วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2567

Review: Samjin Company English Class (2020)

Samjin Company English Class (2020)


#ปีนรั้วรีวิว #Comedy #Drama Director: Lee Jong-pil
      หนังเล่าเรื่องราวในปี 1995 อีจายอง (โกอาซอง), จองยูนา (อีซม) และ ชิมโบรัม (พัคฮเยซู) สามสาวเพื่อนซี้พนักงานบริษัทซัมจิน คอมพานี ทั้งสามคนทำงานมานานถึง 8 ปี ขยันขันแข็งเต็มที่ทุกอย่างเพื่อบริษัท แต่ทว่าพวกเธอและเพื่อนร่วมงานอีกหลายคนที่จบเพียงชั้นมัธยมปลาย กลายเป็นเพียงพนักงานระดับล่าง มีหน้าที่เพียงชงกาแฟ ถ่ายเอกสาร เดินแฟ้มล่าลายเซ็น แล้วก็ยืนฉีกยิ้มสวย ๆ ฟังประชุม โดยไม่สามารถออกความคิดเห็นอะไรข้ามหน้าคนในตำแหน่งสูงกว่าได้

แต่แล้วในวันหนึ่งบริษัทของพวกเธอก็ยื่นข้อเสนอให้กับพนักงานว่า หากใครสามารถสอบวัดผลภาษาอังกฤษ ได้คะแนนโทอิกตั้งแต่ 600 คะแนนขึ้นไป ก็จะได้รับการเลื่อนขั้นตำแหน่งขึ้นมาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการ แม้ลึก ๆ ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าอันที่จริงแล้วข้อเสนอที่ว่านี้ มันเป็นการบีบทางอ้อมให้พนักงานยอมลาออก เพราะคงไม่มีใครจะสอบโทอิกได้ 600 คะแนน ภายในเวลาสองเดือนเท่านั้น แต่ทั้งสามสาวและเพื่อนร่วมชะตากรรมทุกคนก็ไม่มีทางเลือกเป็นอื่น นอกจากไปเข้าครอสเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม

ในขณะที่ทุกคนต่างยุ่งอยู่กับการเรียนภาษา อีจายอง กับ ชเวดงซู (โจฮยอนชอล) ก็ได้รับมอบหมายให้ไปเก็บข้าวของ ของ โอแทยอง (เบคฮยอนจิน) ผู้จัดการคนใหม่ลูกชายของท่านประธานโอ จากโรงงานของบริษัทมายังสำนักงานใหญ่ แต่ทว่า อีจายอง ดันไปเห็นในเรื่องที่ไม่ควรเห็นเข้า เมื่อโรงงานของบริษัทที่ตัวเองทำงานอยู่ ดันปล่อยน้ำเสียออกมาในปริมาณมาก อีจายอง ก็เลยพยายามหาทางแจ้งเรื่องให้กับผู้เกี่ยวข้องได้ทราบ ซึ่งดูเหมือนว่าความพยายามของเธอมันจะได้ผลในทีแรก แต่แล้วเธอก็มารู้ความจริงเอาทีหลังว่า มันมีเบื้องหลังอะไรมากกว่าที่เธอเห็นซ่อนอยู่

หนังเกาหลีที่พาผู้ชมย้อนกลับไปสู่ยุค 90s ที่เกาหลี พยายามขยับอุตสาหกรรมภายในประเทศออกไปสู่ตลาดสากล ที่ความสำคัญของสกิลด้านภาษาเริ่มมีบทบาท ในการพิจารณารับคนเข้ามาทำงาน ในช่วงต้นเรื่องหนังทำให้คนดูเห็นเลยว่า สาว ๆ พนักงานระดับล่างเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญในงานที่ทำเอามาก ๆ บางคนอาจจะความสามารถสูงกว่าตำแหน่งที่ได้ทำด้วยซ้ำ อย่างตัวละคร ชิมโบรัม ที่สมัยมัธยมเคยแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิก ซึ่งหนังแอบแทรกค่านิยมของยุคเก่าเอาไว้อีกเล็กน้อย ที่คนยุคเก่ามักมองว่าผู้หญิงทำงานไม่กี่ปีเดี๋ยวก็แต่งงาน พอมีลูกก็ต้องลาออกไปเลี้ยงลูกอยู่บ้าน หนังเรื่องนี้ก็เลยหยิบเอามาสะท้อนความสามารถของผู้หญิงทำงาน ว่าพวกเธอก็มีความฝัน มีเป้าหมายในการทำงานเหมือนกันนะ ไม่ใช่แค่ทำงานเพื่อรอเวลามีครอบครัว แล้วลาออกไปเลี้ยงลูกอยู่บ้านแค่นั้น

ส่วนในแง่ของแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของหนัง ผมไปหาข้อมูลเหตุการณ์ปล่อยน้ำเสียตามเนื้อเรื่องมาแล้ว แต่คงจะกล่าวถึงเพียงเล็กน้อย ว่ามันเกิดขึ้นในปี 1991 ที่แม่น้ำนัคดงในจังหวัดคังวอน แต่บริษัทอะไรคงไม่ต้องทราบหรือใครอยากทราบก็ไปหาข้อมูลกันเอง ฮ่าฮ่า ส่วนรายละเอียดของเรื่องจริงกับภายในหนังเรื่องนี้ เหมือนหรือแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน ในส่วนนี้ผมหาข้อมูลไม่ได้จริง ๆ ครับ

