…ใช่ ฉันมันกาก อ่อนด๋อยจริงๆ แต่ฉันก็จะไม่ยอมแพ้ ไม่ถอยเด็ดขาด

      อุปสรรคของแต่ตัวละครเรียกว่าจบไปปมนึงก็มีอีกปมมาให้แก้ใหม่แบบรัวๆ มันดีตรงที่หนังมีอะไรให้เราติดตามเอาใจช่วยตัวละครได้ตลอด แถมแต่ละซีนก็ซึ้งประมาณนึงอาจจะไม่ถึงร้องไห้ขี้มูกโปงแต่ก็พอทำน้ำตาคลอได้ ส่วนคนที่หวังจะ จิ้น ฟิน แง่มุมเรื่องราวของความรักอาจจะผิดหวังหน่อยที่หนังไม่ค่อยมีในส่วนนั้น แม้ตลอดทั้งเรื่องคนดูจะรับรู้ว่าตัวละครรู้สึกอะไรต่อกันอยู่ก็จริง แต่ก็อย่างที่บอกว่าหนังค่อนข้างมีภาพอุดมคติเยอะ ทำให้แต่ละคนเว้นวรรคเรื่องหัวใจเพราะกลัวเสียสมาธิ เรียกว่ารักไม่ยุ่งมุ่งแต่ซ้อมและทำความฝันให้เป็นจริง

หนังจึงมีเฉพาะแง่มุมเป็นบวกสร้างแรงบันดาลใจ ขายมุมมองทัศนคติที่ดีต่อความพยายามของคน แม้จะมีแอบแทรกความรักสามเศร้าลงมาด้วยนิดนึงเป็นน้ำจิ้ม แต่ก็เป็นรักสามเศร้าแบบฟีลกู๊ดอีกอยู่ดี ฮ่าฮ่า ส่วนตัวแล้วถือว่า ถูกใจ สนุกไปกับหนังนะ ถึงจะมองว่ามันโลกสวยไปมากๆเลยก็เถอะ แต่บางครั้งคนเราก็ต้องเติมอะไรที่มันเป็นแง่มุมบวกให้กับชีวิตเพื่อเติมไฟบ้าง ซึ่งหนังตอบโจทย์จุดนี้ได้ดีเลย จากชื่อผู้กำกับอย่าง Takahiro Miki แม้จะไม่ปังทุกเรื่อง แต่ก็ถือว่าเป็นผู้กำกับที่ฝีมือสม่ำเสมอคนนึง

      สรุปแล้ว Yell For The Blue Sky (2016) เป็นหนังรัก โรแมนติก ก้าวพ้นวัย ที่ไม่ค่อยเสิร์ฟความโรแมนซ์ให้คนดูเท่าไหร่ เมื่อหนังให้ตัวละครมุ่งมั่นอยู่กับความฝัน ความตั้งใจของตัวเองเป็นหลัก แม้จะไม่มีเรื่องรักมาเซอร์วิสมากนัก แต่หนังก็ทำได้สนุกน่าติดตามในแง่มุมที่ตัวเองต้องการนำเสนอ

#MovieReview #รีวิวหนัง




1 ความคิดเห็น:

Review: Criminal Minds (2017)

Criminal Minds (2017) อ่านเกมฆาตกร #Action   #Mystery   #Drama Director: Yang Yun-Ho, Lee Jung-Hyo Writer: Hong Seung-Hyun       NCI หน่วยวิ...