Mottokare no yuigon (2022)
#Thriller #Mystery #Law #Drama Director: Suzuki Masayuki, Sawada Kensaku.jpg)
แล้วในช่วงที่ เรย์โกะ กำลังตกงาน เธอก็ได้รับการติดต่อจาก เคย์ทาโร่ ชิโนดะ (Yo Oizumi) เพื่อนรุ่นพี่ของ เอย์จิ โมริคาวะ (Toma Ikuta) แฟนเก่าของเธอในสมัยเรียนมหาลัย ซึ่ง เรย์โกะ ได้ยินเรื่องที่น่าประหลาดใจว่า เอย์จิ แฟนเก่าของเธอนั้นได้ตายไปแล้ว แต่ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ เขาตัดสินใจแบ่งมรดกบางส่วนให้กับเหล่าแฟนเก่าของเขา แน่นอนว่า เรย์โกะ ก็เป็นหนึ่งในนั้น ทว่าสาเหตุที่ ชิโนดะ มาหา เรย์โกะ ในครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อมาบอกข่าวดีกับเธอ แต่เขามาหาเธอเพื่อให้เธอรับว่าความให้กับเขา เมื่อ เอย์จิ ระบุในพินัยกรรมว่า จะยกทรัพย์สินที่เหลือทั้งหมด ให้กับคนที่เป็นฆาตกรฆ่าเขา ซึ่ง ชิโนดะ คิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะเป็นคนคนนั้น
ซีรีส์ญี่ปุ่นแนวสืบสวนขายปริศนาฆาตกรรม สร้างจากนิยาย "Motokare no Yuigon" โดย Hotate Shinkawa อ่านพล็อตดูมันก็น่าสนใจใช่ไหมครับ พินัยกรรมจากแฟนเก่าที่ระบุว่าจะยกมรดกให้กับคนที่ฆ่าตัวเอง แต่ที่ผมอยากจะบอกก็คือส่วนนี้มันเป็นแค่ปริศนาของคดีแรกเท่านั้น เพราะพินัยกรรมแท้จริงที่เป็นแกนหลักของเรื่อง ไม่ใช่เรื่องมรดกที่เป็นเงินทองของนอกกาย แต่สิ่งที่ เอย์จิ ทิ้้งมรดกไว้ให้กับ เรย์โกะ กลับเป็นคนตัวเป็น ๆ อย่าง ขิโนดะ ส่วนเพราะอะไรหรือทำไมผมขอไม่เปิดเผยก็แล้วกันครับ พินัยกรรมที่เกี่ยวกับเงินทองและการสืบหาตัวฆาตกรฆ่า เอย์จิ จึงอยู่ในช่วง 2 ตอนแรกเท่านั้น
ส่วนตอนต่อมาหลังจากจบคดีของ เอย์จิ ซีรีส์จะแบ่งเป็นคดีย่อยจบในตอนอีกหลายคดี โดยที่ เรย์โกะ และ ชิโนดะ ที่กลายมาเป็นคู่หูกัด ต้องช่วยกันคลี่คลายคดีต่าง ๆ ซึ่งซีรีส์หยิบเอานิยายสืบสวนคลาสสิกมาเป็นกิมมิกของเนื้อหาในแต่ละตอน จะพูดถึงความคล้ายคลึงของแต่ละคดีที่แอบเหมือนกับนิยายเหล่านั้น จุดนี้ซีรีส์นำมาใช้ทั้งการเป็นกิมมิก รวมถึงเป็นการสับขาหลอกคนดูอีกด้วย เพราะการบอกว่าคดีต่าง ๆ เหมือนกับเนื้อหาในนิยายเรื่องไหน คนดูที่คิดว่าตัวละครสปอยเรื่องราวว่าเหมือนในนิยาย อาจจะโดนสับขาหลอกเอาก็ได้
แต่หลังจากดูจบแล้วถามว่าแต่ละคดีเดายากขนาดนั้นไหม มันก็ไม่ถึงขนาดนั้น เพราะซีรีส์ใช้วิธีการเล่าเรื่องไม่ค่อยเหมือนกันในแต่ละคดี บางคดีเราแทบจะไม่รู้ตัวผู้ต้องสงสัยหรือแรงจูงใจเลย จนกว่าซีรีส์จะเฉลยตัวเอง บางคดีก็จะมีคนร้ายชัดเจนแต่ที่ขาดหายไปคือหลักฐานเอาผิด หรือบางคดีอาจจะมีกลุ่มผู้ต้องสงสัยสองสามคน ก็ต้องมาหาคำตอบว่าใครกันแน่ที่เป็นคนร้าย ซึ่งด้วยวิธีการเล่าเรื่องหรือเลือกใช้ปริศนาแตกต่างกัน มันก็เลยจะมีทั้งคดีที่ดูสนุกชวนติดตาม แล้วก็คดีที่แอบต่อนยอนเรื่อยเปื่อยอยู่เหมือนกันครับ
ส่วนตัวผมแล้วผมว่าคดีแรกของ เอย์จิ แล้วก็คดีที่สองของเรื่องสนุกน้อยสุดแล้วล่ะครับ ส่วนคดีต่อมาหลังจากนั้นผมว่าทำได้น่าสนใจทุกคดี มันจะมีจุดให้เราติดตามตัวละครเพื่อหาความจริง ผิดกลับสองคดีแรกที่ดูยังงง ๆ อยู่ทั้งตัวละคร เรย์โกะกับชิโนดะ แล้วก็คนดู ให้เปรียบก็เหมือนคนแปลกหน้าเพิ่งมาเจอกันยังไม่เข้าขากัน แต่พอหลังจากนั้นเคมีตัวละครเริ่มจูนกันติด วิธีการเล่าเรื่องปริศนาต่าง ๆ เริ่มหลากหลายมาขึ้น ซีรีส์ถึงเริ่มเอาคนดูอยู่
เนื้อหาในแต่ละตอนก็จะแนวเดียวกันกับซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่องอื่น จะมีการแทรกดราม่าและแง่คิดต่าง ๆ เข้าไปด้วย ส่วนตัวผมชอบดราม่าในคดีสุดท้ายของซีรีส์ ด้วยความเป็นคนชอบอะไรที่มันมีความขัดแย้งความรู้สึกอยู่ในนั้น อย่างการที่หากคนดีหรือคนที่เราพึ่งพาได้ทำผิด เราจะช่วยกลบเกลื่อนความผิดเหล่านั้นเอาไว้หรือเปล่า ถึงต่อให้อาจจะมีคนอื่นอีกคนได้รับผลกระทบ มันก็เป็นเรื่องของความถูกต้องกับความถูกใจ บางทีเราก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองได้ยากเลย จนกว่ามันจะเกิดขึ้นมาจริง ๆ ให้ได้เลือกตัดสินใจ
ช่วงท้ายรีวิวให้สรุปถึงซีรีส์ผมคงจะบอกว่าน่าจะเหมาะกับแฟนนิยายสืบสวนแหละ ด้วยความที่หยิบเอามาใช้เป็นกิมมิกโดยตรง แถมวิธีการเล่าเรื่องของซีรีส์ก็ใช้วิธีคล้าย ๆ ในหนังสือนั่นแหละ เปิดเผยและเล่าเรื่องผ่านบทสนทนาตัวละครเป็นหลัก การสื่อสารด้านภาพใช้ในแง่การให้เบาะแสเพื่อให้คนดูคาดเดามากกว่า ความสนุกของซีรีส์ส่วนตัวให้อยู่ในระดับกลาง ๆ มีทั้งตอนที่สนุกและเฉยปนกันไป รวมแล้วผลลัพธ์ของซีรีส์ยังอยู่ในเกณฑ์เป็นบวก
#ReviewSeries #รีวิวซีรีส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น