วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564

Review: Blue Summer (2018)

 Blue Summer (2018) aka Ao Natsu วุ่นนักรักฤดูร้อน

#ปีนรั้วรีวิว #Romance #Drama Director: Takeshi Furusawa
      ริโอะ (Wakana Aoi) เป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลายในโตเกียว แม่ของ ริโอะ ชวนเธอกับน้องชายเดินทางกลับมายังเมือง อุเอโกะ (Ueko) บ้านเกิด เพื่อเยี่ยมยายและพักอยู่ที่นั่นตลอดปิดเทอมฤดูร้อน ริโอะ เป็นสาวน้อยที่เชื่อในเรื่องโชคชะตา ว่ามันจะนำพาให้เธอได้พบกับใครคนนั้น แล้วเธอก็ได้พบกับ กินโซ (Hayato Sano) เด็กหนุ่มที่เข้ามาทักทาย ก่อนแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวให้กับเธอ แล้วยังให้โปสการ์ดเป็นที่ระลึกที่เดินทางมายังอุเอโกะ แถมพ่อหนุ่ม กินโซ ยังคุ้นเคยดีกับยายของเธออีกด้วย

ริโอะ เลยเคลมเอาว่าเรื่องดี ๆ ที่เกิดขึ้นทันทีที่มาถึง คือโชคชะตาที่พาเธอมาพบกับเขา แต่แล้วเธอก็ฝันค้างเมื่อ กินโซ นั้นเป็นหนุ่มน้อยที่รักบ้านเกิด เขาจึงเข้าใจว่า ริโอะ กับครอบครัวนั้น ทอดทิ้งยายให้อยู่ลำพังเพื่อย้ายไปอยู่โตเกียว กลายเป็นว่าทั้งสองคนกลับมองหน้ากันไม่ติดหลังจากนั้น ปิดเทอมภาคฤดูร้อนของ ริโอะ ที่เธอคิดว่า โชคชะตาได้พามาพบคนที่ใช่ มันอาจจะไม่ลงตัวง่ายแบบที่คิด เมื่อดันไปชอบหนุ่มที่แสนรักแสนห่วงบ้านเกิดไม่คิดย้ายไปไหน แถมยังมีสาวจับจองเอาไว้แล้วด้วย เวลาเพียงแค่เดือนกว่ามันจะพาความรักฤดูร้อน…ไปถึงจุดไหนกันนะ

***เปิดเผยเนื้อหาบางส่วน***
***


Live-Action จากมังงะ "Ao-Natsu" ของ Atsuko Nanba ที่หยิบจับเอาประเด็นสำนึกรักบ้านเกิด มาเล่าผ่านความใฝ่ฝันความ สัมพันธ์ของหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ส่วนตัวผมชอบพล็อตแล้วก็ประเด็นที่หนังพยายามนำเสนอนะ แต่การเล่าเรื่องของหนังราบเรียบไปหน่อย ตัวหนังเองเลยอยู่ในระดับพอดูได้ ไม่ถึงกับน่าสนใจ หรือสนุกมากเท่าไหร่นัก

เรื่องที่นางเอกอย่าง ริโอะ ปุ๊บปั๊บรับโชคตกหลุมรัก กินโซ ง่าย ๆ นั้นก็พอเข้าใจได้ เพราะปูเนื้อหาไว้แต่แรกแล้ว ว่าเธอเชื่อในความรักแบบโชคชะตา ก็เลยยังพอทำให้อินได้บ้างกับพาร์ทความรักของพระนาง แต่ตลอดทั้งเรื่องความสัมพันธ์ก็จะดูง่อนแง่นไม่มั่นคง เพราะเราไม่รู้ว่าพวกเขาจะลงเอยกันได้อย่างไร เมื่อเดี๋ยวอีกไม่นาน ริโอะ ก็ต้องกลับมายังโตเกียว ส่วน กินโซ ก็ไม่อยากย้ายไปจากเมืองนั้น

ส่วนที่มีผลต่อการตัดสินใจของตัวละครก็คือ ความใฝ่ฝัน เมื่อ กินโซ อยากเรียนศิลปะด้านการออกแบบ แต่การจะทำแบบนั้นได้เขาจำเป็นจะต้องออกจาก อุเอโกะ บ้านเกิด ซึ่งนั่นไม่ใช่ความต้องการของเขา กินโซ จึงต้องหาเหตุผลและคำตอบให้กับตัวเองให้ได้ว่า เขาจะละทิ้งความฝันของตัวเองเพื่อเมืองนี้ หรือว่าเขาจะไปจากเมืองนี้เพื่อทำความฝันให้เป็นจริง

ส่วนตัวผมชอบเนื้อหาส่วนนี้ของ กินโซ เพราะวิธีตอบแทนหรือแสดงถึงความรัก ที่มีแต่เมืองเกิดมันมีหลายวิธีมาก ที่สำคัญคือทำอย่างไรให้เมืองที่เรารักเป็นที่รู้จักพัฒนาขึ้นมาได้ หนังสร้างจากมังงะก็จริง แต่การนำเสนอไม่ได้มีความสดใส เซอร์วิส ชวนจิ้น แบบการ์ตูนตาหวาน ออกจะเล่าเรื่องแบบเรื่อย ๆ ต่อนยอนมากกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างพระนาง มีความไม่เข้าใจกันในทีแรก ก่อนค่อย ๆ เปิดใจพัฒนาความสัมพันธ์ ที่ตลอดทั้งเรื่องยังตั้งอยู่บนคำถามว่าจะลงเอยกันได้ไหม แต่ขณะเดียวกัน ริโอะ ก็พยายามทำให้ กินโซ มองเห็นคุณค่าความฝันของตัวเอง

แม้หนังจะนำเสนอออกมาในเชิงบวก แต่ผมของยกสถานการณ์ในหนังมาใส่ในสังคมบ้านเรา (เพราะไม่แน่ใจว่าที่ญี่ปุ่นประเด็นที่หนังนำเสนอ มันอยู่ในระดับไหน แล้วก็เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนด้วย) มันก็เห็นความจริงที่ว่าคนหนุ่มสาว ต่างย้ายจากบ้านเกิดเข้ามาหางานทำกันในเมืองใหญ่ทั้งนั้น ส่วนต่างจังหวัดในย่านชนบทก็เหลือแต่คนสูงอายุ กับลูกหลานที่ไม่ได้อยู่ในวัยทำงาน ซึ่งความเป็นจริงของความจำเป็นในชีวิตคนเรา บางทีมันก็เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องตัดสินใจย้ายถิ่น หนังจึงนำเสนอในมุมที่ว่า เราจะทำอะไรเพื่อตอบแทนบ้านเกิดได้บ้าง หากวันหนึ่งเราจำเป็นต้องไปจากที่แห่งนั้นจริง ๆ

สรุปแล้ว Blue Summer (2018) aka Ao Natsu วุ่นนักรักฤดูร้อน เป็นหนังที่พอดูได้เพลินๆนะ เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวละครแบบเรื่อยๆต่อนยอน แม้จะเป็นความรักฉบับปุ๊บปั๊บรับโชคตกหลุมรักกันง่ายๆ แต่ก็ค่อยๆสร้างประสบการณ์ร่วมกัน พัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นเรื่อยๆไม่เร่งรีบ ผ่านเรื่องราวดราม่าความใฝ่ฝัน สำนึกรักบ้านเกิด ที่แต่ละตัวละครต้องหาจุดลงตัวให้กับสิ่งนี้
 
ขอบคุณภาพประกอบจากภาพยนตร์: Blue Summer (2018)


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: #Alive (2020)

 #Alive (2020) คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ Screenwriter & Director:   Jo Il Hyung       ตั้งแต่ทั่วโลกได้รู้จักกับ Train to Busan ก็ต้องบอกว่า ไม...