Switched (2018) ผลัดกันเป็นสาวป๊อป
“คนไม่สวยผิดเสมอ” ขออนุญาตจั่วหัวด้วยคำ ๆ นี้เลย ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงผู้ชายหรือเพศไหนก็ตาม เกิดมาหน้าตาดีก็เหมือนมีต้นทุนชีวิต อะไรก็ดีงามไปหมดใครก็อยากเข้าหา ถ้าเกิดมาไม่ได้หน้าตาดีเหมือนคนอื่นก็ต้องเอาความสามารถเข้าสู้ หรือทำตลกกลบเกลื่อนเพื่อให้มีตัวตน แต่หากความสามารถก็ไม่มีแถมชีวิตก็ห่วยอีกล่ะ ใครจะมาเข้าใจว่าต้องพยายามแค่ไหนเพื่อให้มีที่ยืน ซึ่งหากไม่ลองมาเป็นเหมือนกันคงไม่มีวันเข้าใจ
อายูมิ โคฮินาตะ (Kaya Kiyohara) สาวป็อปของโรงเรียนที่ถูก โคชิโฮะ มิซุโมโตะ (Tomohiro Kamiyama) เพื่อนในวัยเด็กสารภาพรัก ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เธอรอคอยมาตลอดเช่นกัน ทั้งสองคนตัดสินใจออกเดทในกันช่วงสุดสัปดาห์ แต่ในวันที่พวกเขานัดเจอกันยังไม่ทันที่ อายูมิ จะได้พบกับ โคชิโฮะ ก็มีสายปริศนาโทรเข้ามาหาเธอ ปลายสายนั้นก็คือ อูมิเนะ เซนโกะ (Miu Tomita) เพื่อนร่วมชั้นเรียนร่างตุ้ยนุ้ยที่กำลังยืนอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียน อูมิเนะ โทรมาเพื่อบอกว่าเธอกำลังจะจบชีวิตของตัวเองลง ยังไม่ทันที่ อายูมิ จะเอ่ยห้ามปราม อูมิเนะ ก็ตัดสินใจทำตามความตั้งใจของตัวเอง
แต่เรื่องราวต่อมากลายเป็นว่า อายูมิ กลับฟื้นตื่นขึ้นมาในร่างตุ้ยนุ้ยของ อูมิเนะ เธอสับสนตื่นกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ต้องปล่อยเลยตามเลยใช้ชีวิตอยู่ในร่างของ อูมิเนะ แต่สิ่งที่ทำให้ อายูมิ ต้องประหลาดใจมากไปกว่าเดิม ก็เมื่อตอนที่เธอเดินทางมาถึงโรงเรียนในวันรุ่งขึ้น อายูมิ กลับเห็นร่างของตัวเองมาโรงเรียนด้วยท่าทางสดใส ตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น หากเป็นเธอที่อยู่ในร่างของ อูมิเนะ แล้วใครกันที่กำลังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ในร่างของเธอ
***เปิดเผยเนื้อหาบางส่วน***
**
ก่อนจะอธิบายขยายความผมขอบอกก่อนว่าจะเขียนแยกประเด็นต่าง ๆ ที่หนังสื่อถึงออกจากกันโดยไม่อิงตามเนื้อเรื่องในซีรีส์ เพราะถึงเนื้อหาของซีรีส์มันจะเป็นเหตุเป็นผลเชื่อมโยงหากัน แต่ส่วนตัวผมไม่อยากให้มันเป็นการแก้ต่าง ดีเฟนด์ (Defend) ให้กับการกระทำของตัวละคร อูมิเนะ เมื่อสิ่งที่เธอทำมันไม่ถูกต้อง แม้บอกได้ว่ามีแรงขับมาจากการเป็นฝ่ายถูกกระทำก็ตาม
ส่วนตัวผมก็เป็นคนหนึ่งนะที่สมัยเรียนมัธยมก็เคยถูกกลั่นแกล้งบูลลี่มาบ้าง ด้วยความที่เป็นเด็กจบมาจากต่างจังหวัดเข้ามาเรียนในเมือง พูดตรง ๆ ว่าเซ่อซ่าทำอะไรขายหน้าอยู่บ่อยครั้ง โดนเด็กเกรียนเด็กเกเรข่มไถ่เงินตามป้ายรถเมล์ตามห้องน้ำบ้าง แต่ก็ด้วยความเป็นเด็กผู้ชายมันก็มีกระบวนการเรียนรู้ตอบโต้กลับไปบ้าง พอเริ่มมีเพื่อนจับกลุ่มกันก็เอาตัวรอดมาได้
เลยพอเข้าใจสถานการณ์ของตัวละคร อูมิเนะ อยู่บ้างนะ แล้วก็รู้สึกได้เลยว่ามันน่ากลัวเอามาก ๆ ที่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวแบบนั้น แต่อันนี้เป็นมุมของคนที่เคยโดนมาเหมือนกันแบบผมไง หนังจึงเลือกใช้วิธีการสลับร่างเพื่อให้คนที่อยู่ในโลกคนละใบกับ อูมิเนะ ได้สัมผัสกับประสบการณ์แบบเดียวกัน ซึ่งผู้โชคร้ายคนนั้นก็คือ อายูมิ เพราะก่อนหน้านั้น อายูมิ ไม่เคยรู้เลยว่าโลกของการไร้เพื่อนเป็นอย่างไร เธอเกิดมาพร้อมทุกอย่างมีหน้าตาน่ารัก เป็นคนดังที่ใคร ๆ ก็เข้าหา มีครอบครัวที่อบอุ่น มีผู้ชายมาสารภาพรัก แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับ อูมิเนะ ที่เกิดมาตุ้ยนุ้ย ครอบครัวไม่มีความอบอุ่น ฐานะการเงินทางบ้านก็ไม่ดี นอกจากเพื่อนจะไม่คบทุกคนยังคอยหัวเราะเยาะเธออีกด้วย
แต่หนังก็นำเสนอในมุมมองกลับด้วยเช่นกัน เมื่อตั้งคำถามว่าอันที่จริงแล้วความสำคัญมันอยู่ที่หน้าตาหรือว่าจิตใจ เมื่อ อายูมิ ที่ได้มาอยู่ในร่างตุ้ยนุ้ยของ อูมิเนะ แน่นอนว่าในทีแรกเธอก็เจอกับประสบการณ์เลวร้ายไม่ต่างกัน แต่ก็เพราะสิ่งที่อยู่ข้างในมันชายน์ (Shine) เปล่งประกายออกมา จนผู้คนรอบข้างเริ่มรับรู้ได้ถึงความงดงามที่อยู่ข้างใน สวนทางกับ อูมิเนะ ในร่างของ อายูมิ ที่แม้จะหน้าตาน่ารักเพียงใด แต่เมื่อข้างในคิดแต่เรื่องสกปรกผู้คนรอบ ๆ ข้างก็สัมผัสกับมันได้เช่นกัน
ในเนื้อหาส่วนนี้ขอชื่นชมนักแสดงนำทั้งสองคนอย่าง คายะ คิโยฮาระ ที่รับบทเป็น อูมิเนะ ในร่างของ อายูมิ แล้วก็ มิยู โทมิตะ ที่รับบทเป็น อายูมิ ในร่างตุ้ยนุ้ยของ อูมิเนะ ที่แสดงได้ดียอดเยี่ยมแบบสุด ๆ มิยู ที่เป็น อายูมิ ในร่างของ อูมิเนะ ก็ชายน์เปล่งประกายออกมาจริง ๆ ในแบบที่ถึงจะเป็นสาวตุ้ยนุ้ยแต่ก็ไบร์ท (Bright) สดใส น่ารักมาก ๆ สมกับบทที่ต้องสื่อสารถึงความดีงามที่อยู่ข้างใน ส่วน อูมิเนะ ในร่างของ อายูมิ ที่แสดงโดย คายะ อันนี้ผมยกให้เป็น MVP ของเรื่องนี้เลย บทใช้พลังงานด้านลบเยอะเอามาก ๆ แล้วน้องแสดงได้สุดจริงอะไรจริง จากผู้หญิงน่าตาน่ารักที่ใครเห็นก็คงชื่นชอบอยากทำความรู้จัก กลายเป็นผู้หญิงที่ใครเห็นแล้วคงอยากหนีออกให้ห่างจากเธอเลย
แต่ถึงจะสร้างด้วยมุมกลับขัดแย้งกันเองในสองส่วนที่เขียนถึงไป ซีรีส์เลือกอธิบายความขัดแย้งกันเองด้วยตัวละคร จุนเปย์ คากะ (Daiki Shigeoka) เมื่อบอกว่าคนคนหนึ่งที่ถูกปฏิเสธจากคนรอบข้าง จะมีตัวตนขึ้นมาอีกครั้งก็ด้วยการมีคนรับฟังและเข้าใจนี่แหละ แต่ส่วนหนึ่งคนที่ถูกปฏิเสธก็ต้องยอมเปิดใจรับคนอื่นด้วยเช่นเดียวกัน เพราะไม่ได้หมายความการถูกคนหนึ่งคนบูลลี่ แล้วทุกคนจะเป็นเหมือนคนคนนั้นกันหมด คงจะบอกได้ว่าถึงซีรีส์จะพูดถึงความเลวร้ายของการถูกบูลลี่ ว่ามันส่งผลกระทบเลวร้ายอย่างไรบ้าง แต่ซีรีส์ก็ยังให้ความสำคัญของสิ่งที่อยู่ข้างในจิตใจ อยากให้ทุกคนเปล่งประกายแสดงตัวตนที่สดใสออกมา เพราะในชีวิตจริงเราไม่สามารถไปแลกเปลี่ยนสลับร่างกับใคร เพื่อให้เขามาเข้าใจหัวอกเราได้ การยอมรับสิ่งที่ตัวเองเป็นแล้วเปล่งประกายความงดงามที่อยู่ข้างในออกมา เชื่อมั่นว่าในสังคมที่ไม่ได้เลวร้ายไปเสียทั้งหมด อย่างไรก็คงจะมีคนที่มองเห็นความงดงามนั้นอย่างแน่นอน
สรุปแล้ว Switched (2018) ผลัดกันเป็นสาวป๊อป ตอนแรกผมมองข้ามเรื่องนี้มาหลายรอบมาก ต่อ Netflix ทีไรก็ไม่เคยคิดจะดูสักที แต่หลังจากดูจบแล้วบอกได้เลยว่าเป็นเรื่องหนึ่งที่ชอบมาก ๆ ซีรีส์ทั้งสนุกแล้วก็ให้แง่คิดแบบไม่ยัดเยียด เป็นการให้ผู้ชมซึมซับเรื่องราวของตัวละคร แล้วก็ตั้งคำถามที่ขัดแย้งกันเพื่อให้ผู้ชมหาบทสรุปตกตะกอนความคิดเอาเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น