วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2562

Office (2015)

Office (2015) aka Opiseu พนักงานดีเดือด 
#ปีนรั้วรีวิว #Thriller

      คิมบยองกุก (แพ ซ็อง‑วู) ผู้จัดการบริษัทแห่งหนึ่ง  หลังจากเลิกงานเขาเดินทางตรงกลับบ้านเหมือนปรกติทุกวัน  ที่แตกต่างไปในวันนี้คือ สายตาที่เหม่อลอยเย็นชาหมดอาลัยตายอยาก เหมือนว่าชีวิตของเขาคงจะอยู่ไม่ถึงวันพรุ่งนี้แล้ว  และสิ่งที่น่าช็อคก็คือ ผู้จัดการคิมไม่ได้เป็นคนเดียว  ที่จะอยู่ไม่ถึงพรุ่งนี้ แทนที่จะจบชีวิตตัวเองคนเดียว  เขากลับฆ่ายกครัวตัวเอง  โดยที่ไม่มีใครรู้สาเหตุของการฆาตกรรมในครั้งนี้มาก่อ

      ไม่กี่วันถัดมาตำรวจก็แห่กันมาเต็มบริษัท  เพื่อหาข้อมูลการฆาตกรรมยกครัวครั้งนี้ และที่สำคัญคนร้ายอย่างผู้จัดการคิม  ก็ยังไม่ถูกจับกุมตัวด้วย จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ  พนักงานทุกคนให้การตรงกันว่า  ก่อนเกิดเหตุผู้จัดการคิมไม่มีอะไรที่ผิดปรกติ  และพวกเขาต่างเชื่อว่าคนดีอย่างผู้จัดการคิม  ไม่น่าจะทำเรื่องเลวร้ายอย่างนี้ได้แน่นอน  แต่นักสืบ จองฮุน (พัคซองอุง) กลับสงสัยว่าพวกพนักงาน  อาจจะไม่ได้พูดความจริงทั้งหมดและกำลังปิดบังอะไรเอาไว้  หลังจากตรวจสอบกล้องวงจรปิดของบริษัท  มันยิ่งชัดเจนว่าสาเหตุทั้งหมดมันน่าจะมาจากเรื่องงาน  เพราะหลังก่อเหตุที่บ้านตัวเองผู้จัดการคิมได้ย้อนกลับมาที่บริษัทอีกครั้ง  และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นเขาออกไปจากตึกแห่งนี้อีกเลย
      เป็นหนังอีกเรื่องนึงที่ไม่รู้จะเรียกว่าหักมุมได้มั้ย  เพราะบางอย่างเราก็พอจะเดาออกแต่แรกอยู่แล้ว และบางอย่างหนังก็จงใจหลอกเรา  จนไม่ต้องไปเดาให้เสียเวลาเพราะยังไงก็ไม่มีทางเดาถูก ฮ่าฮ่า

      ส่วนตัวคิดว่าน้ำหนักของความตึงเครียด  ที่จะบิ้วให้คนร้ายก่อเหตุมันยังเบาไปหน่อย  มันก็เป็นระดับความกดดัน  ที่พบเจอกับเป็นประจำในที่ทำงานอยู่แล้ว  สำหรับคนเป็นมนุษย์เงินเดือน  เผลอๆชีวิตจริงจะแรงกว่านี้ด้วยซ้ำ ตอนดูเลยไม่อินกับแรงกดดันที่หนังสร้างให้กับตัวฆาตกร  ที่สำคัญไปกว่านั้นกว่าหนังจะเข้าโหมด โหด เลือดสาด สยองขวัญ ก็ปาไปค่อนเรื่องแล้ว  ครึ่งชั่วโมงสุดท้ายถึงจะเริ่มเชือดกันอย่างจริงจัง

      ส่วนหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านั้น  เป็นการที่หนังพาเราไปสำรวจพนักงานแต่ละคน  ในออฟฟิศว่าใครเป็นยังไง แล้วใครจะเป็นรายต่อไป  แต่ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละว่า  พอแรงขับของตัวฆาตกรมันน้อยระหว่างดูมันจึงเป็นการลุ้นเดาว่าตกลงแล้ว ฆาตกรคือคิมบยองกุกจริงมั้ย  หรือเป็นคนอื่น  หรือว่าใครเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเขา เลยเสียดายที่หนังไม่ใส่ความตึงเครียด  ระหว่างตัวละครลงไปให้เยอะกว่านี้ หนังมันเลยขาดไปหมดทุกอย่างแถมไม่พีคเอาเสียเลย ไม่ว่าจะเฉลยจุดหักมุมหรือจุดระเบิดอารมณ์ของฆาตกร
      หากจะถามว่าอะไรเป็นแรงขับ(ซึ่งเบามาก)ให้ฆาตกรลงมือ  คงจะเป็นการที่ฆาตกรเหมือนแกะดำในที่ทำงาน เข้ากับใครก็ไม่ได้ ดีเกินไป ขยันเกินไป จนกลายเป็นการสร้างความอึดอัดให้คนอื่น และสุดท้ายเลยก็คือฆาตกรกำลังจะเสียงานของตัวเองไป ทำให้นึกย้อนไปถึงหนังเรื่อChotto Ima kara Shigoto Yametekuru (2017) รอเดี๋ยวนะ ตอนนี้ขอไปลาออกจากงานก่อน 

      กับคำถามของตัวละครนึงที่ว่“ระหว่างฆ่าตัวตายกับลาออกจากงานอันไหนมันง่ายกว่ากัน” กับเรื่องนี้ก็เหมือนกันเลยนะ(แถมโดนให้ออกด้วยซ้ำ)จะฆ่าคนอื่นไปทำไม ในเมื่องานมันเครียดนัก ถึงแม้งานมันจะไม่ได้หากันง่ายๆก็จริง  และการลาออกก็อาจจะเหมือนการหนีปัญหา…แต่ยังไงก็ดีกว่าการฆ่าคนอื่นหรือฆ่าตัวตายอยู่แล้วไม่ใช่หรอ

      สรุปแล้ว Office (2015) aka Opiseu พนักงานดีเดือด ส่วนตัวเอาตรงๆเลยแล้วกันว่าหนังสอบไม่ผ่านหลายๆอย่างเลย ไม่ว่าจะความ ดราม่ากดดันบิ้วอารมณ์สร้างแรงขับให้ตัวฆาตกร หรือจะแง่มุมความสยองขวัญระทึกขวัญก็ธรรมดาไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่หากไม่คาดหวังอะไรมากนักดูเพื่อความระทึกขวัญบันเทิงแบบเบาๆ ไม่ชอบหนังสยองขวัญจิตตกตึงเครียดก็น่าจะพอตอบโจทย์อารมณ์ในแบบที่ต้องการได้

#MovieReview #รีวิวหนัง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: #Alive (2020)

 #Alive (2020) คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ Screenwriter & Director:   Jo Il Hyung       ตั้งแต่ทั่วโลกได้รู้จักกับ Train to Busan ก็ต้องบอกว่า ไม...