วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

Review: Her Sketchbook (2017)

 Her Sketchbook (2017) มาซามิกับสมุดวาดภาพที่หายไป

#ปีนรั้วรีวิว #Drama #Romance Director: Masaya Ozaki
      มาซามิ โคนุมะ (Mugi Kadowaki) สาวน้อย Freeter ที่ทำงานพาร์ทไทม์ในโรงงานอุตสาหกรรม ชีวิตของเธอหลังจากจบมัธยมปลาย มาซามิ เก็บตัวไม่ออกจากบ้านนานถึง 5 ปี หลังจาก 5 ปีผ่านไปหากเธอไม่ออกไปทำงาน ก็มักเก็บตัวอยู่แต่ในห้องนอนของตัวเอง พ่อแม่ของ มาซามิ แยกทางกันตั้งแต่ยังเด็ก ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธออาศัยอยู่กับพ่อ ที่การงานของเขาเองก็ไม่มั่นคงเท่าไหร่ แถมความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่ค่อยดีนัก เมื่อถึงต่อให้อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน สองคนก็ยังใช้วิธีการคุยผ่านไลน์

หลังจากที่ มาซามิ เกิดอุบัติเหตุจนเจ็บตัวไม่สามารถกลับไปทำงานที่เดิมได้ เธอเอาแต่นั่งจับเจ่าอยู่แต่ในห้องไม่ยอมออกไปไหน คนเป็นพ่อเริ่มกังวล พยายามผลักดันให้ลูกสาวออกมาทำงานอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคราวนี้เธอได้งานพาร์ทไทม์ที่บริษัทผลิตเกม และทำหน้าที่นั่งหาบัคในเกม แต่แล้วเหมือนสวรรค์จะรู้ว่า มาซามิ ไม่ได้มีดีเพียงเท่านี้

เมื่อจู่ ๆ แบบร่างตัวละครในเกมตัวใหม่ของบริษัทปลิวมาตกตรงหน้าเธอ แน่ล่ะว่าคนที่ไม่ชอบมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนอย่างเธอ คงไม่กล้านำกระดาษแผ่นนั้นไปคืน เรียวทาโร่ ยาเบะ (Takahiro Miura) หัวหน้าทีมผลิตของบริษัท แต่เธอดันกล้าแก้ไขแบบร่างของตัวละครใหม่ แล้วส่งอีเมล์กลับไปให้เขาโดยที่ เรียวทาโร่ ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร แต่แบบร่างตัวละครใหม่นั้นมันถูกใจเขาเอามาก ๆ เลย

***เปิดเผยเนื้อหาบางส่วน***

สำหรับตัวละคร มาซามิ แล้ว ไม่รู้จะเรียกเธอว่าเป็น Neet, Freeter หรือ โอตาคุ ดี เมื่อน่าจะมีส่วนประกอบหลาย ๆ อย่างรวมกัน แต่ทั้งหมดทั้งมวลจากบทสรุปหลังจากหนังจบแล้ว สิ่งที่ชัดเจนที่สุดก็คือ เธอไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งความคิดในทีแรกเธอกล่าวโทษว่าเป็นเพราะแม่ของตัวเองมาโดยตลอด ซึ่งครอบครัวของ มาซามิ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าลูกรู้สึกอย่างไร

ปัญหาใหญ่ในทีแรกที่ทั้งคนดูและ มาซามิ เข้าใจก็คือ เธอไม่ชอบมาปฏิสัมพันธ์กับผู้คน แต่ละงานพาร์ทไทม์ที่เลือกทำ จึงมีแต่งานที่ไม่ต้องพูดคุยกับใคร แต่เมื่อตัวเองมีพรสวรรค์และสิ่งที่ชอบอย่างการวาดรูป เธอกลับเลือกที่จะแก้ไขแบบร่างส่งกลับไปยัง เรียวทาโร่ แล้วการที่ผลงานมันออกมาดีมาก จนตัวเองกำลังจะได้ทำในสิ่งที่รักและมันก็สร้างเงินให้ได้ด้วย กลับเกิดปัญหาเมื่อ มาซามิ หลีกหนีที่จะไม่ทำงานอีกครั้ง และเหตุผลของเธอก็คือ เธออยากวาดในสิ่งที่เธออยากวาด ไม่ใช่การวาดตามคำสั่งของใคร

อย่างที่กล่าวไปด้านบนว่า ปัญหาของ มาซามิ คือ ความไม่มั่นใจในตัวเอง ซึ่งตลอดเวลาการดูหนังเรื่องนี้ จนก่อนหนังจะกล่าวถึงเหตุผลจริง ๆ เราก็คิดแบบเดียวกับที่ มาซามิ คิดนั่นแหละว่าเธอมีความไม่เหมือนใคร ทั้งที่ความจริงแล้วแต่ละเรื่องราวมันย่อมมีที่มาที่ไป เหตุผลที่ทำให้ มาซามิ กลายเป็นคนไม่มีความมั่นใจในตัวเองมันก็มีเช่นเดียวกัน เมื่อเธอคิดว่ามันมาจากคำพูดของคนเป็นแม่ ที่มักจะคอยทักท้วงเธอเวลาอยากจะทำอะไรเมื่อครั้งยังเด็ก ซึ่งมันฝังใจเธอมาจนโตและมันไม่ถูกแก้ไขให้ถูกต้อง เมื่อพ่อและแม่ต้องแยกทางกันไป

จากบทสรุปของหนังมันก็พูดยากนะว่า สาเหตุมาจากเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แน่ล่ะว่าเมื่อครั้งที่เรายังเด็ก เวลาจะทำอะไรก็มักจะมีคำทักท้วงจาก พ่อแม่ เพื่อน หรือญาติพี่น้อง ว่าจะดีหรือ จะทำได้หรือเปล่า ทำอย่างอื่นจะดีกว่าไหม เอาจริงแน่นะ แต่เมื่อมันเป็นเพียงคำทักท้วงไม่ใช่คำสั่งห้ามอย่างเด็ดขาด หากคนเรามีความมั่นใจในตัวเองพอ ก็คงยืนหยัดในความคิดและสิ่งที่ต้องการทำได้ แต่หากเราเป็นฝ่ายยอมถอยจากคำทักท้วงไม่กี่คำ นั่นมันก็เพราะความไม่มั่นใจในตัวเองต่างหากที่ทำให้เราล้มเลิกไป เอาจริงมันก็เป็นปัญหาสำหรับช่วงวัยหนึ่ง ซึ่งผมเองก็เคยเป็น

ขอเล่าเรื่องตัวเองเป็นเกร็ดไร้สาระเล็กน้อยก็แล้วกัน ฮ่าฮ่า ผมเองก็เป็นเด็กจากต่างจังหวัด จบ ป.6 เข้ามาเรียนต่อมัธยมในเมือง พ่อแม่ก็หาเช้ากินค่ำธรรมดา ที่นี้ยังไงล่ะ พอจบมัธยมต้นก็ต้องเลือกแล้ว ว่าจะต่อมัธยมปลายหรือจะไปสายอาชีวะ ผมเองก็เด็กต่างจังหวัดเพิ่งมาอยู่ในเมืองสามปี ยังไม่ประสีประสาอะไร ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองสนใจด้านไหน

แต่พ่อแม่ก็เห็นลูกเพื่อนเรียนอาชีวะ แล้วต่อจนจบมหาลัยได้ดิบได้ดีก็อยากให้ลูกเรียนบ้าง ผมก็ดันไม่มีความมั่นใจในตัวเองไม่รู้ตัวเองต้องการอะไร เลยเอายังไงก็เอากัน ก็เรียนต่อไปจนจบมหาลัยในสายนี้ แต่กลายเป็นว่าเรียนจบมามีความรู้ประดับสมองก็จริง แต่มันก็ทำอยู่ได้ไม่นาน เมื่อใช่สิ่งที่ตัวเองอยากจะทำจริง ๆ

เมื่อก่อนแอดก็เคยคิดเหมือน มาซามิ นี่แหละ ที่โทษพ่อแม่ว่าทำไมทักท้วงบอกให้เรียนนั่นเรียนนี่ แต่พอโตเป็นผู้ใหญ่จริง ๆ แล้ว ถึงเข้าใจว่าหากมองย้อนกลับไปตอนนั้น เอาพ่อแม่ผมเขาไม่ได้บังคับเลย เขาก็แค่เสนอในสิ่งที่เขาคิดว่าดี แต่เป็นเราต่างหากที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ไม่รู้จักตัวเองว่าต้องการจะทำอะไร ถึงไม่กล้าโต้แย้งแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกไป พอดูหนังเรื่องนี้จบได้นึกย้อนถึงเรื่องของตัวเองขึ้นมาได้ ก็เลยอยากแชร์ประสบการณ์บ้าง

นอกเรื่องไปซะไกลวกเข้าเรื่องหนังกันต่อ ว่ากันตรง ๆ หนังอาจไม่ตอบโจทย์ความบันเทิงนัก เมื่อทั้งไม่ดราม่า ไม่ตลก แล้วก็ไม่มีเรื่องราวโรแมนติกเลย เป็นหนังที่บอกเล่าชีวิตและความเปลี่ยนแปลงของ มาซามิ จากคนที่เคยเก็บตัวไม่ยุ่งกับใคร ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง จนเธอเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ รอบตัวและยอมเปลี่ยนตัวเองได้อย่างไร สุดท้ายแล้วมันก็อยู่ที่การหันหน้ามาเปิดอกคุยกันอย่างเข้าใจ ถึงจะรู้ปัญหาและแก้ไขความไม่เข้าใจที่ผ่านมาได้

สรุปแล้ว Her Sketchbook (2017) มาซามิกับสมุดวาดภาพที่หายไป เป็นหนังดราม่าชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่ง ที่หนังจะพาเราไปรู้จักตัวตนของเธอที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งมันมีสาเหตุและสามารถแก้ไขให้เข้ารูปเข้ารอยได้ ขอใช้คำว่าหนังไม่บันเทิง แต่ใจความของหนังก็มีอะไรน่าสนใจ สำหรับคนที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ กำลังค้นหาความต้องการของตัวเอง รวมถึงประเด็นของพ่อแม่ที่อาจจะคาดไม่ถึงว่า แค่คำทักท้วงด้วยความหวังดี อาจจะกลายเป็นปมในความรู้สึกของเด็ก หากไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดในสิ่งที่ต้องการออกมา
 
ขอบคุณภาพประกอบจากภาพยนตร์:  Her Sketchbook (2017) 
 
ฝากช่องยูทูปรีวิวหนังช่องเล็ก ๆ ด้วยครับผม:  https://www.youtube.com/channel/UCo1Txn08XONf92m_kngztWQ

 
#MovieReview #รีวิวหนัง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: All of Us Are Dead (2022)

 All of Us Are Dead (2022) มัธยมซอมบี้ Screenwriter:  Chun Sung Il Director:  Lee Jae Gyoo       ซีรีส์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธ...