วันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

Review: The Forbidden Flower (2023)

The Forbidden Flower (2023) บุปผาแห่งรัก

#Melodrama #Romance Director: Chen Zhou Fei

รับชมได้ทาง #WeTV
      เหอหรั่น (สวีรั่วหาน) สาวน้อยที่ได้รู้จักความรักครั้งแรกที่ร้านทำผม เธอตกหลุมรัก เซียวหาน (เจอร์รี่ เหยียน) ผู้ชายที่สระผมให้ในวันนั้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน ด้วยความที่ร่างกายไม่แข็งแรงแม่ของ เหอหรั่น จึงพยายามควบคุมลูกสาวทุกอย่าง แม้แต่การก้าวเท้าออกจากบ้านก็ไม่ได้รับอนุญาตง่าย ๆ แต่เมื่อน้องนอนไม่หลับหัวใจมันกระสับกระส่าย ฮ่าฮ่า อะไรก็หยุดยั้งความโหยหาของ เหอหรั่น ไม่ได้ เธอจึงแอบหนีออกจากบ้านทุกครั้งที่สบโอกาสเพื่อไปตามจีบผู้ชาย

ถึงอย่างนั้นแม้จะมีสาวน้อยที่ทั้งสวยทั้งน่ารักมาตามขายขนมจีบ เซียวหาน ก็มิได้นำพาตัวเองไปตามแรงโน้มถ่วงของเธอเท่าไหร่ แต่น้ำหยุดลงหินทุกวันหินเดินหนี ไม่ใช่สิ น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อน เซียวหาน ที่เคยเย็นชาเริ่มเปิดรับ เหอหรั่น เข้ามามากขึ้น แต่ความรักที่อุปสรรคคือความเจ็บป่วย มันจะพาให้ความสัมพันธ์ของคนสองคนไปจบที่ตรงไหน

ซีรีส์จีนกระแสแรงอีกเรื่องหนึ่งของปีนี้ หลังจากดูจบแล้วผมไม่แปลกใจกับกระแสความนิยมของซีรีส์เลยนะ แม้จะพูดตามตรงว่าพล็อตไม่ได้ใหม่ เป็นเรื่องราวความรักต่างวัยที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคเพราะความเจ็บป่วย มีความพ่อแง่แม่งอน แต่ด้วยองค์ประกอบของซีรีส์ทั้งเคมีนักแสดง งานภาพสวยงาม เพลงประกอบ ฉากดราม่า ซีนชวนจิ้น ที่ใช้ได้ผล เลยพาให้ซีรีส์สะกดคนดูได้ตลอดทั้งเรื่อง ส่วนตัวดูวนสองรอบและน่าจะมีรอบที่สามสี่ เอาจริงสารภาพเลยไม่คิดว่าตัวเองจะโดนซีรีส์น้ำเน่าเรื่องนี้ตกเหมือนกัน ฮ่าฮ่า

เนื้อหาของซีรีส์จะว่าเป็นเรื่องราวความรักล้วน ๆ เลยก็น่าจะพูดได้ แต่ในรายละเอียดความสัมพันธ์เหล่านั้น มันก็จะมีประเด็นยิบย่อยแทรกเข้ามา คู่พระนาง เหอหรั่นกับเซียวหาน จะเป็นเรื่องของการเติมเต็มช่องว่างในหัวใจ (แบบเพลงพี่เสือนั่นแหละ) เมื่อ เซียวหาน พระเอกของเราเก็บตัวปิดหัวใจมานานเนื่องจากความสัมพันธ์ในอดีต ส่วน เหอหรั่น ก็เป็นคนที่ได้รับความรักจากแม่ แต่ความรักที่ว่ามาพร้อมกับการควบคุมจนมากเกิน เพราะแม่ก็กลัวจะสูญเสียลูกสาวคนเดียวเหมือนกับที่เสียสามีไป

เซียวหาน เลยได้เจอกับคนที่เข้ามาเติมชีวิตชีวาให้กับชีวิต ส่วน เหอหรั่น ก็ได้เจอกับคนที่ปล่อยให้เธอได้เป็นตัวเองอย่างอิสระ ตรงจุดนี้มันเลยเป็นคำตอบไปในตัวเองนะ ว่าทำไม เหอหรั่น ถึงไม่ยอมให้ เซียวหาน รู้เรื่องความเจ็บป่วย เพราะถ้าเขารู้แต่แรกก็คงไม่ได้เริ่มความสัมพันธ์ หรือถึงต่อให้รู้ในตอนหลังเธอก็คงไม่มีอิสระในความสัมพันธ์ เพราะคงถูกคนรักดูแลเหมือนคนป่วยเช่นเดียวกับแม่

ตัวละคร โฉวเจียหรง (หวงอี้) แม่ของ เหอหรั่น ก็ใช้ชีวิตบนความทุกข์หลังจากสามีตายซ้ำลูกสาวก็ป่วย เธอกลัวว่าสุดท้ายแล้วจะเหลือตัวเองเพียงคนเดียว จนเกิดเป็นปมไม่ยอมให้อิสระกับลูก แล้วก็ไม่ยอมให้อิสระกับตัวเองได้ใช้ชีวิต เอาจริงเป็นตัวละครที่น่าเห็นใจไม่แพ้ลูกสาวที่ป่วยเลย เพราะต้องแบกรับอะไรหลายอย่าง เป็นอีกตัวละครที่มีพาทความรัก โรแมนติก เป็นของตัวเอง ผมชอบบทสนทนาระหว่างแม่กับลูกสาวในโรงพยาบาล ที่พูดถึงหนอนทะเลตัวแบน มันเป็นบทสนทนาที่ทำให้ภาพตัวละครกระจ่างชัดในความเป็นแม่ ความเป็นลูก รวมถึงการเป็นคนรัก

เนื้อหาของซีรีส์ไม่ได้มีเยอะ ส่วนใหญ่จะดำเนินเรื่องด้วยโมเมนต์โรแมนติกระหว่างตัวละคร รวมถึงการสร้างสถานการณ์ความไม่เข้าใจ เข้าใจผิดกันหรืองอนง้อกัน ตัวละครจะวนซ้ำอยู่กับสถานการณ์เหล่านี้ แต่ก็มีข้อดีตรงซีรีส์ไม่ได้ดึงหน่วงสถานการณ์เหล่านี้ไว้นาน อยู่ในระดับสร้างสีสันให้เรื่องราวไม่ราบเรียบ ผมว่าการตัดสินใจของตัวละครยังดูมีเหตุผล แค่มันเป็นเหตุผลบนปัจจัยที่ตัวละครเผชิญอยู่ก็เท่านั้น คนดูอย่างเรา ๆ เลยไม่รู้สึกลำไยอึดอัดหรือไม่เข้าใจเหตุผลตัวละคร

เป็นซีรีส์ที่ก่อนดูเข้าใจว่าค่อนข้างมีความแซ่บนัว ฮ่าฮ่า แต่หลังจากดูจบแล้วเอาจริงก็ไม่ถึงขนาดนั้น อันนี้ไม่แน่ใจนะครับว่าซีรีส์มีฉบับ Uncut อีกหรือเปล่า เพราะมันก็มีโมเมนต์โรแมนติกระหว่างตัวละครไม่น้อย แต่ก็ไม่ถึงขนาดมีเลิฟซีนเผ็ดร้อนอะไร เสน่ห์ของฉากต่าง ๆ เหล่านั้นมันมาจากเสน่ห์ตัวละครซะมากกว่า แน่นอนว่าสาว ๆ ก็คงฟินกับพี่เจอร์รี่ เหยียน ในบทหนุ่มใหญ่ที่มีสาวน้อยมาตามอ่อย ส่วนหนุ่มใหญ่อย่างผม ฮ่าฮ่า พูดตามตรง หลังจากดูซีรีส์จบก็โดน สวีรั่วหาน นางเอกของเรื่องตกเป็นที่เรียบร้อย ต้องไปตามเก็บผลงานเรื่องอื่นต่อ

อันนี้ไม่ได้อวยแบบมีคะแนนพิศวาสเลยนะ...มีความออกตัว ตั้งแต่ผมดูซีรีส์จีนในช่วงหลังมาแม้จะไม่ได้เยอะอะไรมาก ในกลุ่มนักแสดงรุ่นใหม่ผมว่า สวีรั่วหาน เป็นนักแสดงที่มีฝีมือคนหนึ่งเลยล่ะครับ เพราะหลังจากดูเรื่องนี้จบผมก็ไปต่อ Perfect and Casual เลยทันที ทั้งสองเรื่องคาแรคเตอร์ต่างกันจนแทบลืมว่าเป็นนักแสดงคนเดียวกัน ด้วยลุคภายนอก ด้วยการแสดง ซึ่ง สวีรั่วหาน ก็ทำได้ดีทั้งสองเรื่อง ไม่ว่าจะซีนอารมณ์หรือจะโรแมนติกคอมเมดี้ แล้วยังเก่งในการใช้สีหน้าแววตาในการสื่อสารความรู้สึกตัวละคร ถ้ารักษาเนื้อรักษาตัวดี ๆ ผมว่าอนาคตไกลเลยล่ะ เรียกว่าขออวยแบบเต็มสิบให้ล้านเลย ฮ่าฮ่า

หากจะให้สรุปถึงซีรีส์เรื่องนี้ผมว่าคนชอบซีรีส์โรแมนติก ดราม่า น่าจะถูกใจล่ะครับ โมเมนต์ระหว่างตัวละครทำออกมาได้ดี ทั้งฉากฟินชวนจิ้นและฉากดราม่านักแสดงทำออกมาได้มีเสน่ห์ แต่ก็นั่นแหละพอซีรีส์เน้นโมเมนต์ตัวละคร ในแง่ของบทหรือเนื้อหาเลยมีไม่มาก กลุ่มคนดูที่ชอบซีรีส์มีปมประเด็นมีเนื้อหาเยอะ ๆ อาจไม่ได้รู้สึกพิเศษกับซีรีส์มากเท่าไหร่ แต่หากใครเป็นสายฟินชวนจิ้นผมบอกได้เลยว่า กว่าจะออกจากทุ่งดอกไม้ได้คงมีวนหลายรอบ เรียกว่าเป็นซีรีส์เจาะกลุ่มคนดูที่ทำออกมาได้ดีเยี่ยมในแนวทางของตัวเอง
 
ขอบคุณภาพประกอบจากซีรีส์: The Forbidden Flower (2023)


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: All of Us Are Dead (2022)

 All of Us Are Dead (2022) มัธยมซอมบี้ Screenwriter:  Chun Sung Il Director:  Lee Jae Gyoo       ซีรีส์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธ...