วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2565

Review: Master of My Own (2022)

 Master of My Own (2022) ขอโทษทีฉันไม่ใช่เลขาคุณแล้ว

#Drama #romance

รับชมได้ทาง VIU
      หนิงเหมิง (ถานซงอวิ้น) ผู้หญิงยุคใหม่ที่มีความใฝ่ฝันอยากเป็นผู้จัดการการลงทุนมาโดยตลอด แต่ความเป็นจริงเธอกลับกลายมาเป็นเลขาของ ลู่จี้หมิง (หลินเกิงซิน) ประธานบริษัทจี้หมิงแคปปิตอล ที่ไม่ว่าเลขาคนไหนก็มีอันทำงานกับเขาได้ไม่นาน มีแค่เพียง หนิงเหมิง ที่ยอมทนถูกโขกสับไม่ปริปากบ่น เพียงเพราะหวังว่าวันหนึ่งเธอจะได้ย้ายไปยังแผนกโครงการ แต่เจ้ากรรมเวลาผ่านมาปีแล้วปีเล่าเธอก็ยังไม่ได้ไปตามความฝันสักที หนิงเหมิง ก็เลยยื่นคำขาดกับประธานลู่ว่า หากไม่ยอมย้ายเธอไปแผนกโครการล่ะก็ เธอจะยอมลาออกไปตามความฝันที่อื่นแทน มันก็แน่นอนว่าประธานลู่ที่กว่าจะได้เลขารู้ใจมันชั่งยากแสนเข็ญ เขาจึงพยายามทำทุกทางเพื่อรั้งตัวเลขาคนนี้เอาไว้ เพียงแต่ไอ้ความพยายามรั้งตัวเอาไว้ จุดประสงค์มันแค่เพียงไม่อยากเสียเลขาคนนี้ไป หรือลึก ๆ แล้วเขาไม่อยากเสีย หนิงเหมิง ไปในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง


      ซีรีส์จีนแนวธุรกิจที่ไม่ได้ปิดเกมแค้น ซึ่งหยิบเอาแนวคิดของคนที่ใฝ่ฝันอยากทำธุรกิจมาเล่า เพียงแต่เรื่องนี้ไม่ได้เล่าในมุมของตัวผู้ดำเนินธุรกิจ หรือการสร้างโปรดักส์อะไรใหม่ออกมา แต่เล่าถึงการดำเนินธุรกิจอีกรูปแบบหนึ่ง อย่างบริษัทเงินทุนที่จะคอยมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในการลงทุน กับบริษัทเล็ก ๆ ที่มีศักยภาพเติบโตหรือต้องการขยายกิจการ ที่เอาจริงตอนดูช่วงแรกผมก็มีแอบงงอยู่เหมือนกัน ต้องบอกว่าหากไม่ใช่คนที่อยู่ในแวดวงธุรกิจก็อาจไม่คุ้นเคยล่ะครับ ว่ามีการทำธุรกิจอะไรในลักษณะนี้ด้วย

ซีรีส์ยังเล่าในสไตล์สอดแทรกแนวคิดปรัชญาวิถีจีน พวกคุณธรรม ความซื่อสัตย์ อะไรต่าง ๆ เหล่านี้เหมือนกับซีรีส์จีนเรื่องอื่น แต่กับเรื่องนี้ถือว่าผสมออกมาได้โอเคเลยนะครับ ไม่รู้สึกยัดเยียด สอดแทรกเข้ามาได้ตามจังหวะอย่างที่ควรเป็น ให้เหตุผลที่มาที่ไป อย่างเช่นความใฝ่ฝันในการทำโครงการลงทุนของ หนิงเหมิง ว่ามันเพราะอะไรทำไมเธอถึงอยากทำตรงนี้ ซีรีส์อธิบายที่มาได้เครียร์จนเราเข้าใจว่าทำไมเธอถึงดึงดันจะทำให้ได้

ส่วนพระเอกของเราอย่างประธานลู่ ที่พยายามยับยั้งไม่อยากให้นางเอกของเราเป็นผู้จัดการโครงการ เอาจริงในทีแรกคนดูอาจเข้าใจว่า เขาเห็นแก่ตัวไม่อยากให้เธอถอยห่างออกไป แต่ก็เหมือนกัน ซีรีส์สามารถอธิบายในอีกแง่มุมได้ว่า อะไรที่ทำให้เขาไม่อยากให้เธอทำงานตรงจุดนี้ เพราะในวงการมันมีแต่เสือ สิง กระทิง แรด สารพัดปัจจัยที่จะทำให้เธอผิดหวังได้

ซึ่งตรงจุดนี้ของซีรีส์มันทำให้ผมนึกย้อนไปถึงซีรีส์จีนอีกเรื่องหนึ่งอย่าง ฉันไม่ชอบทั้งโลก ฉันชอบแค่เธอคนเดียว แต่ไม่ได้นึกถึงเพราะความเหมือนนะครับ ที่นึกถึงเพราะมันเป็นความแตกต่างที่มีจุดร่วม เมื่อ ฉันไม่ชอบทั้งโลก พูดถึง จ้าวเฉียวอี ผู้หญิงไม่เก่ง ที่เรียกได้ว่า เรียนก็ไม่เก่ง ทำงานก็ไม่เก่ง ในแง่ที่โอเคว่าเธออาจไม่เก่งก็จริง แต่คนเราก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ด้านไม่ดีไปเสียทุกอย่าง เธอเองก็ยังมีแง่มุมในความเป็นตัวเองที่สามารถซับพอร์ต ชีวิต หน้าที่การงานของคนรักได้

ซึ่งมันเป็นมุมกลับด้านของ หนิงเหมิง เมื่ออันที่จริงแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่มีศักยะภาพ แต่กลับไม่เคยได้รับโอกาสให้พิสูจน์ความสามารถของตัวเอง แล้วส่วนหนึ่งก็ดันมาจากคนรักของตัวเองด้วยซ้ำ แม้ในมุมคาแรคเตอร์ของสองตัวละครอาจจะแตกต่างกัน แต่ในมุมที่เหมือนกันของทั้งสองเรื่องนี้ มันเหมือนเป็นการปลดล็อกมุมมองต่อผู้หญิงทำงาน ที่ไม่ว่าจะเก่งหรือไม่เก่ง แต่ละคนต่างก็มีแง่มุมที่ช่วยสนับสนุนผู้ชายหรือคู่ชีวิตได้ อย่างใน Master of My Own เรื่องนี้ อาจจะพูดได้ว่าผู้หญิงไม่ได้เป็นแค่ช้างเท้าหลังหรือผู้ตามเท่านั้น แต่เป็นหุ้นส่วนชีวิตที่ก้าวไปพร้อมกันก็ยังได้

การดำเนินเรื่องของซีรีส์ในช่วง 16 ตอนแรกจากทั้งหมด 32 ตอน เรียกได้ว่าสนุกน่าติดตามมากเลยล่ะครับ เพราะ หนิงเหมิง นางเอกของเราต้องฝ่าฟันสารพัดปัญหา เพราะการเป็นผู้ดูแลโครงการหน้าใหม่ไม่มีประสบการณ์ มันก็ทำให้เธอเจอกับปัญหามากมาย แต่ละด่านทดสอบของ หนิงเหมิง ต้องบอกว่าคนดูอย่างเราก็ได้เรียนรู้ไปด้วยกันกับเธอแหละครับ เป็นซีรีส์ธุรกิจที่สอดแทรกแง่คิด มุมมองต่าง ๆ ได้ดี โอเคว่ามันอาจดูเหมือนอุดมคติไปสักหน่อย แต่ด้วยความที่มันก็ไม่ใช่ซีรีส์แนวเชือดเฉือนเกมธุรกิจ เลยหยวน ๆ กันไป เพราะเป็นธีมของซีรีส์ที่เน้นขายอุดมการณ์อยู่แล้ว

ส่วนในครึ่งหลังซีรีส์จะเริ่มใส่พาทเรื่องรักใคร่เข้ามา เอาจริงแอบรู้สึกแปลก ๆ อยู่เหมือนกันนะครับในส่วนนี้ เพราะตลอด 32 ตอนเราไม่เคยเห็นพระนางหวานใส่กันเลย จะมีตัวละครที่เป็นตัวแปลเข้ามาแทรกระหว่างทั้งสองคนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นรักแรกสมัยเด็กของประธานลู่ หรือรุ่นพี่ที่แอบรักสมัยเรียนมหาลัยของ หนิงเหมิง เรื่องนี้มันก็เลยกลายเป็นซีรีส์ ที่แทบจะไม่มีความฟินจากความสัมพันธ์คู่พระนางเลย ก่อนดูจะเตรียมใจกันไว้สักนิดว่าเรื่องนี้เน้นที่ดราม่ากับพาทธุรกิจเป็นหลักเลยล่ะครับ

ในช่วงท้ายรีวิวผมขอสรุปถึงซีรีส์เรื่องนี้ว่า เป็นซีรีส์ที่หากใครอยากดูแนวดราม่าธุรกิจ การพิสูจน์ความไฝ่ฝัน แนวสร้างแรงบันดาลใจ น่าจะชอบเรื่องนี้ได้ไม่ยากครับ อาจจะไม่ถึงกับเชือดเฉือนเข้มข้น แต่ก็ถือว่าพาทธุรกิจไม่เบาบางเลยครับ ค่อนข้างลงรายละเอียดทีเดียว แต่ต้องทำใจกับพาทโรแมนติกสักนิดว่าน้อย หนักไปทางดราม่า
รักหลายเศร้าเสียมากกว่าครับ
 
ขอบคุณภาพประกอบจากซีรีส์: Master of My Own (2022) 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: All of Us Are Dead (2022)

 All of Us Are Dead (2022) มัธยมซอมบี้ Screenwriter:  Chun Sung Il Director:  Lee Jae Gyoo       ซีรีส์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธ...