วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2565

Review: Witch’s Court (2017)

 Witch’s Court (2017) แสบใสอัยการแม่มด

หากพูดถึงซีรีส์เกาหลีแนวกฎหมายผมยกให้  Witch’s Court (2017) แสบใสอัยการแม่มด เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องในดวงใจเลยครับ ด้วยความที่จับประเด็นเรื่องราวมานำเสนอได้ดี บทของตัวละครเอกมีมิติ มีการพัฒนา ไม่ได้แบนราบหรือมีบุคลิกเดียวตลอดทั้งเรื่อง แต่ทัศนคติจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ที่พบเจอ เช่นเดียวกันกับผู้ชมซีรีส์ที่จะได้เรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับอัยการมาอีดึม
กวักยองซิล (Il-hwa Lee) แม่เลี้ยงเดี่ยวที่อาศัยอยู่กับลูกสาว มาอีดึม (Ryeowon Jung) ด้วยกันสองคน กวักยองซิล พยายามหลีกหนีอดีตอันโหดร้ายของตัวเอง ที่เคยถูก โจกับซู (Kwang-ryul Jun) นายตำรวจใหญ่ในตอนนั้น ล่วงละเมิดทางเพศเธอและเพื่อนอีกสามคม แต่จากการที่ โจกับซู เอาตัวรอดจากการถูกดำเนินคดี จึงทำให้ กวักยองซิล เปลี่ยนใจไปเป็นพยานในชั้นศาล แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เจอกับอัยการมินจีซุก ที่ดูแลคดีนี้ กวักยองซิล กลับได้เจอ โจกับซู ก่อน ซึ่งเขาได้ทำให้เธอหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
หลังเวลาผ่านไป 20 ปี จากเด็กที่แม่หายตัวไปอย่างเป็นปริศนา มาอีดึม กลายเป็นอัยการมาอีดึม อัยการสุดแสบที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองชนะคดี ไม่ว่าวิธีการจะถูกหรือไม่ถูกใจใคร จะถูกต้องหรือไม่ก็ตาม หากผลลัพธ์เป็นการได้รับชัยชนะ มาอีดึม ก็ไม่เคยลังเลที่จะลงมือทำมัน แต่การเข้าไปผัวพันกับความผิดของหัวหน้าอัยการในแผนก มาอีดึม จึงถูกย้ายมาอยู่ในที่ไม่มีใครอยากมา ซึ่งที่นั่นก็คือ แผนกคดีทางเพศ ส่วนหัวหน้าทีมก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มินจีซุก อดีตอัยการที่ทำคดีแม่ของเธอนั่นเอง แต่ที่ซวยไปกว่านั้น อัยการยอจินวุค คู่ปรับและหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เธอถูกย้าย ก็ยังตามล้างตามเช็ดย้ายโดนย้ายมาอยู่แผนกเดียวกัน
แล้วการได้ทำงานที่แผนกคดีทางเพศ มาอีดึม ต้องเจอกับเรื่องราวมากมาย ที่มันจะเปลี่ยนความคิดเธอจากที่เคยเป็น จากที่เคยทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะไม่สนใจทั้งเหยื่อ หรือจำเลยว่าจะได้รับผลกระทบยังไง รวมทั้งเธอยังได้ทำตามจุดประสงค์หลักในการมาเป็นอัยการ ซึ่งก็คือการตามหาความจริงเรื่องที่แม่ของเธอหายตัวไปนานถึง 20 ปี ว่าตกลงแล้วเป็นใครกัน ที่คอยบงการอยู่หลังม่านในเรื่องนี้
หลังจากดูจบแล้วความเห็นของผมถือว่าเป็นซีรีส์กฎหมาย ที่สนุกและได้สาระแง่คิดที่ดีเรื่องหนึ่งเลยครับ มันเป็นความสนุกในแง่มุมบันเทิง ดูเพลิน ไม่เครียดกับเนื้อหามากเกินไปถือว่ากำลังดีเลย ในช่วงประมาณ 5 ตอนแรกจะเป็นการปูเนื้อหา ให้คนดูได้ทำความรู้จักกับตัวละคร สังเกตุการณ์พัฒนาการของตัวละคร มาอีดึม การเล่าเรื่องของ 5 ตอนแรกจึงยังไม่เน้นเนื้อหาหลัก คดีในอดีตของ โจกับซู ในแต่ละตอนจะเป็นคดีย่อยที่ไม่ได้ผูกโยงกับเส้นเรื่องหลัก เนื้อหาจะจบภายในตอนแต่ใจความของตอนย่อย ก็จะยังอยู่ในธีมเดียวกันกับพล็อตหลักทั้งหมด
แต่ละคดีที่ มาอีดึม ทำในช่วงแรก จะเป็นการให้ตัวละครได้เรียนรู้ ได้เปลี่ยนมุมมองทัศนคติ จากในตอนแรกเธอโตมาคนเดียวหลังจากแม่หายตัวไป แถมยังต้องได้ยินคำดูถูกต่าง ๆ นานา มันเลยหล่อหลอมให้เธอกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ทำได้ทุกอย่างเพื่อเอาชนะ การได้มาทำคดีทางเพศแม้ชัยชนะในการทำคดีมันสำคัญก็จริง แต่สิ่งที่สำคัญมาก อาจจะมากกว่าและต้องคำนึงถึงด้วยก็คือ สภาพจิตใจของเหยื่อ
เพราะการต้องมาเผชิญหน้าคนร้ายในศาล การต้องมาพูดถึงสิ่งที่ตนเองถูกกระทำซ้ำซ้ำ ต้องมาเปิดเผยความเป็นส่วนตัว มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายและยังบั่นทอนจิตใจอย่างมาก เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้จึงกลายเป็นสิ่งที่มาอีดึม ได้เรียนรู้และเปลี่ยนความคิด ซึ่งประเด็นนี้จะเป็นเนื้อหาของซีรีส์ในช่วงต้น
จากตอนที่ 6 เป็นต้นมาถึงประมาณตอนที่ 11-12 ช่วงนี้ซีรีส์ก็จะเริ่มเข้าเส้นเรื่องหลัก คดีของ โจกับซู อดีตนายตำรวจใหญ่ที่ตอนนี้ กลายเป็นผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองยองพา เพียงแต่เนื้อหาของซีรีส์จะให้น้ำหนักที่การเล่าเรื่องบุคคลที่อยู่แวดล้อม โจกับซู มากกว่าจะเน้นที่ โจกับซู โดยตรง
แม้จะดูว่าซีรีส์พยายามในการหาทางเชื่อมโยงคดีต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นกับคนรอบตัว โจกับซู แต่ตอนดูผมก็ไม่ได้รู้สึกขัดใจหรือรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุผล ซีรีส์ยังเชื่อมโยงได้แนบเนียนไม่รู้สึกว่าแถอะไรมาก แต่เอาจริงก็มีแอบรู้สึกว่าความสนุกมันแผ่วลงนิดหน่อยเหมือนกันในช่วงกลาง
กระทั้ง 4 ตอนสุดท้ายที่ปมต่าง ๆ จากที่ปูมาตั้งแต่ต้น เริ่มรวบตึงเนื้อหาเข้าด้วยกันจนเข้มข้นมากขึ้น มีการชิงไหวชิงพริบกันตลอดเวลา แล้วตัวแปลที่จะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ก็มีหลายตัวละคร เรียกว่าต่างฝ่ายต่างพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ส่วนตัวผมยกให้เรื่องราวใน 4 ตอนแรกกับ 4 ตอนสุดท้าย ดูสนุกน่าติดตามมากเลยล่ะครับ ส่วนช่วงกลาง ๆ มีอ่อนกำลังแผ่งลงเหมือนกันครับ ส่วนการคัดเลือกนักแสดง รวมถึงการแสดงของนักแสดงแต่ละคน ถือว่าทำได้ดีทุกคนไม่มีขาดตกบกพร่อง โดยเฉพาะ จองรยอวอน ที่รับบท มาอีดึม นี่แหละครับ คาแรคเตอร์ค่อนข้างวาไรตี้หลากหลาย ทั้งตลก ดราม่า แล้วก็จริงจังในคนเดียวกัน
ซีรีส์เรื่องนี้น่าจะถือว่าเป็นซีรี่ย์เฟมินิสต์ได้อีกเรื่องหนึ่งเหมือนกันครับ แม้ตอนแรกจะเปิดเรื่องด้วยคดีที่ไม่ใช่เรื่องราวของผู้หญิง (จนเหมือนซีรีส์แอบออกตัว) แต่โดยภาพรวมของซีรีส์ก็เล่าเรื่องราวการต่อสู้ ทวงความยุติธรรมของผู้หญิงที่ถูกทำร้าย ไม่เว้นกระทั่งตกเป็นเครื่องมือของผู้กระหายอำนาจ ที่ใช้เป็นเครื่องมือในการไต่เต้าขึ้นสู่จุดที่สูงกว่าในทางมิชอบ
มาอีดึม จึงเหมือนเป็นคนที่สื่อได้ถึงสองด้าน หนึ่งก็คือการเคยเป็นคนภายนอกที่ไม่มองอย่างเข้าใจ หรือไม่เคยใส่ใจกับการล่วงละเมิด เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเองหรือคนใกล้ตัว ทำให้เธอได้เข้าใจความรู้สึก ความเจ็บปวด ที่เหยื่อเจอได้ อีกมุมหนึ่งก็คือ การที่เธอลุกขึ้นมาปกป้อง แล้วก็ทวงคืนความยุติธรรมให้กับเหยื่อที่ถูกล่วงละเมิด ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นใครหรือเพศอะไร ทุกคนไม่ควรได้เจอกับเรื่องร้าย ๆ เช่นนั้น หรือหากเกิดเรื่องร้ายขึ้นมา ทุกคนก็ควรได้รับความยุติธรรม แล้วคนที่ทำผิดก็ควรได้รับการลงโทษทางกฎหมายสนองกลับไป
ในช่วงท้ายรีวิวผมขอสรุปถึง Witch's Court (2017) แสบใสอัยการแม่มด เรื่องนี้ว่าเป็นซีรีส์กฎหมายที่สนุกดูเพลินงานดีเรื่องหนึ่งเลยครับ เนื้อหากำลังดีไม่เบาบางประเด็นจับต้องได้ แต่ก็ไม่เครียดหรือดราม่ามากเกินไป ยังได้แง่คิดมุมมองต่อเรื่องการละเมิดชัดเจนหลากหลายแง่มุม ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบันไม่ได้หมายความว่า จะมีแต่เพศหญิงเท่านั้นที่ไม่ปลาดภัย ไม่ว่าใครหรือเพศไหนก็สามารถเจอกับเรื่องพวกนี้ได้ด้วยกันทั้งนั้น ใครที่อยากดูแนวกฎหมายแต่ไม่อยากดูอะไรดราม่าหนัก ๆ เรื่องนี้ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ

ขอบคุณภาพประกอบจากซีรีส์: Witch's Court (2017)


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: All of Us Are Dead (2022)

 All of Us Are Dead (2022) มัธยมซอมบี้ Screenwriter:  Chun Sung Il Director:  Lee Jae Gyoo       ซีรีส์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธ...