The King of Pigs (2022)
#Thiller #DramaDirector: Kim Dae-Jin
Writer: Tak Jae-Young ฮวังคยองมิน (Kim Dong-Wook) ประธานบริษัทขนส่งผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียว จากเหตุพยายามฆ่าตัวตายของเขากับภรรยา เพียงแต่คดีที่ดูเหมือนเป็นการจบชีวิตตัวเองธรรมดาทั่วไป กลับสร้างข้อสงสัยมากมายให้กับ คังจินอา (Chae Jung-An) ตำรวจหญิงที่รับผิดชอบคดีนี้ เมื่อ ฮวังคยองมิน หายตัวไปจากที่เกิดเหตุ ทิ้งไว้เพียงแค่ข้อความปริศนาไว้บนกระจกถึง จองจงซอก (Kim Sung-Kyu) เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน เพื่อให้เขามาร่วมทำบางสิ่งบางอย่างกับตนเอง
หลังจากนั้นไม่นาน ฮวังคยองมิน ได้ก่อเหตุฆาตกรรมขึ้น ซึ่งเหยื่อรายต่อไปคือเพื่อร่วมชั้นเรียนสมัยมัธยมต้น หนึ่งในคนที่เคยรวมหัวกลั่นแกล้งเขา ภาพของรูปคดีในหัวของ คังจินอา จึงเริ่มชัดแล้วว่า คดีนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในอดีตระหว่าง ฮวังคยองมินและเหยื่อ เพียงแต่สิ่งที่ยังไม่แน่ชัดก็คือเพื่อนร่วมงานของเธออย่าง จองจงซอก เกี่ยวข้องยังไงกับคดีนี้และเรื่องราวในอดีตเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
ซีรีส์แนวระทึกขวัญ ฆาตกรรมต่อเนื่องจากเกาหลีแนวฆาตกรรมรำลึก ที่สนุก แต่ก็มีความรู้สึกอึดอัดขณะดูมากอีกเรื่องหนึ่ง ด้วยความที่เนื้อหาเกี่ยวกับการกลั่นแกล้ง ใช้กำลังทำร้ายร่างกายและจิตใจกันในโรงเรียน ทุกครั้งที่เล่าถึงพาทอดีตมันก็เลยมีความรู้สึกบีบคั้นอารมณ์อยู่ไม่น้อย มันจะมีความนิ่งเฉย เอารัดเอาเปรียบ ความไม่ใส่ใจรวมถึงเป็นใจให้เกิดการกลั่นแกล้งเสียเองของผู้ใหญ่ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับคนดูเลยหนีไม่พ้นความน่าอึดอัดใจ กดดัน กับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับตัวละคร
ให้พูดตามตรงเป็นซีรีส์ที่ค่อนข้างเครียดมากเรื่องหนึ่ง เพราะในพาทอดีตที่ก็น่าอึดอัดแล้ว ในพาทปัจจุบันก็เป็นเรื่องของการล้างแค้น เอาคืนต่อคนที่เคยทำร้ายในอดีต ผมไม่แน่ใจว่าผู้สร้างซีรีส์เขาต้องการให้ความรู้สึกของคนดูในพาทนี้ออกมาเป็นยังไงนะ แต่ผลลัพธ์สำหรับผมผมว่าการล้างแค้นในซีรีส์เรื่องนี้ มันไม่ได้ก่อให้เกิดความรู้สึกสะใจ ถึงต่อให้เราจะรู้ว่าตัวละครที่กลั่นแกล้งคนอื่นในวัยเด็ก เมื่อโตมาแล้วหลายคนก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปเลย พวกเขาบางคนยังเห็นแกตัวยังใช้กำลังหรืออำนาจที่เหนือกว่าข่มเหงผู้อื่นเมื่อมีโอกาส
เพียงแต่ก็มีจุดที่รู้สึกลดโทนความดาร์กของซีรีส์ลงมาได้ ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่อยากใช้คำว่ามันเป็นความหวังหรือแสงสว่างอะไร เมื่อจะเห็นได้ว่า ฮวังคยองมิน กลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ทำร้ายคนได้จริง มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะฆ่าทุกคนที่เคยทำร้าย เพราะบางคนเขาก็หยิบยื่นโอกาสแก้ตัวให้ บางคนเขาก็อาจใช้วิธีทำให้ตายทั้งเป็น หรือบางคนก็อาจจะสั่งสอนให้ได้ลิ้มรสสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับเขาในอดีต
เปรียบไปซีรีส์เรื่องนี้ก็เหมือนใช้ยาแรงนั่นแหละครับ แนวเดียวกับหนัง After My Death ในการพูดถึงประเด็นการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียน เมื่อแทบจะไม่มีจุดไหนของเรื่องราวเป็นแสงสว่างเป็นความหวังได้เลย จากจุดเริ่มต้นถึงจุดจบของเรื่องราวมันมีแต่หนทางที่ตัวละครหันหลังกลับไม่ได้ แม้ทุกคนจะรู้ว่าปลายทางที่เดินไปไม่ใช่จุดจบที่สวยงาม
จากชื่อซีรีส์ The King of Pigs ซึ่งสิ่งที่ซีรีส์ยกขึ้นมาเทียบกันอย่าง "หมูและหมา" สัตว์สองชนิดที่ ชอล ตัวละครลับในซีรีส์ เปรียบกับแต่ละกลุ่มคนในห้องเรียน พวกที่เป็นหัวโจกกลุ่มนักเรียนเรียนดีลูกหลานคนใหญ่โต จะกลายเป็นหมาที่ครูหรือผู้ใหญ่ในโรงเรียนเอ็นดู แต่พวกเด็กปลายแถวพ่อแม่ยากจนไม่ได้มีอำนาจอะไร ก็จะกลายเป็นหมูให้เด็กหัวโจกเชือดหรือคอยกลั่นแกล้ง แม้มันจะเป็นการเปรียบเทียบที่โหดร้าย ถึงอย่างนั้นผมว่ามันก็เป็นอะไรที่อธิบายตัวเองได้ชัดเจนในจุดที่ซีรีส์ต้องการเสียดสี
ถือเป็นซีรีส์ที่มีความรุนแรงประมาณหนึ่ง อาจไม่ถึงขั้นสยองขวัญชวนเบือนหน้าหนี แต่ก็ถือว่าแรงกว่าซีรีส์เกาหลีสายระทึกขวัญแนวตลาดทั่วไป ในแง่ของการสร้างคาแรคเตอร์ตัวละคร ค่อนข้างชัดเจนไม่คลุมเครือ เพราะซีรีส์ไม่ได้มีอะไรเก็บซ่อนหรือปกปิดเท่าไหร่ หากจะมีสิ่งที่เป็นความลับคงมีเพียงปริศนาของ ชอล ตัวละครที่เป็นราชาของเหล่าหมู ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวละครนี้ในอดีต ทำไมเขากลายมาเป็นแรงขับให้กับ ฮวังคยองมิน ในการก่อเหตุ แล้วทำไมมิตรภาพระหว่าง ฮวังคยองมิน จองจงซอกและชอล ถึงได้สิ้นสุดลงเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
ถามว่าซีรีส์ที่พูดถึงการกลั่นแกล้งในโรงเรียนเรื่องนี้ชี้ให้เห็นถึงอะไร สำหรับผมคงจะบอกว่าคนที่กลั่นแกล้งคนอื่นอาจจะหลงลืมไปว่าตัวเองเคยทำอะไร อาจจะลืมคนที่ตัวเองเคยกระทำด้วยซ้ำ เพราะแน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากจำความเลวของตัวเอง แต่กับคนที่ถูกกระทำมันตรงกันข้าม เพราะถึงพยายามลืมก็ทำไม่ได้ ต่อให้เรื่องราวผ่านมาเนิ่นนานมีชีวิตที่ดีแล้วก็ตาม แต่เมื่อมีอะไรมาสะกิดแผลเก่าให้นึกถึงมันก็ยังเจ็บปวดเสมอ หากจะมีมุมไหนอีกสักมุมให้เลือกพูดถึง คงจะบอกว่าสิ่งไม่ดีที่คนเราตัดสินใจหรือลงมือทำ มันมีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่าเจ้าหนี้เขาจะมาทวงคืนเอาจากเราเมื่อไหร่ หรือถึงต่อให้ไม่มีใครมาทวงอะไรจากเรา มันก็เป็นความรู้สึกผิดติดค้างในใจอยู่ดี
หากจะให้สรุปปิดท้ายถึงซีรีส์ผมว่าเป็นซีรีส์ที่สนุกเรื่องหนึ่งเลยครับ แต่ก็นั่นแหละด้วยความที่เรื่องราวมันค่อนข้างเครียด เลยอาจจะไม่เหมาะกับทุกคน แล้วมันก็ไม่ใช่แนวล้างแค้นกันแบบเอาสะใจ มวลอารมณ์มันเลยอึน ๆ หน่วง ๆ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ส่วนเรื่องการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนมันก็เป็นวงจรอุบาทว์ ที่ก็ไม่รู้ว่าจะจบลงหรือสิ้นสุดเมื่อไหร่ เพราะจากในซีรีส์ก็ชี้ให้เห็นค่อนข้างชัด ว่ามันไม่ใช่เพียงแค่มิติระหว่างนักเรียนกับนักเรียนเท่านั้น ตัวผู้ใหญ่เองก็มีส่วนไม่น้อยที่ทำให้วงจรนี้มันยังดำเนินต่อไปได้
#SeriesReview #รีวิวซีรีส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น