วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2563

Asahinagu (2018)

Asahinagu (2018) สู้เขาน้องแว่น
#ปีนรั้วรีวิว #Comedy #Family #Sport Director: Tsutomu Hanabusa

      อาซาฮิ โทจิมะ (Nanase Nishino) สาวแว่นที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมัธยมปลายปีหนึ่ง เธอเป็นเด็กเนิร์ดที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าแสดงออก แล้วก็เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้งให้เธองานเข้าตั้งแต่เรียน ม.ปลายวันแรก ขณะที่เธอกำลังเดินไปเรียนจู่ๆก็มีตาลุงคนหนึ่งเดินมาเปิดของลับโชว์ให้เธอดู ด้วยความตกใจ อาซาฮิ ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนตะลึงกับภาพช้างน้อยที่อยู่ตรงหน้า กระทั่งมีอัศวินขี่ม้าขาวอย่าง มาฮารุ มิยาจิ (Mai Shiraishi) รุ่นพี่ปีสองกระโดดถีบตาลุงโรคจิตคนนั้นจนกลิ้งเป็นลูกขนุนไป

อาซาฮิ ก็เลยเกิดความประทับใจในตัวรุ่นพี่ มาฮารุ ผู้เข้มแข็งตั้งแต่วันนั้น และยกให้เธอเป็นไอดอลที่ อาซาฮิ จะก้าวไปเป็นคนที่เข้มแข็งให้ได้ และแล้วก็ถึงวันที่ทุกคนต้องเลือกเข้าชมรมก็มาถึง ซึ่งเพื่อนๆของ อาซาฮิ ต่างชวนไปเข้าชมรมที่มีแต่หนุ่มหล่อ ทว่าด้วยอุบัติเหตุบางอย่างทำให้ อาซาฮิ ต้องกลายมาเป็นสมาชิกของชมรม นากินาตะ (กีฬาศิลปะการต่อสู้คล้ายๆเคนโด) พร้อมกับ โชโกะ (Reika Sakurai)และซากุระ (Sayuri Matsumura) เพื่อนใหม่อีกสองคน

แต่เด็กเนิร์ดที่อ่อนปวกเปียกอยู่แต่ชมรมศิลปะมาตลอดอย่าง อาซาฮิ จะรับมือไหวไหมกับบททดสอบ รวมถึงการฝึกซ้อมอันหนักหน่วงได้หรือเปล่า เพราะมันไม่ใช่แค่การฝึกร่างกายให้เข้มแข็ง แต่มันยังหมายถึงการมีจิตใจที่แข็งแกร่ง พร้อมลงสนามเพื่อแข่งขันจริงๆกับคู่ต่อสู้
      Live-Action จากมังงะ "Asahinagu" ของ Ai Kozaki ที่ผมเองไม่เคยอ่านมังงะนะเลยคงไม่ได้กล่าวถึง หรือเปรียบเทียบรายละเอียดอะไรส่วนนั้น

หลังจากดูจบส่วนตัวผมถูกใจแล้วก็บันเทิงไปกับหนังเลยล่ะ อาจจะไม่ถึงกับเรียกได้ว่าฮาก๊ากกกตลอดทั้งเรื่อง แต่ นานาเซะ นิชิโนะ สมาชิกไอดอลวง “Nogizaka46” ก็แสดงเป็น อาซาฮิ ได้ฮาจริงๆกับความเนิร์ดของเธอ แล้วแบบว่าเหมือนจะแอบมีมุมอ่อยผู้เล็กๆด้วยนะ ฮ่าฮ่า มุกตลกในหนังส่วนใหญ่ก็เป็นมุกสถานการณ์เรียกว่าแค่เห็นภาพเห็นหน้าก็ฮาแล้ว

การเดินเรื่องของหนังเรียกว่าเป็นเส้นตรงไม่มีซิกแซกแวะข้างทางชมนกชมไม้เลย คือมีแต่การฝึกแล้วก็แข่งขันกันทั้งเรื่อง แต่หนังเองก็มีความแฟนตาซี คอมเมดี้ ไม่ได้อยู่ในธีมจริงจังซีเรียสแบบ หนังที่แนวคล้ายกันอย่าง Bushido Sixteen (2010) สาวใสหัวใจไม่เคยแพ้ ที่แทบไม่มีความบันเทิงในรูปแบบเบาสมองเลย แต่ที่หนังทำได้ดีก็คือแม้ธีมหนังจะคอมเมดี้ก็จริง แต่เมื่อถึงโหมดดราม่าจริงจังของตัวละครความหนักแน่นเข้มข้นของอินเนอร์ มันไม่ได้ลดลงเลยและสามารถสัมผัสกับความรู้สึกคนดูได้ เรียกว่าถึงจะตลกแต่ดราม่าก็เก็บได้ทุกเม็ดจริงๆ
      ส่วนแง่มุมเนื้อหาสาระหนังเองมีความเป็นเฟมินิสต์ (feminist) สูงทีเดียว ตั้งแต่เริ่มต้นที่มีตาลุงมาเปิดช้างน้อยให้ อาซาฮิ ดู แล้วด้วยความไม่ประสีประสาเธอจึงทำอะไรไม่ถูก คนที่มาช่วยอย่างรุ่นพี่ มาฮารุ ก็เลยกลายเป็นแบบอย่างที่ อาซาฮิ อยากก้าวไปเป็นคนที่เข้มแข็งในแบบเดียวกันนั้น ภายในหนังเองยังมีประโยคที่ย้ำเกี่ยวกับ การที่เมื่อพวกเธอโตขึ้นจะต้องกลายเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งให้ได้

เอาจริงหากจะมองที่ภาพรวมมันก็ไม่แปลกเลย เพราะหนังเองก็มีแต่ตัวละครผู้หญิงเป็นคนเดินเรื่องทั้งหมด ผู้ชายมาเพียงประปรายสร้างสีสันเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ที่ดูแลชมรมนากินาตะ หรือ นัทสึยากิ มิยาจิ (Yûki Morinaga) น้องชายของ รุ่นพี่ มาฮารุ ผู้โดนน้องแว่น อาซาฮิ ตก
      ตั้งแต่ต้นจนหนังจบเราก็ได้คำตอบนะว่าความเข้มแข็งของผู้หญิงคืออะไร มันคงไม่ใช่สรีระกล้ามเนื้อหรือว่าความบึกบึน แต่ความเข้มแข็งของผู้หญิงคือ จิตใจ ที่ไม่ยอมแพ้ เหมือนกับที่ อาซาฮิ เด็กผู้หญิงที่ปวกเปียกไม่เคยคิดจะต่อสู้กับใครมาก่อนเลย เมื่อเธอโดนกระทำโดยที่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรตัวเองได้แต่ก็มีผู้หญิงเก่ง เข้มแข็ง มาช่วยผู้หญิงด้วยกันอย่างเธอไว้ มันเลยจุดประกายให้เธอคิดว่าวันนึงเธอจะเป็นให้ได้เหมือนกับคนที่ช่วยเธอในวันนี้ ตลอดทั้งเรื่องคนดูจึงได้เห็นว่า อาซาฮิ ต้องก้าวข้ามอะไรบ้างเพื่อให้ตังเองเก่งขึ้น ซึ่งนี่สิ่งแหละคือความเข้มแข็งของผู้หญิงที่แท้จริง

      สรุปแล้ว Asahinagu (2018) สู้เขาน้องแว่น เป็นหนังจากมังงะที่ส่วนตัวผมเองสนุกนะ ถือว่าถูกใจกับหนังพอสมควรเลย ได้ทั้งความบันเทิงตลกโปกฮา แล้วก็แง่มุมสาระที่หากเป็นผู้ชายดูก็คงได้แรงบันดาลใจ จากความพยายามของผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง หากเป็นผู้หญิงดูก็คงทำให้ได้รู้ว่าผู้หญิงเองไม่ใช่เพศที่อ่อนแอ แม้ร่างกายจะแกร่งสู้ผู้ชายไม่ได้(โดยทั่วไป)แต่ว่าหัวใจก็เข้มแข็งไม่น้อยไปกว่ากัน หรืออาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้

#MovieReview #รีวิวหนัง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: #Alive (2020)

 #Alive (2020) คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ Screenwriter & Director:   Jo Il Hyung       ตั้งแต่ทั่วโลกได้รู้จักกับ Train to Busan ก็ต้องบอกว่า ไม...