วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Bokura no Gohan wa Ashita de Matteru (2017)

Bokura no Gohan wa Ashita de Matteru (2017)
#ปีนรั้วรีวิว #Drama #Romance

      เมื่อความรักกับการพลัดพรากเป็นของคู่กัน เชื่อว่าหลายคนก็คงยอมเลือกที่จะมีความรัก  แม้ไม่รู้ว่าจะได้อยู่ด้วยกันไปอีกนานแค่ไหน แต่ก็จะมีบางคนที่อาจจะเลือกไม่มีความรัก เพราะหากเราไม่เคยมีความรักมาก่อนแล้ว  เราก็จะได้ไม่ต้องสูญเสียมันไป นั่นเพราะเราไม่เคยรู้จักกับมันมาก่อน

      ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกของเด็กหนุ่มที่ชื่อ เรียวตะ ฮายามะ (
ยูโตะ นากาจิมะ) คนที่เงียบขรึมเก็บตัวไม่สุงสิงกับใคร วันๆเอาแต่อ่านหนังสือที่มีแต่คนตาย นั่นก็เพราะเมื่อหลายปีก่อน ฮายามะ ต้องสูญเสียพี่ชายของตัวเองจากโรคมะเร็ง จึงเป็นสาเหตุให้เขาไม่อยากที่จะผูกมิตรกับใคร  เพราะไม่ต้องการที่จะรับรู้ความรู้สึกสูญเสียแบบนั้นอีกครั้ง  แต่ในเช้าวันหนึ่งที่เพื่อนร่วมห้องอย่าง โคฮารุ อุเอมุระ (ยูโกะ อารากิ) เดินเข้ามาชวนแกมบังคับให้ ฮายามะ ลงแข่งขันกีฬาสีกับเพื่อนๆ ที่ ฮายามะเอง ก็ปฏิเสธเธอไม่ลงจึงต้องยอมร่วมซ้อมและลงแข่งขันด้วย 

      เมื่อการแข่งขันจบลง อุเอมุระ ได้ตัดสินใจสารภาพรักกับ ฮายามะ ซึ่งพ่อหนุ่มที่กลัวการสูญเสียของเราก็ปฏิเสธสาวน้อยได้ลงคอ แต่ไปๆมาๆ ฮายามะ คงได้กลับไปตีลังกานอนคิดมาหลายคืน ไม่นานจึงได้ย้อนกลับมาเพื่อบอกความรู้สึกกลัวในใจของตัวเอง และขอคบกับ อุเอมุระ หลังจากนั้นทั้งสองคนก็คบกันเรื่อยมาจนถึงมหาลัย 

***เปิดเผยเนื้อหาบางส่วน***
**

      แต่หลังจากที่คบกันเป็นแฟนได้ 3 ปี จู่ๆ อุเอมุระ ก็นัด ฮายามะ ออกมากินข้าวและบอกเลิกกับเขาแบบไม่ให้ทันได้ตั้งตัว และไม่ยอมแม้แต่จะอธิบายเหตุผล หลังจากที่คบกันมานานสุดท้ายแล้ว ฮายามะ ก็ได้เจอกับความสูญเสียที่ตัวเองหวาดกลัวมาตลอดจนได้

      เชื่อว่าหลายๆคนคงเป็นแบบ ฮายามะ กับการที่เราไม่อยากที่จะรู้สึกอะไรกับใคร หรือรู้สึกผูกพันกับสิ่งไหน  เพราะหากเราไม่เคยมีสิ่งนั้นแล้วเราก็ย่อมไม่ต้องสูญเสียมันไป แต่กับเรื่องความรักแล้วเมื่อมันเกิดขึ้นมา  ก็คงยากที่จะต้านทานพลังของมันได้ ฮายามะ เองถึงได้ตัดสินใจคบกับ อุเอมุระ เพราะสำหรับ ฮายามะ แล้วเธอก็ไม่ต่างจากยาวิเศษที่ทำให้เขากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

      แต่ไม่ใช่แค่ ฮายามะ คนเดียว ที่มีปมความรู้สึกในใจ  เมื่อ อุเอมุระ เองก็เป็นเด็กสาวที่ไม่มีทั้งพ่อและแม่ เธออาศัยและโตมากับยายเพียงแค่สองคนเท่านั้น  เมื่อเป็นเช่นนั้น อุเอมุระ ที่มีความคิดว่า คนเรามีโอกาสสร้างครอบครัวได้สองครั้ง  ครั้งแรกก็คือตอนเด็กที่เธอไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับมันแล้ว และครั้งที่สองในตอนโตที่เธอจะได้สร้างครอบครัวของตัวเอง มันจึงสร้างความคาดหวังกดดันให้กับตัวเองในการคบกับ ฮายามะ ที่มันไม่ใช่แค่ความฝันของตัวเองเท่านั้น  แต่ยังรวมถึงการแบกรับความรู้สึกกลัวลึกๆของฝ่ายชายอีกด้วย

      หนังเรื่องนี้ไม่รู้ว่า KFC เป็นสปอนเซอร์ให้ด้วยหรือเปล่านะ เพราะถูกใช้มาเป็นกิมมิคหลักของเรื่อง ทั้งตัวหุ่นผู้พันแซนเดอร์ที่ตั้งอยู่หน้าร้าน รวมทั้งไก่ทอดเมนูหลักของร้านอีกด้วย ฉากที่ชอบที่สุดของหนังก็คงจะเป็นฉากที่ ฮายามะ ไปแบกผู้พันมาให้กับ อุเอมุระนี่แหละ

      ความรู้สึกอีกอย่างนึงของหนังที่ชอบก็คือ ตอนที่ ฮายามะ คุยกับป้าคนนึงแล้วทั้งประโยคและความรู้สึกที่ได้เปิดใจคุยกัน มันกลับทำให้ ฮายามะ เข้าใจความรู้สึกของตัวเองและ อุเอมุระ รวมทั้งอีกด้านนึงก็ทำให้คนดูอย่างเราเข้าใจถึงการรู้สึก"รัก"….ได้อีกแง่มุมนึงนะ  เพราะเมื่อเรารักใครแล้วเราจะยอมทำแม้เรื่องน่าอายที่เราไม่เคยทำต่อหน้าคนอื่น  หากมันเป็นการทำไปเพื่อคนทที่เรารัก

      หากจะพูดถึงอารมณ์หนังแล้วส่วนตัวมองว่าดูได้เรื่อยๆ  แม้จะไม่หวือหวาแต่ก็ไม่มีช่วงไหนน่าเบื่อ เอาจริงๆหนังเองเซอร์วิสคนดูน้อยมาก  เพราะตัวละครเอกทั้งสองคนชั่งไม่มีความโรแมนซ์เอาซะเลย คงจะบอกได้ว่าหากใครที่คิดว่าดูแล้วหวังจะได้จิ้นฟินๆก็อาจจะผิดหวังซักหน่อย

      อย่างที่บอกไปว่าทั้งสองตัวเอกเองเป็นคนมีปมด้วยกันทั้งคู่ กว่าจะเปิดใจคบกันกว่าจะเปิดใจรักกันว่ายากแล้ว แต่การรู้หัวใจตัวเองและพูดความรู้สึกออกไปมันยากยิ่งกว่า เราจึงได้เห็นภาพของการพึ่งพากันและความใกล้ชิดของทั้งคู่ แต่เราก็ยังรู้สึกได้ถึงช่องว่างระยะห่างของทั้งสองคนอยู่เสมอ

      สรุปแล้ว Bokura no Gohan wa Ashita de Matteru (2017) ถึงแม้หนังอาจจะไม่ได้เซอร์วิสความโรแมนติกให้กับคนดูก็จริง แต่ความไม่โรแมนติกตลอดเรื่องของทั้งตัวละครและหนังนี่เอง ทำให้เมื่อถึงไคล์แม๊กซ์แล้ว  เมื่อกำแพงหรือผนึกถูกทำลายลงความรู้สึกต่างๆมันถึงได้พรั่งพรูออกมาจนหมดสิ้น

#MovieReview #รีวิวหนัง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: #Alive (2020)

 #Alive (2020) คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ Screenwriter & Director:   Jo Il Hyung       ตั้งแต่ทั่วโลกได้รู้จักกับ Train to Busan ก็ต้องบอกว่า ไม...