Waru: Hataraku no ga Kakko Warui Nante Dare ga Itta? (2022)
#Business #Comedy Director: Nagumo Seiichi, Uchida Hidemi
เป็นซีรีส์ที่วิธีการเล่าเรื่องและการนำเสนอมีความเป็นญี่ปุ่นเหมือนเดิม แต่หลังจากดูจบแล้วผมเห็นความแตกต่างจากเรื่องอื่นตรงที่ว่า ซีรีส์เรื่องนี้จะนำเสนอแบบหัวก้าวหน้าอย่างชัดเจน เพราะจากที่ผมเคยดูซีรีส์ที่เกี่ยวกับการทำงาน 3-4 เรื่องที่ผ่านมา แม้จะพูดถึงประเด็นอะไรที่มันก้าวหน้าบ้างก็จริง แต่จะมีความประนีประนอมพยายามเชื่อมความอนุรักษ์นิยมกับหัวก้าวหน้าเข้าด้วยกัน อย่าง Unicorn ni Notte ก็จะมีความพยายามเชื่อมกันผ่านตัวละคร โคโตริ หรือ Kore wa Keihi de Ochimasen! ก็จะนำเสนอบนความเข้าใจต่อระบบการทำงานแบบอนุรักษ์นิยม
ส่วน Waru เรื่องนี้ซีรีส์ไม่ได้เชื่อมเข้าหาความอนุรักษ์นิยม แต่เป็นการพูดถึงข้อจำกัดของกระบวนการเปลี่ยนแปลงมากกว่า ซีรีส์ไม่ได้ทำออกมาในมุมที่บอกว่าอนุรักษ์นิยมไม่ดี เพราะก็มีจุดที่นำเสนอให้เห็นถึงคำว่าประสบการณ์การทำงาน และบางครั้งความอยากก้าวหน้าเร็วก็ไม่ใช่คำตอบเสมอไป ซีรีส์บอกว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไปบางทีอาจจะถึงเวลาเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน อย่างน้อยถึงยังเปลี่ยนไม่ได้ก็ขอให้เริ่มต้นความพยายามก็ยังดี
ซีรีส์หยิบเอาสถานการณ์การทำงานที่เข้ากับยุคสมัยมานำเสนอ อย่างตอนแรกจะเกี่ยวกับเรื่องของพนักงานที่ดันเริ่มงานในช่วงล็อกดาวน์โควิดพอดี ต้อง Work From Home ก็เลยทำให้แทบไม่คุ้นเคยกับเพื่อนร่วมงาน ยังไม่เข้าใจวิธีการทำงานหน้างานจริง ๆ พอต้องกลับเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศก็เลยเกิดข้อจำกัด เพราะไม่ใช่พนักงานใหม่แต่ความเข้าใจในเนื้องานดันไม่ต่างจากพนักงานใหม่ ซึ่งในแต่ละตอนตัวละคร ทานากะ ก็จะถูกย้ายไปยังแผนกต่าง ๆ แล้วก็ใช้พลังงานอันล้นเหลือของเธอนี่แหละคอยสนับสนุนเพื่อนร่วมงาน
นอกจากนั้นซีรีส์ยังนำเสนอประเด็นอะไรที่ก้าวหน้าอีกหลายเรื่อง อย่างเรื่องของการ อืม....จะใช้คำว่าอะไรดี ขอใช้คำว่าเรื่องของการ "ก้าวข้ามเพศสภาพ" แล้วก็วัยวุฒิก็แล้วกันครับ ด้วยความที่สมัยนี้คนมีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ได้มีแค่ ชาย หญิง ยังมี LGBTQ+ และยังรวมถึง Cross Dress ที่มีรสนิยมแต่งกายข้ามเพศ ซีรีส์เลยมีความพยายามในการสร้างพื้นที่รวมให้คนทุกกลุ่มสามารถใช้ร่วมกันได้ รวมถึงในแง่ของการทำงานที่นำเสนอการผลักดันผู้หญิงในตำแหน่งสูงมากขึ้น
แต่ก็อย่างที่ผมบอกไปครับซีรีส์นำเสนอในเชิงบวกก็จริง ถึงอย่างนั้นก็มีความยอมรับกลาย ๆ ว่ามันไม่ง่ายในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ใช้วิธีนำเสนอแบบเข้าอกเข้าใจในข้อจำกัดและความยาก ถ้าเป็นเรื่องงานที่การมีครอบครัวกลายมาเป็นข้อจำกัด ก็ให้เหตุผลอธิบายมุมมองทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ในแง่ของการทำงานที่ผู้หญิงกลายมาเป็นหัวหน้าผู้ชาย ผู้หญิงอาจต้องใช้ความพยายามในการสร้างความยอมรับ ในมิติของผู้ชายที่อยู่ในสังคมอนุรักษ์นิยมมันก็มีความกดดันอยู่เหมือนกัน
หลังจากดูจบในแง่ของความบันเทิงผมว่าซีรีส์ทำออกมาได้สนุกทีเดียวครับ ในแต่ละตอนมันเป็นมิสชั่นให้ ทานากะ ได้แก้ไขสถานการณ์ ได้เรียนรู้อะไรต่าง ๆ มากขึ้น เป็นตัวละครที่สู้เพื่อความเปลี่ยนแปลงด้วยทัศนคติด้านบวก เป็นตัวละครที่ดูเหมือนพลังงานดูล้นเหลือ จุ้นจ้านไปทั่ว แต่กลับไม่น่ารำคาญ อย่างที่ผมเขียนถึงหลายครั้งกับคาแรคเตอร์ตัวละครทำนองนี้ ว่าถ้าหากนักแสดงเอาไม่อยู่เสน่ห์ไม่พอ มันจะกลายเป็นความน่ารำคาญไปแทน ซึ่งเสน่ห์ของ อิมาดะ มิโอะ เอาอยู่ พร้อมจะทำเรื่องที่เรารู้สึกว่าเยอะไปมั้ย แต่สุดท้ายเราก็จะมองว่าเออน่ารักอยู่ดี
หากจะให้สรุปถึงซีรีส์ผมว่าเหมาะกับคนทั้งกลุ่มอนุรักษ์และหัวก้าวหน้าเลยครับ ถึงจะบอกว่าซีรีส์พูดถึงในมุมของคนกลุ่มก้าวหน้าก็เถอะ เพราะเอาจริงมันก็เป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในยุคเปลี่ยนผ่านเจนเนอร์เรชั่น ที่ผู้คนมีความหลากหลายมากขึ้น การทำความเข้าใจมุมมองกันมันก็ไม่เสียหาย แถมซีรีส์ก็ยังสนุกแบบที่เอาจริงหากไม่พยายามจับประเด็นที่ซีรีส์นำเสนอ คนดูก็อาจไม่ทันสังเกตุเห็นเลยด้วยซ้ำครับ เพราะเอาจริงมันเป็นเรื่องพื้นฐานที่พูดกันมาเป็นสิบ ๆ ปี มันก็เปลี่ยนแปลงบ้างแหละแค่อาจจะช้าสักหน่อย
ขอบคุณภาพประกอบจากซีรีส์: Waru: Hataraku no ga Kakko Warui Nante Dare ga Itta? (2022)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น