วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

Review: PK (2014)

 PK (2014) พีเค ผู้ชายปาฏิหาริย์

#Comedy #Drama #Fantasy Director: Rajkumar Hirani
      พีเค (Aamir Khan) มะนาวต่างดุ๊ต มนุษย์ต่างดาวที่ถูกส่งลงมายังดาวโลกเพื่อทำงานวิจัย ความซวยมาเยือนตั้งแต่ก้าวเท้าลงจากยานอวกาศ เมื่อถูกมนุษย์โลกคนหนึ่งขโมยรีโมตที่ใช้เพื่อติดต่อยานไป ทำให้เขาที่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับดาวโลกเลยสักอย่าง พูดภาษามนุษย์ก็ยังไม่เป็น กลายเป็นเอเลี่ยนที่มืดแปดด้าน แม้จะอยู่กลางทะเลทรายที่แดดเปรี้ยงเลยก็ตาม

จั๊กกู (Anushka Sharma) สาวนักศึกษาชาวอินเดียที่เดินทางไปเรียนต่อที่เบลเยียม เธอได้พบกับ ซาร์ฟราซ ยูซุฟ (Sushant Singh Rajput) หนุ่มรูปหล่อ โดยมีตาลุงคนหนึ่งเป็นกามเทพทำให้ทั้งสองคนได้พบรักกัน ทว่าสิ่งที่เธอไม่รู้ในทีแรกก็คือ ซาร์ฟราส ไม่ใช่คนอินเดีย แต่เขาเป็นหนุ่มชาว ปากีสถาน แน่นอนว่าทั้งสองชาตินี้มีข้อพิพาทกันรุนแรง ทั้งยังมีความแตกต่างทางศาสนา ทำให้ทั้งคู่มีเรื่องต้องพิสูจน์ความหนักแน่นของหัวใจ ทว่าทั้ง จั๊กกูและซาร์ฟราส ไม่สามารถก้าวข้ามบทพิสูจน์ด่านแรกไปได้ ทำให้ทั้งสองคนมีอันต้องแยกจากกัน

จั๊กกู ที่กลับมายังอินเดียได้ทำงานเป็นผู้ประกาศข่าว แต่ข่าวที่เธอได้ทำกลับเป็นเพียงแค่เรื่องหมาแมว ซึ่งเธอกำลังจะหมดความอดทนไปทุกที แต่แล้วดวงดาวจากนอกโลกก็ส่ง พีเค ลงมาให้กับเธอ เพียงแค่ครั้งแรกที่ จั๊กกู ได้พบกับ พีเค เธอก็สนใจในความประหลาดของเขา เมื่อใครกันเล่า จะมาเที่ยวเดินแจกใบปลิวเพื่อตามหาองค์ศาสดา

***เปิดเผยเนื้อหาบางส่วน***
**


      หนังที่ส่วนตัวมองว่ามีบางส่วนคล้ายๆกับเรื่อง The Man from Earth (2007) คนอมตะฝ่าหมื่นปี ไม่ใช่ว่าเนื้อหาเหมือกันหรือธีมหนังเหมือนกัน แต่เป็นการที่หนังตั้งคำถามกับความเชื่อ ความศรัทธา หรือสิ่งที่เราคิดว่ารู้น่ะ มันเป็นความจริงแท้แน่นอนหรือเปล่า ใน The Man from Earth นั้น อาจจะพูดท้าทายครอบคลุมถึงประเด็นต่าง ๆ หลากหลาย แต่กับ PK แล้วหนังจะเน้นไปที่การตั้งคำถามเกี่ยวกับ ความเชื่อทางลัทธิ ศาสนา ชาติพันธ์มากกว่า

แล้วที่ทั้งสองเรื่องทำได้ดีเหมือนกันเลยก็คือ คำถามและคำตอบคมมาก คือแทบจะไม่สามารถหรือจะเรียกว่าไม่สามารถโต้แย้งได้เลยก็ว่าได้ แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง มันเป็นคำถามที่เป็นเหตุเป็นผล ที่อีกฝ่ายไม่สามารถตอบโต้ได้ เพราะใช้หลักความเชื่อและศรัทธา แน่นอนว่าจะเอาหลักเหตุผลอะไรมาหักล้างได้ล่ะ

เมื่อความเชื่อและศรัทธาอยู่เหนือเหตุผล คล้าย ๆ กับคำถาม-ตอบของเรื่อง The Man from Earth ที่บางคำถามหนังก็ไม่ได้มีคำตอบให้ แต่สิ่งที่ได้เป็นคำถามกลับ ซึ่งเราไม่สามารถหาคำตอบได้เสียเอง

ใครที่คิดว่า PK เรื่องนี้เป็นหนังอินเดีย คงจะได้เห็นภาพร้องเพลงเต้นแล้วก็วิ่งไล่จับกันข้ามภูเขา อยากจะบอกว่าพวกคุณคิดถูกแล้ว ฮ่าฮ่า ถึงจะเป็นหนังยุคใหม่และดูจะหัวสมัยใหม่ด้วยเช่นกัน แต่หนังก็ยังคงเก็บเอกลักษณ์ดั่งเดิมของหนังอินเดียเอาไว้ แต่ปรับให้เข้ากับยุคสมัยไม่รู้สึกว่าฉากเหล่านี้เป็นส่วนเกินหรือเยิ่นเย่อเกินไป หนังทำเป็นเรื่องราวสั้น ๆ แทรกเข้าไปในระหว่างเพลงเหล่านั้น

หนังกล้าตั้งคำถามในหลายเรื่อง ผ่านตัวละครพีเคที่ใคร ๆ ต่างมองว่าเขาเป็นพวกขี้เมา สภาพของพีเคในทีแรกไม่ต่างจากเด็กแรกเกิด เมื่อเขายังพูดภาษามนุษย์บนโลกไม่ได้ ยังไม่มีเสื้อผ้าใส่ ทุกอย่างในสมองเกี่ยวกับโลกแทบว่างเปล่า สิ่งที่น่าจะเป็นเรื่องเดียวในความคิดก็คือ เรียนรู้เกี่ยวกับโลกมนุษย์ เสมือนเปรียบได้ว่าทุกอย่างหลังจากที่คนเราเกิดมา มันถูกเติมใส่เข้ามาในตัวเราภายหลังทั้งนั้น ไม่ว่าจะรสนิยม เสื้อผ้า ศาสนา ความเชื่อ

เมื่อมีหลายครั้งที่ พีเค ถามหาสัญลักษณ์ว่า ใครมีสิ่งไหนที่บ่งบอกได้ว่า ตนเองนั้นเป็นสาวกของพระเจ้าองค์ใด เมื่อดาวโลกนี้มีพระเจ้าหลายองค์เหลือเกิน แถมบางองค์ก็ยังบอกว่าตนเองเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งเสียด้วย แน่นอนว่าไม่มีใครที่มีสิ่งนั้นมาตั้งแต่เกิด ทุกคนล้วนถูกปลูกฝังความเชื่อความศรัทธาเหล่านั้นเอาภายหลัง

แต่หนังก็ไม่ได้ถึงขนาดหักด้ามพร้าด้วยเข่า เมื่อเลือกที่จะบอกว่าสิ่งที่เรียกว่าความศรัทธา ที่มาทีหลังแล้วแบ่งแยกผู้คนนั้น มันมาจากเหล่าผู้จัดการของบริษัทศาสนาเหล่านั้น ที่อาจจะกำหนดสิ่งต่าง ๆ ขั้นมาเสียเอง แล้วใช้ความเชื่อความศรัทธาที่สร้างขึ้นมาในภายหลังนี้ ไปเพื่อการหาเงินทองสร้างความร่ำรวยให้กับตัวเอง

หนังยังมีอีกหลายคำถามและคำตอบ ที่คนดูน่าจะได้ตั้งคำถามกับตัวเองนะว่า ทำไมโลกใบนี้ถึงมีสิ่งที่แยกมนุษย์ออกจากกัน ทั้งที่ขณะที่เราเกิดมาแทบไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย ทำไมคนรักที่ต่างศาสนาและเชื้อชาติถึงไม่ควรรักกัน

ทำไมมนุษย์ถึงบอกว่าจะต้องปกป้องพระเจ้า ทั้งที่พระเจ้ามีพลังขนาดที่สร้างทุกสรรพสิ่งขึ้นมาได้ ทำไมหินก้อนเดียวถึงสามารถทำให้คนกราบไหว้สร้างเงินทองได้ง่าย ๆ แต่คนที่ทำมาหากินพยายามอย่างสุดชีวิต กว่าจะได้แต่ละบาทเลือดตาแทบกระเด็น

หนังยังมีอีกหลายคำว่า "ทำไม" ให้เราได้ฉุกคิดว่า ตกลงแล้วเราศรัทธาหรือว่าเรากลัวและพยายามหาเหตุผลให้กับสิ่งที่มองไม่เห็น จริง ๆ แล้วหนังยังมีอะไรให้ขบคิดให้เขียนถึงอีกเยอะ แต่เดี๋ยวจะกลายเป็นสปอยไปเสียหมด เอาเป็นว่าใครยังไม่ได้ดู แล้วชอบหนังที่ประเทืองปัญญาได้ขบคิด PK เรื่องนี้ก็ถือว่าไม่ควรพลาด

      สรุปแล้ว PK (2014) พีเค ผู้ชายปาฏิหาริย์ เป็นหนังที่ฝึกให้เราขบคิดรู้จักตั้งคำถามและหาเหตุผลนะ ส่วนตัวมองว่าแม้หนังจะตั้งคำถามแบบจี้จุดตรงไปตรงมา แต่ก็ถือว่าอยู่ในขั้นประนีประนอมพอสมควร คำถามคำตอบไม่ถึงขนาดที่ว่าซัดกันจนหน้าชา หรือผลักคนที่มีความเชื่อความคิดเห็นแตกต่างให้จนมุมมากเกินไป

ฝากช่องยูทูปรีวิวหนังช่องเล็ก ๆ ด้วยครับผม:  https://www.youtube.com/channel/UCo1Txn08XONf92m_kngztWQ
 
ขอบคุณภาพประกอบจากภาพยนตร์: PK (2014) UTV Motion Pictures
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: All of Us Are Dead (2022)

 All of Us Are Dead (2022) มัธยมซอมบี้ Screenwriter:  Chun Sung Il Director:  Lee Jae Gyoo       ซีรีส์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธ...