วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2562

Solomon's Perjury Part 1: Suspicion & Part 2: Judgement

Solomon's Perjury Part 1: Suspicion & Part 2: Judgement 
#ปีนรั้วรีวิว #Drama #Thriller Director: Izuru Narushima

      “เด็กเอ๋ยเด็กน้อย  ความรู้เรายังด้อยเร่งศึกษา  เมื่อเติบใหญ่เราจะได้มีวิชา  เป็นเครื่องหาเลี้ยงชีพสำหรับตน ได้ประโยชน์หลายสถานเพราะการเรียน  จงพากเพียรไปเถิดจะเกิดผล  ถึงลำบากตรากตรำก็จำทน เกิดเป็นคนควรหมั่นขยันเอย ฯ” 

      บทอาขยานที่ท่องมาตั้งแต่เด็กกันทุกคน ที่ผู้ใหญ่พร่ำสอนให้เด็กสนใจในการเรียน จนบางครั้งอาจจะหลงลืมไปว่าถึงจะเป็นเด็กก็จริง ควรตั้งใจเรียนก็จริง แต่เด็กเองก็มีความสนใจในเรื่องอื่นอีกหลายด้านที่สำคัญไปไม่น้อยกว่าการเรียน อย่างหนังเรื่องนี้ที่ยกประเด็นการพิจารณาคดี  เพื่อตามหาข้อเท็จจริงการตายของเพื่อนร่วมชั้น ที่ผู้ใหญ่อาจจะมองว่าเด็กๆกำลังต่อต้าน  พวกเขาที่กำลังปกป้องชื่อเสียงของโรงเรียน แต่แท้จริงแล้วพวกเด็กๆกำลังช่วยกันหาความจริง  เพื่อลบบาดแผลในใจและหวังว่าเรื่องน่าเศร้าแบบนี้  มันจะไม่เกิดซ้ำขึ้นมาอีกต่างหาก


      ในวันหิมะตกหนัก เรียวโกะ ฟูจิโนะ (Ryôko Fujino) และ เคนนิชิ โนดะ (Kôki Maeda) สองเพื่อนซี้เดินทางมาถึงโรงเรียนก่อนใคร เมื่อได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ให้อาหารกระต่าย  ที่ทางโรงเรียนเลี้ยงไว้แทน ทาคุยะ คาชิวากิ (Ayumu Mochizuki) เจ้าของเวรตัวจริงที่ขาดเรียนมาหลายวัน ทว่าเมื่อทั้งสองคนข้ามรั้วมาถึงโรงเลี้ยงกระต่าย  กลับพบสิ่งปรกติบางอย่างอยู่ในหิมะ ความผิดปรกติที่ว่าก็คือ คาชิวากิ ที่กลายเป็นศพฝั่งอยู่ใต้หิมะนั่นเอง  ทั้งสองคนจึงรีบไปแจ้งครูในโรงเรียนทันที ข่าวการตายของ คาชิวากิ แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว  และกลายเป็นประเด็นพูดคุยกันในหมู่นักเรียน

      เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาทำการสืบสวน ก็ได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็วว่า คาชิวากิ นั้นฆ่าตัวตาย ครูประจำชั้นอย่าง เอมิโกะ โมริกุชิ (Haru Kuroki) ก็เลยโทษตัวเอง  ที่ไม่เอาใจใส่ลูกศิษย์ของตัวเองมากพอ เพียงแต่ไม่กี่วันถัดมา  กลับมีจดหมายร้องเรียนส่งมาถึง ฟูจิโนะ, ครูโมริกุชิ, และทางโรงเรียนว่า การตายของ คาชิวากิ นั้นไม่ใช่อุบัติเหตุ  แต่มันคือการฆาตกรรมของ ชุนจิ โออิเดะ (Hiroya Shimizu) และเพื่อนอีกสามคนที่จับตัว คาชิวากิ โยนลงมาจากดาดฟ้าโรงเรียนและมีพยานรู้เห็นเหตุการณ์ เมื่อเรื่องที่ว่ามารู้ถึงหูนักข่าว  มันจึงกลายเป็นเรื่องบานปลายที่ไม่จบแค่ในโรงเรียนซะแล้ว 

      รวมทั้ง ฟูจิโนะ และเพื่อนคนอื่นๆในโรงเรียน  ต่างก็อยากรู้ความจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในคืนนั้น พวกเขาจึงตั้งกลุ่มขึ้นมาในโรงเรียน  เพื่อจำลองการพิจารณาคดีการตายของ คาชิวากิ แม้จะถูกครูและโรงเรียนพยายามขัดขวาง เพราะไม่ต้องการให้โรงเรียนเสียชื่อไปมากกว่านี้ก็ตาม แต่พวกนักเรียนก็สู้ไม่ถอย  เพื่อค้นหาความจริงและเยียวยาความรู้สึกของเพื่อน พ่อแม่ของคนตายและผู้ถูกกล่าวหา  รวมทั้งความตั้งใจที่จะลบความรู้สึกติดค้างในใจของตัวเอง ที่ไม่ยอมทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะที่มีโอกาส

      แฮะๆ….เรื่องย่อยาวหน่อยเพราะมันสองพาร์ท เป็นหนังที่ในทีแรกคิดว่าจะเน้นการฆาตกรรมและการสืบสวนเป็นหลัก แต่พอได้ดูจริงๆแล้วเนื้อหาหลักธีมหลักของหนังคืองานดราม่าล้วนๆ ในพาร์ทสองจะมีส่วนของการค้นหาความจริงเพิ่มเข้ามานิดหน่อย ก่อนที่ช่วงชั่วโมงสุดท้ายของหนังจะอยู่ในห้องพิจารณาคดีเป็นหลัก ในการซักถามข้อเท็จจริงจากปากของแต่ละคน

      เป็นหนังที่แตกประเด็นได้หลายหัวข้อมาก  ไม่ว่าจะเป็นการที่ผู้ใหญ่มักจะคิดแทนเด็ก ปกป้องและตัดสินเอาเองว่าสิ่งไหนที่ดีสำหรับเด็ก ทั้งที่จริงแล้วสิ่งที่พวกเขาต้องการจริงๆ  อาจจะแตกต่างจากที่พวกผู้ใหญ่คิด อย่างการที่ทาง ผอ.โรงเรียนตัดสินใจพยายามปิดข่าวการตายของ คาชิวากิ และทำให้เรื่องต่างๆเงียบที่สุด เพราะเขาคิดว่าการทำแบบนั้นคือการปกป้องนักเรียน แต่ผลลัพธ์ที่ได้มันกลับเลวร้ายลงกว่าเดิม

      ประเด็นถัดมาคือการบูลลี่กลั่นแกล้งกันระหว่างนักเรียน ที่อาจารย์ก็ละเลยไม่สนใจ ไม่ได้รับรู้ปัญหาปล่อยให้นักเรียนเผชิญหน้ากันตามลำพัง กระทั่งเพื่อนนักเรียนด้วยกันเอง  ที่ก็ไม่ยอมยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ไม่ว่าจะการช่วยเหลือเฉพาะหน้าหรือหลังจากนั้นก็ตาม ทั้งที่ตัวเองก็เคยแสดงออกว่าไม่เห็นด้วยกับการกระทำเหล่านั้น 

      การที่พ่อแม่ไม่เข้าใจลูก บางครั้งที่ภายนอกเด็กอาจจะดู เข้มแข็ง ร่าเริงเป็นปรกติ ข้างในใจจริงๆแล้วมันอาจจะกำลังแตกสลายอยู่ก็ได้ เมื่อปัญหาของพวกเขาไม่มีใครพร้อมรับฟัง และผู้ใหญ่ก็มองว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยแบบเด็กๆ อย่างการที่ จุริ มิยาเกะ (Anna Ishii)และมัตสึโกะ อาซาอิ (Miu Tomita) มักจะโดนเพื่อนกลั่นแกล้งประจำ  แต่เธอทั้งสองก็ไม่เคยได้รับการช่วยเหลือจากใคร หรือการที่ ฟูจิโนะ รู้สึกติดค้างในใจกับคำพูดดูถูกของ คาชิวากิ ซึ่งมันเป็นเรื่องจริงที่เธอต้องยอมรับ  และเธอก็กำลังพยายามแก้ไขมันอยู่ แต่พ่อแม่ของ ฟูจิโนะ กลับไม่เคยสังเกตเห็นความทุกข์ในใจของลูก  เพราะพวกเขามองว่าเธอเป็นเด็กที่เข้มแข็ง เลยอาจจะมองข้ามสัญญาณบางอย่างไป
      ในทีแรกผมเองยังตัดสิน คาชิวากิ ไม่ได้นะว่าเขาเป็นคนยังไง แต่หลังจากดูจบและทบทวนแล้ว(แต่อาจจะคิดผิดก็ได้นะ) ผมว่า คาชิวากิ เป็นตัวละครที่พอตัวเองรู้สึกแย่  ก็พยายามจะดึงให้คนอื่นแย่เหมือนตัวเองไปด้วย ไม่ว่าจะ ฟูจิโนะ หรือเพื่อนคนเดียวของตัวเองอย่าง คาซึฮิโกะ คันบาระ (Mizuki Itagaki) ที่ คาชิวากิ เอาจริงคำพูดจากปากของเขา  เหมือนจะเป็นการเตือนสติทั้งสองคนนะ แต่พอได้ฟังประโยคที่คุยกับ คันบาระ ในตอนท้ายแล้วก็รู้เลยว่า คาชิวากิ ก็แค่อยากดึงให้คนอื่นรู้สึกแย่เหมือนกับตัวเอง
      เป็นหนังที่หากจะว่ากันที่ความสนุกแล้ว  อาจจะไม่ตอบโจทย์ความบันเทิงเท่าไหร่นัก แต่หากจะว่ากันที่เนื้อหาสาระ  และความน่าติดตามถึงบทสรุปของเรื่องราว(แม้สุดท้ายจะดูเบาบางและง่ายไปหน่อยก็เถอะ)ก็ถือว่าดีงามเลยนะ เป็นหนังที่พูดถึงเด็กที่ไม่เด็กเลยเนื้อหาหนักแล้วก็ตึงเครียด จริงจัง พอสมควร 

      เรื่องเด็กๆที่ใครว่าเล็กๆมันจึงใช้ไม่ได้สำหรับหนังเรื่องนี้ เพราะเด็กก็มีหัวใจไม่ต่างจากผู้ใหญ่ฉะนั้นผู้ใหญ่ในสังคมก็ควรฟังเสียงของพวกเขาเช่นกัน สรุปแล้ว Solomon's Perjury Part 1: Suspicion & Part 2: Judgement หากมองในแง่มุมเนื้อหาสาระล้วนๆคงบอกได้ว่าเกรดเอเลยล่ะ 

      แต่หากมองในแง่มุมความบันเทิงหากเอาเกณฑ์ผมเองตัดสิน เอาตรงๆว่าก็ไม่น่าตอบโจทย์คนเสพหนังเพื่อความบันเทิงเท่าไหร่ เนื้อหาหนักแล้วก็เน้นสาระล้วนๆจริงๆ อ่อ…หนังมีเวอร์ชั่นซีรี่ย์เกาหลีออกมาด้วยฉายทาง Netflix ส่วนตัวคิดว่าคงไม่ได้ตามแน่ๆ เพราะดูทรงจากฉบับญี่ปุ่นแล้วคงเน้นดราม่าไม่ต่างกันเท่าไหร่

#MovieReview #รีวิวหนัง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: #Alive (2020)

 #Alive (2020) คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ Screenwriter & Director:   Jo Il Hyung       ตั้งแต่ทั่วโลกได้รู้จักกับ Train to Busan ก็ต้องบอกว่า ไม...