การดำเนินเรื่องของหนังอยู่ในธีมตลกเกือบ 100% แทบจะไม่ได้ใส่พาทดราม่าอะไรเข้ามาเลย ด้านหนึ่งมันก็ดีนะครับอารมณ์ตอนดูมันไหลลื่นดูได้ เพลิน ๆ แต่ด้านกลับกันมันก็แอบโหวงเหมือนกัน ที่ไม่มีจุดพีคหรือจุดเปลี่ยนที่เล่นกับความรู้สึกคนดูบ้างเลย แบบว่ากราฟอารมณ์ความสนุกตอนดูมันเท่ากันตั้งแต่ต้นจนจบ ส่วนนี้ของหนังมันก็เลยแล้วแต่รสนิยมของคนดูล่ะครับ ว่าชอบแบบไหนระหว่างดูเอาขำ ๆ มีสาระแต่เนื้อหาไม่หนัก หรือชอบแบบที่ผสมดราม่าเข้ามาสร้างสีสันเล่นกับความรู้สึกคนดูบ้าง

ส่วนนักแสดงนำของเรื่องผมขอพูดถึง อีซม กับ โกอาซอง ก่อนก็แล้วกันนะครับ ส่วน พัคฮเยซู จะขอแยกกล่าวถึงทีหลัง สำหรับสองคนนี้หากใครเป็นแฟนบันเทิงเกาหลี คงรู้อยู่แล้วว่าพวกเธอเป็นสายฝีมือ แสดงหนังแนวเฉพาะทางฟอร์มเล็กหรือฟอร์มใหญ่ก็ผ่านมาหมดแล้ว ส่วนในหนังเรื่องนี้น้ำหนักจะเทให้กับตัวละคร อีจายอง ที่รับบทโดย โกอาซอง เป็นหลัก แต่โดยภาพรวม อีซม กับ พัคฮเยซู บทบาทก็ไม่ได้น้อยกว่ากันเท่าไหร่ครับ

คาแรคเตอร์ทั้งสามคนจะต่างกันอย่างชัดเจน อีจายอง เป็นเทพแห่งงานรูทีน เธอเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้มุ่งมั่นพยายามกับสิ่งที่ทำเสมอ เหมือนกับเรื่องที่เธอพบความผิดปรกติของบริษัทตัวเอง เธอก็ไม่ยอมปล่อยผ่าน ส่วน จองยูนา ที่รับบทโดย อีซม ตัวละครนี้เป็นเหมือนตัวแทนสาวมั่น ของยุค 90s ที่ถูกกดไว้ด้วยวุฒิการศึกษา เมื่อเธอมีไอเดียมีศักยภาพจะไปได้ไกลกว่าจุดที่เป็นอยู่ ตัวละครนี้จะมีบางฉากตั้งแต่ช่วงต้นเรื่อง ที่สะท้อนตัวตนของตัวละครนี้ได้ดี ฉากที่พนักงานสาว ๆ แต่ละคน แข่งขันกันทำเวลาในการชงกาแฟ ซึ่งคนที่ทำได้ดีเสมอก็คือ อีจายอง ส่วน จองยูนา กลับไม่สนใจที่จะทำมันและนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ เพราะเธอคิดว่ามันไร้สาระที่จะมีแข่งขันอะไรกันแบบนี้

มาถึงตัวละคร ชิมโบรัม ที่รับบทโดย พัคฮเยซู กันบ้าง ตัวละครที่มีส่วนคล้ายกับ จองยูนา ก็ตรงที่มีความสามารถมีศักยภาพในตัวเอง เพียงแต่สิ่งที่สองตัวละครนี้ต่างกันก็คือ คนหนึ่งเป็นสายไอเดีย ส่วนอีกคนเป็นสายวิชาการที่ออกจะเนิร์ดไม่คล่องตัว ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องทางโลก แต่เก่งในเรื่องที่ตัวเองถนัดเพียงอย่างเดียว ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมต้องแยก พัคฮเยซู เอามาพูดถึงทีหลัง ก็เพราะเธอมีดราม่าที่แอบไม่เล็กเลย จนทำให้ซีรีส์ Dear M ที่ได้รับเลือกให้เป็นนางเอกโดนระงับออกอากาศไปซะงั้น ส่วนข่าวดราม่าจริงเท็จมากน้อยแค่ไหน เรื่องอะไร ก็ไปหาตามข่าวกันเอาเองแล้วกันครับ เรื่องราวก็ผ่านมาสักพักนึงแล้วไม่รู้ว่ามีบทสรุปออกมาหรือยัง

มาถึงช่วงท้ายรีวิวแล้วผมขอสรุปถึงหนังเรื่องนี้เลยก็แล้วกันครับ ผมว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่พูดถึงเรื่องซีเรียสจริงจัง ออกมาได้บันเทิงเรื่องหนึ่งเลยครับ คือเนื้อหาทั้งในพาทชีวิตการทำงานของผู้หญิง และเรื่องการรั่วไหลของสารเคมีมันเป็นอะไรที่ซีเรียสมาก แต่หนังก็ทำออกมาได้เบาสมองแต่ไม่เบาบาง เนื้อหายังจับต้องได้ หนังก็เลยมีทั้งสาระแล้วก็ความบันเทิงที่กำลังดีเลยล่ะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: All of Us Are Dead (2022)

 All of Us Are Dead (2022) มัธยมซอมบี้ Screenwriter:  Chun Sung Il Director:  Lee Jae Gyoo       ซีรีส์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธ...