วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2567

Review: Dali & the Cocky Prince (2021)

 Dali & the Cocky Prince (2021)

  • Director: Lee Jung-Sub
  • Writer: Son Eun-Hye, Park Se-Eun

      จินมูฮัก (Kim Min-Jae) ทายาทเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ Dondon F&B. ธุรกิจร้านอาหารที่เติบโตอย่างรวดเร็วจนก้าวสู่ระดับนานาชาติ ด้วยการต่อสู้ชีวิตทำงานมาตั้งแต่อายุน้อยเขาจึงยึดถือเงินเป็นเรื่องสำคัญ แล้วถ้าเป็นเรื่องอาหารหรือการดำเนินธุรกิจเขาก็ไม่เป็นสองรองใคร แต่เพราะต้องทำงานตั้งแต่อายุน้อย จินมูฮัก ก็เลยไม่ค่อยประสีประสา ในเรื่องหนังสือหนังหาหรือความรู้รอบตัวสักเท่าไหร่ เมื่อต้องไปติดต่อธุรกิจที่ต่างประเทศ เลยเกิดเรื่องโอละพ่อเข้าใจผิดกันขึ้น แต่เรื่องบังเอิญชวนหัวนั้นก็ทำให้ จินมูฮัก ได้พบกับ คิมดาลี ผู้ดูแลศูนย์แสดงศิลปะ จนเกิดอาการปิ๊งปั๊งกันขึ้นมา 

เพียงแต่ จินมูฮัก ก็มีเรื่องให้ต้องหนักใจเมื่อได้รู้ภายหลังว่า คิมดาลี (Park Gyu-Young) คือลูกสาวของ คิมนักชอน ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ศูนย์แสดงงานศิลปะที่เพิ่งเสียชีวิต โดยยังไม่ทันได้ใช้หนี้ 2,000 ล้านวอนที่เพิ่งกู้ยืมเขาไป คนที่มองลวดลายบนธนบัตรสวยงามกว่างานศิลปะระดับโลกอย่าง จินมูฮัก ก็เลยสับสนว่าเขาจะต้องจัดการกับความรู้สึกและเรื่องนี้ยังไงดี เมื่อเงินก็อยากได้คืน แต่สาวเจ้าก็กำลังลำบากกับมรสุมเจ้าหนี้ ที่ถาโถมเข้าใส่ชีวิต โดยความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหนี้ จินมูฮัก และลูกหนี้ คิมดาลี มีตัวแปรอย่าง จางแทจิน ทายาทธุรกิจที่ทรงอิทธิพลอดีตคนรักเก่าของ คิมดาลี

เป็นซีรีส์เกาหลีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมว่า แคสนักแสดงนำออกมาเคมีเข้ากันได้ดีมากเลยครับ คิมมินแจ ก็เป็น จินมูฮัก ที่ต้องบอกว่าว่าเล่นเบอร์ใหญ่เอามาก ๆ แต่ทำออกมาได้น่ารักไม่ล้นจนเกินไป ส่วน พัคกยูยอง ก็เป็น คิมดาลี ที่ดูสวยสง่าดูเป็นผู้หญิงที่น่าทะนุถนอม แต่ก็จะแอบมีความแน่วแน่ ใจสู้ ไม่ยอมคน แล้วก็อาจจะมีโดนคนดูแซวเรื่องทรงผมอยู่บ้าง เอาจริงในเรื่องทรงผมส่วนตัวผมค่อยนข้างโอเคไม่ติดเลยนะ อาจจะดูแปลกตาก็จริง แต่ผมว่า พัคกยูยอง ก็ยังสวยเอาอยู่กับผมทรงที่ว่านี้นะครับ ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะไม่รอดก็ได้

ซีรีส์เปิดตัวออกมาตอนแรกได้ดีมาก ด้วยการผูกความสัมพันธ์ตัวละครโดยใช้โชคชะตานำพาให้มารู้จักกัน แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ก็ทำให้คนดูเชื่อได้ว่าทั้งสองคนแอบปิ๊งกันจริง ด้วยประสบการณ์ระยะสั้นนั้นได้เผชิญปัญหา ได้แก้ไขปัญหาด้วยกัน เลยไม่แปลกที่คนเราจะรู้สึกดีต่อกันในระยะเวลาสั้นได้

ก่อนที่ตอนต่อมาซีรีส์จะพลิกจากพาทโรแมนติกในตอนแรก มาเข้าโหมดตลก โบ๊ะ บ๊ะ เล่นใหญ่ของพระเอก จินมูฮัก ซึ่ง คิมมินแจ ทำออกมาได้พอเหมาะกำลังดีเลยครับ กับคาแรคเตอร์แบบคนขี้งก คอยตามทวงหนี้ คิมดาลี แต่เจตนาแอบแฝงก็เพื่อให้ตัวเองได้วนเวียนอยู่ใกล้ผู้หญิงที่ชอบ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครในช่วงนี้ที่ความโรแมนซ์หายไป กลายเป็นว่าซีรีส์ใส่การปะทะคารมของคู่พระนางเข้ามาแทน เอาจริงผมแอบตกใจตรงจุดนี้เหมือนกันนะครับ บทสนทนาระหว่างตัวละครโอเคว่ามันไม่ได้หยาบคายหรอก แต่ก็ค่อยข้างใส่กันยับแรงทีเดียวเลยล่ะครับ 

หลังจากผ่านพ้นช่วงแรกมาแล้วพอตัวละครได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้น ทัศนคติที่มีเลยค่อย ๆ เปลี่ยนไป จินมูฮัก ก็ได้รู้ว่า คิมดาลี ก็ได้พยายามในส่วนของเธออย่างสุดความสามารถแล้ว แต่เพราะมีอะไรบางอย่างมาทำให้ผลสำเร็จไม่เกิดขึ้น ส่วน คิมดาลี ก็ได้เข้าใจ จินมูฮัก ว่าอะไรที่หล่อหลอมให้เขากลายเป็นคนเห็นแต่ความสำคัญของเงิน 

ในช่วงกลางเรื่องผมค่อนข้างลุ้นเลยนะครับ ว่าซีรีส์จะเลือกไปในทิศทางไหน ด้วยความที่ตอนแรก เหมือนจะพูดถึงการแก้ปัญหาของพิพิธภัณฑ์โดยใช้วิถีธุรกิจ เพราะข้อถกเถียงหลักในช่วงแรก เป็นเรื่องของการเอาแต่ขอความช่วยเหลือจากคนอื่น โดยที่ตัวพิพิธภัณฑ์ไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง แต่เหมือนหลังจากนั้นซีรีส์ก็จะตั้งคำถามไว้ลอย ๆ แบบนั้นไม่ได้ให้คำตอบอะไร หรือหยิบเอามาขยายต่อแบบจริงจัง เอาจริงมันก็เป็นประเด็นที่ให้ข้อสรุปยากครับ เพราะตัวองค์กรดำเนินการแบบไม่แสวงหาผลกำไร เพราะต้องการให้คนทั่วไป ให้ใคร ๆ เข้าถึงได้ แต่เมื่อดำเนินการแบบนี้ก็เลยจำเป็นต้องพึ่งพาแหล่งเงินสนับสนุนจากคนอื่น มันไม่เชิงว่าเป็นประเด็นละเอียดอ่อน แต่ก็เป็นประเด็นที่ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลมารองรับด้วยกันทั้งนั้น ผมเลยเข้าใจว่ามันก็คงยากแหละที่จะมาขยายให้ข้อสรุป

พอผ่านพ้นช่วงแรกมาแล้วซีรีส์ก็พลิกกับมาให้น้ำหนักความโรแมนติกอีกครั้ง แล้วก็ต้องบอกว่าเป็นซีรีส์ที่แอบมีอะไรมาเซอร์ไพส์คนดูเบา ๆ อยู่ตลอดเวลา ยิ่งกับคาแรคเตอร์ของ คิมดาลี ที่มีความแอบแซ่บไม่เบา หรือ จินมูฮัก ที่กลายเป็นหนุ่มคลั่งรัก ซึ่งคราวนี้ความโรแมนซ์ยิงยาวจนถึงช่วงก่อนสองสามตอนสุดท้าย ที่แอบหย่อนความหน่วงเข้ามาตอนหนึ่ง ก่อนจะให้บทสรุปส่งท้ายกับตัวละคร

ส่วนของการดำเนินเรื่องอาจจะไม่ถึงกับรวดเร็วหรือมีอะไรชวนให้ลุ้นมากนัก แต่ก็ถือว่าจังหวะยังพอได้ไม่ช้าเกินไป ในแต่ละตอนทำออกมาได้หลากหลายอารมณ์ เรียกว่าในหนึ่งตอนมีทั้งขำทั้งดราม่ามาครบเลย ส่วนด้านเนื้อเรื่องหลัก ๆ ก็จะให้น้ำหนักที่การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคู่พระนาง กับการแก้ไขปัญหาของพิพิธภัณฑ์ ส่วนเรื่องหัวใจนี่แทบไม่มีอะไรต้องลุ้นเลย แต่ละคนชัดเจนในเรื่องความรู้สึกเอามาก ๆ 

พาทดราม่าอื่น ๆ นอกจากของคู่พระนาง อาจจะไม่ถึงกับถูกขับเน้นมากนัก แต่ก็มีหลายส่วนที่ทำออกมาได้ค่อยข้างดี ไม่ว่าจะเรื่องของตัวละครนากงจู หรือความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวของจินมูฮัก หรืออุดมการณ์ของคิมนักชอน พ่อของ คิมดาลี ที่คอยช่วยเหลือคนอื่น อาจจะไม่ได้เป็นดราม่าที่ถูกขับเน้นในซีรีส์มากนัก แต่ก็ช่วยซับพอร์ตเรื่องราวและคาแรคเตอร์ตัวละครให้แข็งแรกมากขึ้น

ในแง่ของการแสดงคู่พระนางผผมก็พูดถึงไปเยอะแล้ว ส่วนตัวละครอื่น ๆ ในเรื่องก็ไม่ถึงกับมีใครโดดเด่นหรอกครับ ด้วยความเป็นซีรีส์โรแมนติก คอมเมดี้ มันก็ไม่ได้มีอะไรให้แตกต่างมากอยู่แล้ว คนที่ผมมองว่ามีเสน่ห์สักหน่อยก็เห็นจะเป็น อันชักฮี ที่รับบทโดย ยอนอู บทบาทอาจจะไม่ได้มีอะไรเด่น แต่ก็เป็นตัวละครที่ออกแบบมาน่ารักดีเหมือนกัน 

ในช่วงท้ายรีวิวผมขอสรุปถึงเรื่องนี้ว่า เป็นซีรีส์ที่สนุกเรื่องหนึ่งเลยครับ สำหรับแนวโรแมนติก คอมเมดี้ ได้หลายฮา ความโรแมนติกก็โอเคเลย แทบไม่มีอารมณ์ชวนหน่วง เนื้อเรื่องอุปสรรคต่าง ๆ ก็พอมีให้คนดูได้ลุ้นเอาใจช่วยตัวละคร แต่ก็ไม่ถึงกับซีเรียสจริงจังมากนัก ยังคลี่คลายได้ไม่ยากตามธีมซีรีส์ที่เน้นดูง่าย ๆ สบายใจ


#SeriesReview #รีวิวซีรีส์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: Dreaming Back to the Qing Dynasty (2019)

Dreaming Back to the Qing Dynasty (2019) ฝันคืนสู่ต้าชิง #Drama   #Romance Director: Lee Kwok Lap, Wai Hong Chui, Chen Shu Liang Screenwrite...