วันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

Review: Our Blues (2022)

Our Blues (2022) เวลาฟ้าสีหม่น

#Drama #Melodrama #Romance Director: Kim Kyu Tae, Lee Jung Mook

รับชมได้ทาง Netfllix
      ซีรีส์ที่ขนดราม่าสายฝีมือมาประชันบทบาท เหมือนเป็น Hometown Cha Cha Cha ในแบบฉบับที่ไม่มีหัวหน้าฮง เพราะแทบทุกตัวละครต่างมีเส้นเรื่องเป็นของตัวเอง สะท้อนแง่มุมต่าง ๆ ของชีวิต ที่เหมือนกับเราทุกคน ที่ต่างมีสุข เศร้า เหงา แต่ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป

ซีรีส์จะเล่าถึงชีวิตของผู้คนบนเกาะเชจู ที่ต่างประสบพบเจอกับเรื่องราวมากมาย โดยที่ซีรีส์จะแบ่งพาทด้วยการจับคู่ตัวละคร แล้วเล่าดราม่าในแง่มุมที่พวกเขาเผชิญ ตัวละครในเรื่องจะเชื่อมโยงเข้าหากันผ่านวิถีชีวิตคนในเมืองเล็ก ๆ อย่างเรื่องราวในพาทแรกของคู่ จองอึนฮี (Lee Jung Eun) แม่ค้าขายปลาที่ขยันขันแข็งจนกลายเป็นเศรษฐีณีบนเกาะเชจู กับ ชเวฮันซู (Cha Seung Won) นายธนาคารที่ชีวิตมีแต่กู้หนี้ยืมสินจากคนรวบตัว เพราะความใฝ่ฝันของลูกสาวที่อยากเป็นโปรกอล์ฟ สองเพื่อนวัยมัธยมที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้งที่เกาะ เชจู

พาทที่พูดถึงความเจ็บปวดในการโตเป็นผู้ใหญ่ ความรับผิดชอบที่มีทำให้ต้องใช้ชีวิตอย่างแห้งแล้ง ละทิ้งความใฝ่ฝัน จองอึนฮี ต้องก้มหน้าก้มตาหาเงินตั้งแต่เด็กเพราะเกิดมาจน กลายเป็นคนขาดเรื่องโรแมนติกมาทั้งชีวิต ส่วน ชเวฮันซู ที่ละทิ้งความใฝ่ฝันของตัวเอง ก็พยายามชดเชยด้วยการผลักดันความใฝ่ฝันของลูกสาวแทน ซึ่ง ชเวฮันซู ที่จนหนทางก็พยายามใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ อึนฮี ขาด ผมว่าเป็นพาทที่คนวัยทำงานหลายคนน่าจะสะท้อนใจเลยนะครับ เพราะมันเป็นเรื่องของเพื่อนเก่าที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ซึ่งบางทีเราก็ไม่รู้หรอกว่าแต่ละคนผ่านอะไรมาบ้าง กำลังพบเจอกับปัญหาอะไรอยู่หรือเปล่า เราต้องเลือกว่าจะใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ในแบบไหน

มากันที่คู่ที่สองครับ บังยองจู (Roh Yoon Seo) กับ จองฮยอน (Bae Hyun Sung) คู่ที่เปรียบเสมอโรมิโอ แอนด์ จูเลียต แห่งเกาะเชจู เมื่อเป็นลูกสาวและลูกชายวัยมัธยม ของ บังโฮชิก (Choi Young Joon) กับ จองอินกวอน (Park Ji Hwan) สองพ่อเลี้ยงเดี่ยว อดีตคู่ซี้ที่กลายมาเป็นคู่อาฆาต ซึ่งไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปว่าทำไมทั้งสองคนถึงได้เกลียดกันเข้าไส้ แต่กลายเป็นว่าลูก ๆ ของพวกเขากลับแอบคบหากันอย่างลับ ๆ แต่เรื่องที่หนักหนากว่าการที่ลูกของคนที่ไม่ชอบหน้ากันมามาคบกัน ก็ดันเกิดขึ้นจนได้ เมื่อเด็กทั้งสองคนเลยเถิดจนเกิดเรื่องที่ทำให้คนเป็นพ่อผิดหวัง

เป็นตอนที่ผมชอบที่สุดตอนหนึ่งของซีรีส์เรื่องนี้เลยครับ แต่ไม่ได้เป็นเพราะเนื้อหาที่ซีรีส์นำเสนอนะครับ ผมชอบทัศนคติของซีรีส์ที่ไม่มองอะไรเป็นขาว เป็นดำ สุดโต่งไปด้านใดด้านหนึ่ง ผมว่าซีรีส์บาลานซ์น้ำหนักได้ดี ไม่ได้โลกสวยเพราะมันก็เป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ แต่ก็ไม่ได้มองว่ามันตีบตันจนหาทางออกไม่ได้ เรื่องที่เกิดขึ้นคนเป็นพ่ออย่าง บังโฮชิก กับ จองอินกวอน เคยผ่านมาก่อน แล้วก็รู้ว่ามันลำบากแค่ไหน ยิ่งพอผ่านมาได้อย่างยากลำบาก ก็ยิ่งคาดหวังในตัวลูกทั้งสองคน มันก็เลยกลายเป็นความเจ็บปวด ซึ่งภาพที่ซีรีส์สื่อสารออกมาทำให้เข้าใจถึงหัวอกพ่อทั้งสองคนได้ดีมากเลยครับ ส่วนในมุมของเด็กทั้งสองคน ตอนแรกก็ยังดูก้ำกึ่งนะครับว่าจะให้ตัวละครตัดสินใจเลือกทางไหน ซึ่งในส่วนนี้ผมคงไม่คอมเมนต์ถึงว่าแบบไหนดีหรือไม่ดี แต่ผมมองว่าเหตุการณ์ที่ตัวละครเจอ มันเกิด Scenario ได้หลายแบบในแต่ละทางเลือก ซึ่งซีรีส์ตัดสินใจเลือกให้ความหวังกับตัวละคร ก็เหมือนกับที่ ยองจู กับ ฮยอน โตมาในชุมชนนั้นนั่นแหละครับ ทั้งสองคนโตมาในแบบที่ไม่มีแม่ด้วยซ้ำ ก็ยังโตมาได้ ผลการเรียนก็ดีทั้งสองคน แค่ความเป็นมนุษย์ก็ย่อมทำพลาดกันได้เท่านั้นเอง

คู่ที่สาม อินกวอน กับ โฮชิก อดีตคนเคยซี้ที่กลายมาเป็นคู่กัดกัน พ่อสองคนที่มีหัวอกเดียวกันเมื่อลูกทำให้ผิดหวัง เรื่องมันเลยมากกว่าแค่ปัญหาของลูก ๆ เมื่อผู้ใหญ่ของเด็กทั้งสองคนไม่อยากเกี่ยวดองกัน ดราม่าในส่วนของสองตัวละครนี้ ในพาทที่เนื้อหาเชื่อมกับลูก ๆ ผมพูดถึงไปแล้ว เลยขอว่ากันที่ปมในอดีต ซึ่งทำให้สองคนที่เคยรักกันแตกคอกัน ผมว่ามันสื่อสารในเรื่องของเพื่อนที่สนิทกันได้ดีเลยครับ เพราะบางครั้งที่ไอ้ความสนิทกันนี่แหละครับ เลยทำให้คิดน้อยในการสื่อสารอะไรออกไป จนเกิดเป็นความกินแหนงแคลงในไปโดยไม่รู้ตัว คือถ้าเป็นคนอื่นอาจไม่เท่าไหร่ แต่พอเป็นคนใกล้ชิดมันก็เลยยิ่งฝังใจมากเป็นพิเศษ

คู่ที่สี่ ดงซอก (Lee Byung Hun) กับ ซอนอา (Shin Min Ah) อดีตพี่กับน้องข้างบ้าน คนหนึ่งต้องย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านใหม่ของพ่อเลี้ยง แล้วมักจะถูกทร้ายร่างกายเป็นประจำ แต่คนเป็นแม่กลับนิ่งดูดายไม่สามารถทำอะไรได้ ส่วนอีกคนฝังใจจากการเห็นคนในครอบครัวจบชีวิตตัวเอง จนส่งผลต่อสภาพจิตใจ คนสองคนที่เหมือนจะเยียวยาซึ่งกันและกัน แต่ก็สร้างปมในใจให้กันและกัน ดงซอก โตขึ้นมากับการเกลียดแม่ที่เย็นชาไม่เคยช่วยอะไรเขา ส่วน ซอนอา กำลังเผชิญหน้ากับภาวะซึมเศร้าเช่นเดียวกับคนในครอบครัว เมื่อชีวิตคู่จบลงและลูกอาจจะไม่ได้อยู่กับเธอ

สองตัวละครสะท้อนภาพบาดแผลที่เกิดจากครอบครัว หล่อหลอมขึ้นมาจนเป็นตัวตนใหม่ อย่างตัวละคร ดงซอก คนดูจะเห็นได้ถึงสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อ ซอนอา เรียกว่าตั้งแต่เด็กจนโต แม้สิ่งที่ทำจะดูแห้งแล้งเย็นชา แต่คนดูก็จะเห็นได้ว่าเขาก็เป็นผู้ชายที่อบอุ่นคนหนึ่ง ที่ทำอะไรเพื่อคนที่รักได้ ส่วนตัวละคร ซอนอา แน่นอนว่าด้วยอาการซึมเศร้า จึงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ทุกครั้ง แต่ลึก ๆ แล้วเธอก็ไม่ได้อยากจะจบชีวิตตัวเองเหมือนคนในครอบครัว เธอแค่อยากอยู่กับลูกของตัวเองก็แค่นั้น เป็นคู่ที่โรแมนติก บนความดิบ ๆ ตามบุคลิกของ ดงซอก แล้วก็แอบมีความหน่วงจากภาวะซึมเศร้าของ ซอนอา เหมือนมีระยะห่างระหว่างกัน แต่ก็เป็นสองคนที่น่าจะเข้าใจกันในสิ่งที่เกิดมากที่สุดแล้ว

คู่ที่ห้า มีรัน (Uhm Jung Hwa) กับอึนฮี พาทที่สองของตัวละคร อึนฮี ที่คราวนี้ได้ตอนรับการกลับมาของ มีรัน อีกหนึ่งเพื่อนรักภักดี แต่ฉากหน้าที่เหมือนเป็นเพื่อนรู้ใจกันทุกอย่าง กลับซ่อนความกินแหนงแคลงใจเอาไว้ มีรัน เป็นลูกสาวของคนมีฐานะบนเกาะเชจู ที่ได้ไปเติบโตใช้ชีวิตอยู่ที่โซล เธอแต่งงานใหม่ถึงสามครั้ง แต่ทุกครั้งเธอก็สามารถเป็นเพื่อนกับสามีทุกคนที่หย่าได้ ส่วน อึนฮี ที่ในวัยเด็กเกิดในครอบครัวที่ยากจน กลับกลายมาเป็นเพื่อนซี้ของ มีรัน ได้ แต่มันก็แลกมากับการที่คนอื่นมองเธอว่าเป็นเบ๊ของเพื่อนซี้

คู่ของ มีรัน กับ อึนฮี จะว่าไปก็คล้าย ๆ กับ อึนฮี กับ ฮันซู นั่นแหละครับ เพียงแต่ในพาทของคู่นี้จะเสริมต่อจากประเด็นปัญหาส่วนตัว ซึ่งเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานานอาจไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพบเจออะไรมาบ้างเหมือนของ ฮันซู แต่คู่ของ มีรัน กับ อึนฮี จะเสริมด้วยปมความเป็นเพื่อนแท้เพื่อนปลอม เพราะ อึนซู มองว่า มีรัน เห็นเธอเป็นลิ่วล้อ แล้วก็เช่นเดียวกันครับ ผมว่ามันเป็นอะไรที่วิจารณ์หรือตัดสินได้ยาก เหมือนคู่ของ อินกวอน กับ โฮชิก แต่คู่ มีรัน กับ อึนฮี อาจจะมีความต่างเล็ก ๆ ตรงที่ว่า เพราะกินแหนงแคลงใจแล้วไม่พูด พอยิ่งเก็บ ก็เลยยิ่งเจ็บเมื่ออีกฝ่ายไม่รู้ตัว ผมเลยคิดว่าว่ามันก็ยาก เพราะการเป็นคนใกล้ชิด บางทีแค่คำพูดเล็กน้อยก็ทำลายความสัมพันธ์ได้ เหมือนคู่ของ อินกวอน กับโฮชิก แต่พอเลือกที่จะไม่พูดเพื่อรักษาความสัมพันธ์ ก็เลยลงเอยเหมือน มีรัน กับ อึนฮี ที่ไม่เข้าใจกันอยู่ดี

คู่ที่หก ยองอ๊ก (Han Ji Min) กับ จองจุน (Kim Woo Bin) และยองฮี (Jung Eun Hye) พาทที่ใช้เวลาในการปูพื้นเรื่องราวหลายตอนเลยครับ ด้วยการใช้วิธีเล่าเรื่องให้คนดูสงสัยในตัวละคร ยองอ๊ก สาวแฮนยอมือใหม่ที่เพิ่งย้ายมาอยู่ เชจู ได้ไม่นาน เธอเป็นสาวสวยที่มีเสน่ห์แต่ก็ดูลึกลับ เพราะมักจะมีสายปริศนาโทรมาหาเพื่อให้บอกรักเสมอ พ่อแม่ทำงานอะไรเธอก็ไม่เคยบอกตรงกันสักครั้ง แถมยังย้ายที่อยู่และเปลี่ยนแฟนบ่อยพอกัน แต่ก็มีหนุ่มกัปตันเรืออย่าง จองจุน ที่ดูจะมองผ่านข่าวลือของ ยองอ๊ก ได้ เพียงแต่ลึก ๆ เขาก็ยังตั้งคำถามกับตัวเองว่า จะรักกับผู้หญิงโกหกได้หรือไม่

อีกพาทหนึ่งที่ดราม่าแล้วก็ท้าทายทัศนคติของผู้คนเหมือนกันนะ อย่างที่ผมเล่าไปในเรื่องย่อของคู่นี้ว่า ซีรีส์สร้างความคลางแคลงสงสัยต่อตัวละคร ยองอ๊ก ก่อนจะมีเฉลยว่าอันที่จริงแล้วเธอมีภาระที่หนักอึ้งอยู่ ภาระที่ไม่ใช่สิ่งของแต่เป็นคน คนที่เธอไม่อยากอยู่ด้วยแต่ก็ทิ้งไม่ได้ เป็นพาทที่โอเคว่าคนดูอาจจะเก็ตกับเรื่องราวในซีรีส์ แต่หากใครที่มีประสบการณ์ตรงคงจะอินกับพาทนี้แน่นอนครับ ผมว่ามันยากมากสำหรับใครที่มีภาระเป็นคนในครอบครัว ในการสร้างความสัมพันธ์แบบคนรัก เอาแค่ด่านแรกอย่างการเปิดใจตัวเองรับคนอื่นเข้ามาก็ยากแล้ว เพราะย่อมรู้ดีกว่าใครถึงภาระนี้ ด่านที่สองอย่างการให้อีกฝ่ายยอมรับ คนในครอบครัวที่เป็นภาระก็ยิ่งไม่กล้าคาดหวัง เพราะถ้าเปิดใจแล้วไปกันไม่รอด จะยิ่งเจ็บแล้วก็กลัวมากกว่าเดิม ซึ่งในซีรีส์ค่อนข้างนำเสนอในด้านบวก แต่ก็ยังอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ในพาทนี้มีนักแสดงคนหนึ่งที่ผมอยากจะพูดถึง แต่หากกล่าวถึงก็จะกลายเป็นการเปิดเผยเนื้อหากับคนที่ยังไม่ได้ดูอีก เอาเป็นว่าขอพูดถึงนิด ๆ ว่า หากนับเฉพาะฉากที่ตัดต่อออกมาให้เราดูกัน ถือว่าตัวนักแสดงคนนี้ทำออกมาได้ดีเลยนะครับ มีซีนอารมณ์เยอะพอสมควรเลย ส่วนตัวละคร จองจุน ต้องบอกว่าเป็นหนุ่มสายฮีลใจเย็นเอามาก ๆ พาทดราม่าไม่เยอะ แต่ก็ถ่ายทอดคาแรคเตอร์ตัวละครออกมามีเสน่ห์ทีเดียวครับ

คู่ที่เจ็ด ชุนฮี (Go Doo Shim) กับ อึนกี (Gi So Yoo) สองยายหลานที่กำลังจะได้พบเจอชะตากรรมในแบบเดียวกัน ชุนฮี เป็นคนสูงวัยที่อาศัยอยู่ตัวคนเดียว เธอเป็นแฮนยอรุ่นเก๋าลูกพี่ใหญ่ของเหล่าแฮนยอที่ทุกคนต่างเชื่อฟัง ถึงจะอายุมากแล้ว ชุนฮี ก็ยังขมักเข่นทำงานเก็บเงินเป็นทุนให้ลูกชายซื้อเรือ เพื่อพาครอบครัวจากโซลมาอยู่ด้วยกัน แต่แล้ววันหนึ่ง แฮซอน ลูกสะใภ้ก็พา ซนอึนกี หลานสาวตัวน้อยมาฝากเลี้ยง ซ้ำยังไม่พูดความจริงเรื่องที่เกิดขึ้นกับลูกชายของเธอ

น่าจะเป็นพาทที่บีบหัวใจคนเป็นพ่อแม่แน่ ๆ เลยครับ เพราะสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนไม่อยากพบเจอในชีวิตที่สุด ก็เห็นจะเป็นการต้องมาเป็นฝ่ายจัดงานศพให้ลูกของตัวเอง ซึ่งคนแก่อย่าง ชุนฮี ผ่านประสบการณ์แบบนี้มาแล้ว เพราะเธอเสียทั้งสามีและลูกสาวคนโตให้กับท้องทะเล แต่ที่สุดแล้วเธอก็อาจจะหนีมันไม่พ้นอีกครั้ง เป็นพาทที่จะว่าน่ารักก็ได้ จะว่าเศร้าสะเทือนใจก็ไม่ผิดครับ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างย่าหลาน ชุนฮี และ อึนกี นั้นน่ารักจริง ๆ ยิ่งกับหนูน้อย อึนกี นี่ก็แสดงได้ดีเลยล่ะครับ ไม่ว่าจะพาทดราม่าหรือบทแบบเด็กเอาแต่ใจ บทพูดของตัวละครหลายครั้งยาวทีเดียวแต่ก็เอาอยู่ ส่วนย่าอย่าง ชุนฮี ก็เป็นคนแก่ที่ผ่านโลกมาเยอะเห็นอะไรมามาก อาจจะดูเหมือนเป็นคนใจแข็ง แต่ลึก ๆ ก็เจ็บปวดกับชะตากรรมของครอบครัวตัวเอง

คู่ที่แปด ดงซอก กับ อ๊กดง (Kim Hye Ja) ลูกชายและแม่ที่ไม่เข้าใจกันมานานหลายปี จนแทบจะเรียกได้ว่าไม่เผาผีกัน เมื่อ ดงซอก โกรธที่แม่ไม่ดูดำดูดีในขณะที่เขาถูกคนในบ้านพ่อเลี้ยงทำร้าย ส่วนคนเป็นแม่ก็เย็นชาไม่เคยให้คำตอบลูกชายเลยว่าเป็นเพราะอะไร แต่ที่สุดมันก็ถึงวันที่ ดงซอก ไม่สามารถหลบหน้าหรือหนีให้พ้นแม่คนนี้ได้อีกแล้ว

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนนี้ มันเป็นอะไรที่อาจไม่ได้เคลียร์เรื่องราวจนกระจ่างชัด แต่มันก็สามารถเคลียร์ใจ ปลดล็อกความลูกสึกโกรธเกลียดของลูกชายที่มีต่อแม่ได้ ซีรีส์ไม่ได้ให้ตัวละครอธิบายออกมาเป็นคำพูดจนกระจ่างชัด แต่การแสดงออกต่อกันมันก็ชัดเจนพอ ว่าทั้งแม่และลูกชายปลดล็อกความรู้สึกในใจกันได้แล้ว เป็นตอนที่ความรู้สึกของคนดูระคนปนกันไปหมด ทั้งรู้สึกดีที่ตัวละครสามารถเข้าใจกันได้ในที่สุด แต่ระหว่างทางมันก็มีเรื่องราวมากมายที่ตัวละครพยายามทำให้กัน แล้วเรายังเดาตอนจบของเรื่องได้ไม่ยากว่าจะลงเอยยังไง มันเลยทั้งอบอุ่น สุข เศร้า ปนกันไปหมดสำหรับพาทของสองตัวละครแม่ลูกคู่นี้

เอาจริงซีรีส์ก็มีอะไรให้พูดถึงขยายความอีกเยอะ แต่ถ้าพูดถึงเยอะกว่านี้ก็จะกลายเป็นการเปิดเผยเรื่องราวมากเกินไป หากมองในภาพรวมทั้งหมดแล้วผมว่าเรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่อยู่ในขั้นดีมาก ๆ เรื่องหนึ่งเลยล่ะครับ ด้วยความที่ซีรีส์ติดดิน เล่าในเรื่องที่เป็นพื้นฐานของคนทั่ว ๆ ไป ไม่ใช่ชีวิตเลิศหรูไฮโซ หรือชีวิตคนชั้นกลางในเมืองเหมือนกับเรื่องอื่น นักแสดงแต่ละคนก็เบอร์ใหญ่แล้วก็ทำออกมาได้ดีมาก อย่าง อีบยองฮอน นี่ไม่หลงเหลือลุคเท่ ๆ เลย กลายเป็น ดงซอก ขี้ใจน้อย ปากจัด กัดคนไม่เลือกหน้า ไม่ว่าจะนักแสดงเด็ก นักแสดงสูงวัย หรือนักแสดงพิเศษที่ซีรีส์ใส่เข้ามา ต้องชื่นชมเลยว่าทำกันออกมาดีทุกคน เป็นซีรีส์ที่หาข้อติหรือไม่ถูกใจไม่ได้เลยครับ ดีทุกส่วนจริง ๆ

หากจะให้สรุปถึงมวลรวมทั้งหมดของซีรีส์ก็คงจะยกเอาชื่อหนังมาใช้อธิบายนั่นแหละครับ Our Blues เวลาฟ้าสีหม่น คือ ชวิตของคนเรามันก็หนีไม่พ้น หลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกครับ ที่ต้องเจอกับความทุกข์ ความเศร้าและปัญหา แต่สุดท้ายแล้วเดี๋ยวมันก็จะผ่านไป ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เหมือนกับตอนเช้าที่ฟ้าสลัว กึ่งมืด กึ่งสว่าง ดูหม่นหมอง แต่เดี๋ยวไม่นานพอพระอาทิตย์ขึ้นเต็มดวง เราก็จะเห็นหนทางอะไรสว่างเต็มตาเองนั่นแหละครับ

ขอบคุณภาพประกอบจากซีรีส์: Our Blues (2022)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: All of Us Are Dead (2022)

 All of Us Are Dead (2022) มัธยมซอมบี้ Screenwriter:  Chun Sung Il Director:  Lee Jae Gyoo       ซีรีส์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธ...