วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

You Call It Passion (2015)

You Call It Passion (2015) นักข่าวมือใหม่กับเจ้านายขี้วีน
#ปีนรั้วรีวิว #Drama #Comedy

      โดราฮี (Bo-Young Park) พนักงานฝึกหัดหน้าใหม่  ฝ่ายข่าวบันเทิงของสำนักข่าวดงมยอง ต้องเจอกับเรื่องหน้าปวดหัวตั้งแต่วันแรกที่ทำงาน  เมื่อ ฮาแจกวาน (Jae-yeong Jeong) หัวหน้าฝ่ายข่าวบันเทิงเจ้านายของเธอนั้น  เป็นพวก ขี้โวยวาย โมโหร้าย เด็กใหม่อย่างเธอ  จึงต้องคอยรับมือกับอารมณ์ของเขาเมื่อทำงานผิดพลาดเป็นประจำ  เพียงแค่งานแรกที่ได้ออกภาคสนามของเธอ  ก็ถูกเจ้านายวีนแตกอย่างหนัก 
      เพราะนอกจากเจ้าตัวจะไม่ได้ข่าวกลับมาแล้ว  ยังไปนั่งกินคิมบับถ่ายทอดสดออกทีวี ขณะที่สำนักข่าวแห่งอื่นกำลังรายงานข่าวอยู่ หัวหน้าอย่าง แจกวาน จึงทิ้งบอมส์ใส่ ราฮี ไปหนึ่งชุดใหญ่ จนเจ้าตัวชักจะทนไม่ไหวกับบอสขี้โมโหอย่าง แจกวาน และเริ่มคิดเรื่องลาออกซะแล้ว แต่หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากแม่  ที่บอกให้เธอจ่ายค่าที่พักเองในเดือนนี้ โดราฮี จึงคิดได้ว่า…อืม…ฉันคงจะลาออกจากงานในตอนนี้ไม่ได้แล้วซินะ ฮ่าฮ่า
      แต่แล้ววันที่ โดราฮี จะผงาดง้ำค้ำโลกก็กลับมาอีกครั้ง เมื่อรุ่นพี่นักข่าวคนอื่นๆต่างติดงานด้วยกันหมด แจกวาน จึงจำใจต้องส่ง ราฮี ออกไปทำข่าวของ วูจีฮาน (Kyun-Sang Yoon) นักแสดงหนุ่มซุปตาร์  ที่มีข่าวถูกลอบทำร้ายจนต้องเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล  เพียงแต่การจะเข้าไปถึงตัว จีฮาน ไม่ใช่เรื่องง่าย  เมื่อมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนขวางกันนักข่าวเอาไว้  แต่ด้วยความร่วมมือจาก แชอึน (Hyeon-kyeong Ryu)นักข่าวรุ่นพี่สมัยเรียน ราฮี จึงได้แอบแว๊บเข้าไปสัมภาษณ์ จีฮาน ได้สำเร็จ ทว่าจากข่าวซุปตาร์หนุ่มถูกทำร้าย  กลายเป็นว่า ราฮี ตกกระไดพลอยโจน  เข้าไปเป็นส่วนนึงของเกมแบลกเมล์จากใครบางคนเข้าแล้วในตอนนี้
      หนังที่พูดถึงการทำงานของสื่อสารมวลชน  โดยเน้นมาในงานสายข่าวบันเทิง  ที่ต้องตามเกาะติดเหล่าซุปตาร์  ล้วงลึกเบื้องหลังนำออกมาเสนอให้ได้ จากมุมมองของหนังเรื่องนี้  เมื่อทุกคนต้องกินข้าวสำนักข่าวก็ต้องทำงานเพื่อหวังเงิน  บางครั้งพวกเขาก็ต้องใส่สีตีไข่เพื่อให้ข่าวน่าสนใจ  เพราะคนไม่ได้อยากอ่านข่าวที่เป็นความจริงแต่น่าเบื่อหรอก

      บางครั้งพวกเขาก็อาจจะต้องยอมนำเสนอ  หรือไม่นำเสนอประเด็นต่างๆออกไป  เมื่อนายทุนของบริษัทไม่เห็นด้วย  เพราะมันจะส่งผลกระทบถึงรายได้จากโฆษณา และที่สำคัญที่สุดบางข่าวเมื่อเลือกที่จะนำเสนอออกไปแล้ว  เจ้าของบทความอาจจะตกอยู่บนความเสี่ยงที่จะโดยฟ้องทุกเมื่อ  หากบทความนั้นไปกระทบถึงใครให้เสียหายได้

      เหมือนกับ โดราฮี น้องใหม่ที่ไร้ประสบการณ์  เมื่อเธอได้ข่าวเด็ดของนักแสดงมาแล้ว เธอกลับรู้สึกสับสนและไม่มั่นใจ  ที่จะนำเสนอมันออกไปเพราะกลัวว่า  จะเสี่ยงต่ออนาคตของคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น  แต่เมื่อเธอเองไม่นำเสนอแล้วมีคนอื่นตัดสินใจทำมันแทน  ผลกระทบที่เธอกลัวมันกลับรุนแรงกว่าที่คิด มันกลายเป็นว่า  เมื่อเธอเองมีโอกาสเลือกที่จะทำด้วยมุมมองของตัวเอง ไม่ว่าจะเสนอไปตามความจริงหรือใส่สีตีไข่แต่เธอไม่ทำ เพราะความกลัวและไม่อยากที่จะรับผิดชอบอะไร บางครั้งผลเสียที่ตามมามันก็อาจจะร้ายแรงกว่าก็ได้
      เนื้อหาของหนังน่าจะเรียกได้ว่า  เข้ากันกับดราม่าสื่อสามวลชนในช่วงนี้พอดี  กับการติดตามข่าว การช่วยเหลือทีมหมูป่าอะคาเดมี่  ในขณะนี้ที่สื่อมักจะแย่งชิงพื้นที่ข่าวกันว่า ใครจะสามารถเจาะลึกและนำเสนอได้รวดเร็วกว่ากัน  จนบางครั้งอาจจะลืมคำนึงถึงจรรยาบรรณสื่อ  ที่ควรมีต่อผู้ประสบเหตุครอบครัวและสังคมด้วย ใช่…ที่ความรวดเร็วและข้อมูลเจาะลึกมันสำคัญ 
      แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือความถูกต้องแม่นยำ จิตสำนึก และมุมมองต่อเรื่องที่ต้องการนำเสนอออกมา เพราะสื่อสารมวลชนทุกคน  เลือกได้ว่าจะนำเสนอออกมาแบบไหน  อยากจะขายดราม่าหรืออยากจะขายข้อเท็จจริง  อยากขายไสยศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์  อยากนำเสนอมุมมองที่มีความหวัง  หรือแค่หยิบข่าวลือมาลง  เพื่อสร้างความสับสนแก่สังคม  สื่อทุกคนสามารถเลือกได้ทั้งนั้น

      ธีมหลักของหนังเรียกว่านำเสนอ  ในแง่มุมดราม่าการทำงานเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ของหนัง  อาจจะมีแง่มุมรักโรแมนติกสอดแทรกเข้ามาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง  ถ้าพูดถึงความบันเทิงสนุกในแบบหนังดราม่า  ที่ตัวละครต้องเผชิญปัญหาแล้วแก้ไขมัน  หนังเรื่องนี้ก็ทำได้สนุกน่าติดตามในส่วนนี้นะ  แต่หากจะหวังความบันเทิงแบบหนังโรแมนซ์คอมเมดี้  ตามแบบฉบับหนังรักเกาหลี  ก็อาจจะไม่ฟินไปกับหนังเรื่องนี้แน่ๆครับ

      สรุปแล้ว You Call It Passion (2015) เป็นหนังดราม่าสายบันเทิงที่มีธีมหลักเป็นเรื่องการทำงานสื่อสารมวลชน ที่นำเสนอออกมาในมุมเบาๆมีความเป็นคอมเมดี้เล็กน้อย ทั้งเสียดสีแล้วก็แก้ไขความผิดพลาดไปในคราวเดียวกันของคนที่ทำหน้าที่สื่อสารมวลชน

#MovieReview #รีวิวหนัง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: #Alive (2020)

 #Alive (2020) คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ Screenwriter & Director:   Jo Il Hyung       ตั้งแต่ทั่วโลกได้รู้จักกับ Train to Busan ก็ต้องบอกว่า ไม...