วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2567

Review: 365: Repeat The Year (2020)

365: Repeat The Year (2020)

#Drama #Thriller 

  • Screenwriter: Lee Seo YoonLee Soo Kyung
  • Director: Kim Kyung Hee

      จีฮยองจู (Lee Joon Hyuk) นักสืบหนุ่มที่สร้างความเจ็บแค้นให้กับ โอมยองชอล คนร้ายที่เขาเคยรวบตัวดำเนินคดี จนติดคุกอยู่หลายปี ทว่าหลังจาก โอมยองชอล พ้นคุกออกมา เขาได้ล้างแค้น จีฮยองจู ด้วยการฆ่านักสืบรุ่นพี่คนสนิทอย่าง พัคซุนโฮ ทำให้ ฮยองจุน จมอยู่กับความทุกข์ใจ เพราะคิดว่าตัวเองเป็นสาเหตุ ที่ทำให้คนที่เคารพต้องเสียชีวิต จนตัดสินใจพักงานเป็นเวลานานหลายเดือน เมื่อ ฮยองจุน กลับมาเริ่มงานใหม่ได้ไม่นาน ในวันหนึ่งที่เขาออกมาเดินเล่นในสวนสาธารณะ ก็มีสายปริศนาโทรเข้ามาหา พร้อมกับบอกว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับรถไฟขบวนหนึ่งในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งมันก็มันก็เกิดเรื่องขึ้นมาตามที่ปลายสายได้บอกเอาไว้จริง ๆ 

โดยที่เสียงปลายสายนั้น ได้หยิบยื่นโอกาสให้เขา ได้ย้อนเวลากลับไปหนึ่งปีก่อนหน้านี้ นั่นจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ แม้ ฮยองจุน จะไม่ได้เชื่อสนิทใจกับสิ่งที่ได้ยิน แต่เขาก็มองเห็นแสงสว่างเล็ก ๆ ที่จะได้แก้ไขเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นในอดีต จึงตอบรับคำเชิญชวน ไปยังคลินิกจีอันสถานที่นัดหมาย เพียงแต่นอกจาก ฮยองจุน ที่ได้รับคำเชิญที่ว่าแล้ว เขายังได้พบกับคนอีก 8 คน ที่ได้รับคำเชิญเช่นเดียวกับเขา ทุกคนต่างถูกสุ่มเลือกมา จึงทำให้มีที่มาแตกต่างกันไป มีตั้งแต่วัยรุ่นยันคนแก่คนท้องและคนพิการ บางคนก็อยากกลับไปแก้ไขอดีตที่ผิดพลาด บางคนก็แค่อยากกลับไปซื้อหวย แต่ทุกคนอาจจะลืมไปว่าการกลับไปแก้ไขอดีต ผลลัพธ์มันอาจจะไม่สวยหรูอย่างที่ตั้งใจ เมื่อแต่ละคน ที่ได้ย้อนเวลากลับไป 1 ปีก่อนหน้า เริ่มทยอยตายอย่างเป็นปริศนาไปเรื่อย ๆ ทีละคน

ซีรีส์แนวสืบสวนอีกเรื่องหนึ่ง ที่หยิบเอาการข้ามเวลามาเป็นพล็อตหลัก แต่ถึงอย่างนั้นแม้จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการข้ามเวลา ซีรีส์ก็ไม่ได้ดำเนินเรื่องราวแบบไซไฟวิทยาศาสตร์ แต่เป็นมุมเรื่องราวเหนือธรรมชาติเสียมากกว่า เมื่อไม่ได้หยิบเอาเงื่อนไขหรือทฤษฎีเกี่ยวกับการข้ามเวลามาใส่เอาไว้เท่าไหร่ กลับนำเสนอออกมาในเรื่องของโชคชะตาร้าย ๆ ที่ตัวละครพยายามหลีกหนี เรียกว่าเป็นซีรีส์ที่มีภาพเหมือนจินตนาการหรือความฝัน คล้ายกับเวลาเราอ่านเรื่องสั้น ที่มีพล็อตแปลก ๆ หรือการที่เรานึกถึงคำว่า “What If” จะเกิดอะไรขึ้นถ้าทำตัดสินใจอีกแบบหนึ่ง ซึ่งผมว่าแม้เนื้อหาซีรีส์จะไม่อิงทฤษฎีข้ามเวลาอะไรก็จริง แต่การไม่อิงไม่นำข้อจำกัดต่าง ๆ มาใช้ ในมุมหนึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ซีรีส์มีอิสระ ไม่มีข้อจำกัดในการใส่ไอเดียเนื้อหาที่มันแฟนตาซีเข้ามาได้เต็มที่ครับ

ประเด็นดราม่าหลัก ๆ ของซีรีส์ ต้องบอกว่าแทบไม่ต่างจากหนังแนวย้อนเวลาเรื่องอื่น ที่ตัวละครอยากจะกลับไปแก้ไขข้อผิดพลาด สิ่งที่ไม่ตรงความต้องการของตัวเอง โดยซีรีส์ทำการชาเลนจ์ (Challenge) ตัวละคร ด้วยการให้พวกเขาพยายามหาทางเอาชนะโชคชะตาที่เหมือนถูกกำหนดผลลัพธ์มาแล้ว เมื่อทุกคนต้องตายตามลำดับที่เคยเกิดขึ้นผ่านมาแล้ว พูดมาถึงตรงนี้คงงงล่ะสิครับ ในเมื่อตายผ่านมาแล้วจะย้อนเวลากลับมาในอดีตอีกได้ไง แต่ไปดูกันเอาเองก็แล้วกันครับผมคงไม่สปอยให้ฟัง ตรงจุดนี้ฝ่ายตัวละครก็เลยต้องค้นหาคำตอบให้ได้ว่า ใครจะเป็นรายต่อไป ส่วนผู้ชมอย่างเรา ก็ลุ้นสนุกไปกับการที่ตัวละคร ต้องค้นหาความจริงว่าทำไมพวกเขาต้องย้อนเวลากลับมาเพื่อเจอกับเรื่องแบบนี้ด้วย แล้วการตายของแต่ละคน มันเป็นเพียงอุบัติเหตุหรือว่ามีใครอยู่เบื้องหลังกันแน่

หลังจากที่ดูจนจบผมมองว่าซีรีส์ 365: Repeat The Year เรื่องนี้ มีบางอย่างที่ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง Tunnel อุโมงค์ลับข้ามเวลา ซีรีส์สืบสวนข้ามเวลาที่สนุกอีกเรื่องหนึ่งตรงที่ แม้พล็อตหลักจะเป็นเรื่องราวเหนือธรรมชาติ แต่ในพาทของการสืบสวนซีรีส์ทำออกมาได้ดี น่าเชื่อถือ ดูไม่ใช้บทช่วยแถ ลมเพลมพัดมากเกินไป ถึงจะอดมีบ้างไม่ได้ในช่วงท้ายเรื่อง ที่ต้องขมวดปมต่าง ๆ แต่โดยรวมก็ถือว่าบทในพาทสืบสวนดูสมเหตุผลมีที่มาที่ไป อย่างตัวคนร้ายของเรื่องแม้จะดูเหตุผลในการกระทำเบาบางไปนิด แต่ในมุมของการเชื่อมโยงกับพล็อตข้ามเวลาและดราม่าระหว่างตัวละคร ก็ถือว่าซีรีส์ผูกปมได้ดีทีเดียวครับ การซ่อนตัวคนร้ายและปริศนาต่าง ๆ ซีรีส์ก็ทำได้ดีทีเดียว คือดูไปจนเกือบครึ่งเรื่องมีตัวละครเริ่มตายแล้ว ยังเดาไม่ออกเลยว่า ตกลงตัวละครทั้งหมดเกี่ยวข้องกันยังไง เรื่องราวมันจะไปทางไหนต่อ จะเป็นฆาตกรรม หรือแค่ชะตากรรมที่ตัวละครไม่อาจเลี่ยงได้

ดราม่าอีกประเด็นหนึ่งที่ซีรีส์ใส่เข้ามาอซึ่งซีรีส์ให้บทสรุปแบบเป็นทางแยกวัดใจเอาไว้ จะว่าไปมันเข้ากับเนื้อหาบางส่วน ในตอนท้ายของซีรีส์ดีเหมือนกันครับ เมื่อซีรีส์ให้บทสรุปไว้ ทั้งในมุมของการทำใจยอมรับชะตากรรมที่บอกว่า ในอนาคตข้างหน้าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เราต้องก้าวข้ามผลลัพธ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ตรงกับใจเราให้ได้ กับในอีกมุมหนึ่งที่ตัวละคร ไม่ยอมรับชะตากรรมที่เกิดขึ้น และเลือกที่จะวัดดวงกับการแก้ไขสิ่งผิดพลาดอีกครั้ง เพื่อหาทางแก้ไขเรื่องต่าง ๆ ให้ผลลัพธ์มันออกมาในทางที่ดี ส่วนตัวผมว่า การให้บทสรุปแบบนี้มันก็ดีเหมือนกันนะ เพราะคนเราเป็นปัจเจกบุคคล ผ่านประสบการณ์เรื่องราวต่าง ๆ มาไม่เหมือนกัน การให้บทสรุปแบบเป็นทางเลือก ที่ไม่ชี้นำมันก็เป็นอะไรที่แฟร์กับผู้ชมดีครับ

ในเรื่องของนักแสดงถือว่าแต่ละคน ทำออกมาได้ดีตามบทบาทของตัวเอง หากจะมีใครให้กล่าวถึงเป็นพิเศษสักหน่อย สำหรับผมคงจะเป็นตัวเอกของเรื่องอย่าง อีจุนฮยอก ที่รับบทเป็น จีฮยอนจู ซึ่งในทีแรกผมแอบตั้งคำถามกับตัวเองว่า ดูแล้วจะอินรึเปล่า เมื่อผมติดภาพเจ้าตัวมาจากซีรีส์เรื่อง Stranger ที่แสดงเป็น อัยการซอดงแจ ตัวร้ายจอมป่วน แต่พอได้ดูแล้วต้องบอกว่า อีจุนฮยอก ก็สลัดภาพจำที่เคยติดตาผมออกไปได้ ดูแล้วเชื่อได้กับคาแรคเตอร์นักสืบหนุ่ม ที่รักพวกพ้อง จนยอมเสี่ยงตายย้อนเวลากลับมาช่วยชีวิตคนอื่นได้ 

ในช่วงท้ายรีวิวผมคงจะสรุปว่า 365: Repeat The Year เป็นซีรีส์สืบสวนพล็อตเดินทางข้ามเวลาที่สนุกเรื่องหนึ่งเลยครับ นักแสดงอาจจะไม่ปังมาแบบเงียบ ๆ แต่ทำออกมาได้ดีลงตัวเรื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะบทที่น่าเชื่อถือหรือนักแสดงก็ทำหน้าที่ได้ดีทุกคน อีกข้อดีหนึ่งก็คือจำนวนตอนที่มีเพียง 12 ตอน ทำให้เนื้อหาไม่ยืดเยื้อเหมือนกับซีรีส์เกาหลี 16 ตอนเรื่องอื่น ที่มักจะมีช่วงดร็อปบ้าง ผลลัพธ์ที่ได้มันเลยสนุกกลมกล่อมพอดีเลยครับ


#SeriesReview #รีวิวซีรีส์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: Dreaming Back to the Qing Dynasty (2019)

Dreaming Back to the Qing Dynasty (2019) ฝันคืนสู่ต้าชิง #Drama   #Romance Director: Lee Kwok Lap, Wai Hong Chui, Chen Shu Liang Screenwrite...