วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

Review: The Anthem of the Heart (2017)

 The Anthem of the Heart (2017) บทเพลงของหัวใจ

#ปีนรั้วรีวิว #Drama #Family Director: Naoto Kumazawa
      ตอนดูหนังเรื่องนี้ยังไม่เห็นเครดิตผู้กำกับว่าเป็นใคร พอมาเห็นเครดิตปุ๊บอ้าวเพิ่งจะดู Yurigokoro (2017) หนังของผู้กำกับ นาโอโตะ คุมาซาวะ ไปเมื่อไม่นานนี้เอง หยิบเอามาเปรียบกับเรื่องนี้เรียกว่าเป็นงานคนละแนวกันเลย

หนังเล่าถึง นารุเสะ จุน (Kyôko Yoshine) เด็กน้อยชั่งเจรจาที่เรียกได้ว่าพูดจนลิงหลับ เธอใฝ่ฝันถึงโลกแฟนตาซีจินตนาการเกี่ยวกับเจ้าชายและเจ้าหญิง แล้ววันหนึ่งเธอก็ได้พบกับพ่อของเธอที่เปรียบเสมือนเจ้าชาย ขับรถออกมาจากปราสาทพร้อมกับเจ้าหญิงคนหนึ่ง ทว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แม่ของเธอ และปราสาทนั้นก็ไม่ใช่วังในนิทานแต่เป็นโรงแรมม่านรูด

ด้วยความชั่งพูดตามประสาเด็กน้อย เธอเอาเรื่องที่ว่านี้ไปเล่าให้แม่ฟัง จนมันกลายเป็นสาเหตุทำให้คำว่าครอบครัวมีอันจบลง หลังจากการแตกสลายของครอบครัว นารุเสะ กลายเป็นเด็กที่ไม่สามารถเปล่งเสียงพูดได้อีกต่อไป เพราะหากเธอพูดเมื่อไหร่อาการปวดท้องของเธอจะกำเริบทุกครั้ง เธอคิดว่ามันเป็นคำสาปติดตัวจากสิ่งที่ทำให้ครอบครัวแตกแยก

หลังจาก นารุเสะ เรียนชั้นมัธยมมาจนถึงปีสุดท้ายแม้จะพูดไม่ได้ก็ตาม เธอกลายเป็นคนแปลกแยกไม่มีเพื่อนและคนอื่นในโรงเรียน ก็รู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่เธอเป็น เมื่องานกิจกรรมพัฒนาชุมชนมาถึง ครูได้มอบหมายงานให้กับ นารุเสะ, นัตสึกิ นิโตะ (Anna Ishii), ทาคุมิ ซาคากามิ (Kento Nakajima) และ ไดกิ ทาซากิ (Kan'ichirô Satô)

โดยให้ทั้งสี่คนร่วมกันวางแผน และเป็นตัวแทนนำเพื่อนร่วมห้องจัดกิจกรรมขึ้นมา แต่ นารุเสะ เองก็ไม่สามารถพูดกับใครได้ นิโตะกับทาคุมิ ก็เคยมีความหลังต่อกันมาก่อน แถม ไดกิ เองก็ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะทำงานกิจกรรมอะไรกับใคร แล้วทั้งสี่คนจะทำยังไงให้การจัดงานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เมื่อต่างฝ่ายต่างมีปัญหาส่วนตัวด้วยกันทั้งนั้น
      เป็นหนังที่ถามว่าบันเทิงไหมตอบได้เลยว่าไม่บันเทิง เพราะหนังเองไม่ค่อยมีเรื่องราวอะไรให้เราเท่าไหร่ แต่ยังอยู่ในกลุ่มดูเพลิน แถมส่วนตัวค่อนข้างชอบประเด็นในหนังเรื่องนี้พอสมควรเลย หนังพูดถึงวิธีการทำร้ายคนอื่นที่ง่ายที่สุด นั่นก็คือการใช้คำพูดทำร้ายจิตใจคน เพียงแต่หนังก็ถ่ายทอดออกมาในหลายแง่มุมผ่านตัวละครหลักทั้ง 4 คน 
 
นารุเสะ คิดว่าอาการเจ็บป่วยของตัวเองคือคำสาป ที่เกิดจากคำพูดที่ทำให้พ่อแม่แยกทางกันนั้น หนังไม่ได้เฉลยหรือว่าเคลียร์ในส่วนนี้อย่างชัดเจนนะ คือมันไม่ใช่คำสาปนั่นแน่นอนอยู่แล้ว ส่วนที่ไม่ชัดเจนคือเธอเพียงแค่แสดงมันเพื่อกลบเกลื่อนการไม่กล้าพูด หรือเป็นกลไกลป้องกันตัวของร่างการที่สั่งการโดยไม่ตั้งใจ แต่ที่ชัดเจนและแน่นอนคือ เธอโทษตัวเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะคำพูดของเธอ

ทาคุมิ ซาคากามิ คนที่เข้าใจ นารุเสะ ที่สุดคนหนึ่ง เพราะเขาเองก็เคยพูดอย่างไม่ทันได้คิด จนทำให้ครอบครัวเกิดปัญหาขึ้นมาเช่นกัน เพียงแค่ ทาคุมิ นั้นอาการไม่หนักเท่า นารุเสะ แต่เขาก็กลายเป็นคนที่ไม่กล้าพูดถึงความต้องการของตัวเอง เพราะกลัวว่าพูดออกไปแล้ว มันจะซ้ำรอยกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัว

นัตสึกิ นิโตะ คนที่พูดอะไรไม่ตรงกับใจ เพราะอายที่จะยอมรับความรู้สึกของตัวเอง มันเลยทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับ ทาคุมิ กลายเป็นความรู้สึกผิด จนอยากจะผลักดันให้คนรักมีความสุข(ในแบบที่เธอคิด) ทำซ้ำรอยตัวเองที่เมื่อก่อนพูดไม่ตรงกับใจ ปัจจุบันก็ยังทำอะไรไม่ตรงกับใจตัวเองอีก

ไดกิ ทาซากิ รุ่นพี่หัวหน้าชมรมเบสบอลผู้เป็นความหวังให้กับรุ่นน้อง แต่ด้วยอาการบาดเจ็บทำให้เขาไม่สามารถนำทีมลงแข่งขันได้เหมือนเดิม ไดกิ รู้สึกผิดหวังกับตัวเองที่ไม่สามารถนำพาทีมไปข้างหน้าได้เหมือนก่อน จึงกลัวที่จะพูดให้คำมั่นสัญญา เพราะไม่ต้องการสร้างความผิดหวังให้กับใครด้วยคำพูดของเขาอีก

จากปมเรื่องราวของสี่ตัวละครหลัก อาจดูว่าไม่ใช่เรื่องของการเจตนาพูดทำลายความรู้สึกใคร เพราะว่ามันมีเหตุเกิดมาก่อนหน้าคำพูดเหล่านั้นอยู่แล้ว แต่เนื้อหาในหนังมีจุดขยี้ประเด็นการใช้คำพูดทำร้ายกันในหลาย ๆ ครั้ง ส่วนปมของตัวละครหลักผมถูกใจตรงที่ หนังขยายความเป็นคำถามได้ดี หากว่าเราพูดแต่เรื่องจริงในสิ่งที่เห็นมันดีจริง ๆ ใช่มั้ย หรือพูดทุกอย่างที่รู้สึกออกไป มันจะดีหรือเปล่า

ก่อนถามกลับว่า แล้วการพูดอะไรไม่ตรงกับความรู้สึกล่ะ มันก็สร้างปัญหาความไม่เข้าใจกันได้นะ แม้กระทั่งการพูดให้กำลังใจสร้างความหวัง บางทีมันก็อาจจะทำร้ายกันได้เช่นกัน หลังจากที่ดูจนจบในแต่ละบทสรุปของตัวละคร ส่วนตัวคิดว่าหนังให้น้ำหนัก ในการเปิดอกพูดคุยสร้างความเข้าใจนะ เพราะหากไม่ได้มีเจตนาใช้คำพูดทำร้ายกันแล้วล่ะก็ การปรับความเข้าใจพูดถึงความรู้สึกจริง ๆ มันน่าจะเป็นทางออกให้กับปัญหาได้ดีที่สุดแล้ว

      สรุปแล้ว The Anthem of the Heart (2017) บทเพลงของหัวใจ ผมเองชอบในประเด็นที่หนังสื่อสารนะ แม้หนังอาจจะไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มบันเทิง แต่ก็ไม่ถึงขนาดว่าน่าเบื่อ แค่หนังไม่ได้มีอะไรสนุก ๆ มาเล่าเท่านั้น แต่โดยรวมเนื้อเรื่องยังทำได้น่าติดตามดีกับบทสรุปลงเอยของตัวละคร 
 
ขอบคุณภาพประกอบจากภาพยนตร์: The Anthem of the Heart (2017)
 
ฝากช่องยูทูปรีวิวหนังช่องเล็ก ๆ ด้วยครับผม:  https://www.youtube.com/channel/UCo1Txn08XONf92m_kngztWQ 
 

#MovieReview #รีวิวหนัง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: All of Us Are Dead (2022)

 All of Us Are Dead (2022) มัธยมซอมบี้ Screenwriter:  Chun Sung Il Director:  Lee Jae Gyoo       ซีรีส์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธ...