วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2561

To Each His Own (2017)

To Each His Own (2017) รอเดี๋ยวนะ ตอนนี้ขอไปลาออกจากงานก่อน
#ปีนรั้วรีวิว #Comedy #Drama

      หาก “ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน” แล้วถ้างานที่เราทำอยู่มันฉุดรั้ง หรือว่ากำลังทำลายชีวิตของเราอยู่ล่ะ ชีวิตของเราจะยังเรียกได้ว่ามีคุณค่าอยู่ไหม

      อาโอยามะ (
หนุ่มบ้านนอกที่ย้ายมาอยู่เมืองใหญ่ตามลำพังเพื่อทำงานเป็นพนักงานบริษัท แต่การทำงานของพ่อหนุ่ม อาโอยามะ นั้นก็มักจะมีแต่เรื่องผิดพลาดอยู่เสมอ แถมบริษัทที่เจ้าตัวทำงานอยู่นั้นก็ยังเคี้ยวลากดิน มักจะลงโทษพนักงานที่ทำผิด ไม่ว่าจะถูกด่า ดูถูก ต่างๆนาๆ แถมยังถูกหักเงินเดือนเป็นประจำ แล้วความอดทนของ อาโอยามะ ก็เหมือนกำลังจะถึงขีดสุดที่จะทนไหวแล้ว

      ในวันหนึ่งขณะยืนรอรถไฟเพื่อเดินทางกลับบ้าน อาโอยามะ ก็ยืนครุ่นคิดว่าทำไมการมีชีวิตมันถึงยากเหลือเกิน หากค่าของคนมันอยู่ที่ผลของงาน และหากเขาลาออกกลายมาเป็นคนตกงาน ชีวิตของเขาจะยังมีค่าอยู่หรือเปล่า ขณะเดียวกันขาของ อาโอยามะ ก็กำลังเดินก้าวเข้าไปหารางรถไฟเฉียดความตายเข้าไปทุกที แต่ขณะที่ อาโอยามะ กำลังจะถูกรถไฟชนจู่ๆเขาก็ได้ชายคนหนึ่งช่วยดึงเขาเอาไว้ได้ แล้วก็พูดออกมาว่า “นี่ยามาโมโตะไง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” 
      ซึ่ง ยามาโมโตะ () ก็คือเพื่อนสมัยประถมของ อาโอยามะ หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นทั้งสองคนก็กลายมาเป็นคู่ซี้ ที่ ยามาโมโตะ ช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ อาโอยามะ กลายเป็นคนคิดบวกจนส่งผลให้หน้าที่การงานดีขึ้น แต่ไม่นานจากนั้น อาโอยามะ ก็ได้รู้ความจริงบางอย่างของ ยามาโมโตะ ว่าชายคนนี้ไม่ใช่เพื่อนของเขาในสมัยประถม แต่ที่ยิ่งกว่านั้นชายคนที่อยู่ตรงหน้าเขาเสียชีวิตมานานถึง 3 ปีแล้ว เอาไงดีล่ะทีนี้…..มีเพื่อนกับเขาทั้งทีก็ยังกลายเป็นผีไปซะได้

*****เปิดเผยเนื้อหาบางส่วน*****
**

      น่าจะเรียกว่าเป็นหนังที่สะท้อนความเครียดในการทำงานของผู้คนได้นะ  เมื่องานมันกลายเป็นสิ่งจำเป็นและสิ่งสำคัญในชีวิต คุณค่าของผู้คนถูกกำหนดผ่านผลลัพธ์ของเนื้องาน อาโอยามะ คนที่เคยคิดแค่เพียงพยายามทำงานตามหน้าที่ของตัวเองไปวันๆ เพื่อรักษาคุณค่าของชีวิตเอาไว้ แต่การที่เขาเป็นคนทำงานไม่เก่งคุณค่าในสายตาของเจ้านายมันก็ย่อมน้อยลงตามไปด้วย

      แต่เมื่อถึงวันหนึ่งที่ อาโอยามะ ได้เจอกับ ยามาโมโตะ คนที่เปลี่ยนแปลงให้เขามีทัศนะคติมุมมองต่อชีวิตดีขึ้น ทำให้เรื่องงานของ อาโอยามะ ก็ดีขึ้นเป็นลำดับ แต่กลายเป็นว่ามันก็พาให้เขาต้องเจอกับปัญหาใหม่ในที่ทำงาน

      และ อาโอยามะ เองไม่ใช่เพียงคนเดียวในเรื่องที่ได้รับผลกระทบจากความกดดันในการทำงาน ยังรวมทั้ง อิการาชิ (
รุ่นพี่ในที่ทำงานของ อาโอยามะ ที่ยิ่งเธอทำผลงานได้ดีเท่าไหร่ ก็ยิ่งกดดันในการพยายามรักษาระดับผลงานเอาไว้ รวมทั้งยังต้องทำให้มันดียิ่งยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมอีก และหากไม่สามารถทำผลงานของตัวเองให้ดีขึ้นได้ทางเลือกเดียวที่มีก็คือ หาทางกดผลงานของคนอื่นเอาไว้เสมอเพราะเมื่อไหร่ที่ใครมีผลงานขยับเข้าใกล้เธอมากขึ้น เจ้านายก็จะต้องมากดดันเธอให้ทำผลงานดียิ่งขึ้นไปอีก
      ในส่วนของผี ยามาโมโตะ ขอไม่กล่าวถึงเพราะเดี๋ยวจะเป็นการสปอยเนื้อหาของหนังมากไปเปล่าๆ เพียงแค่อยากจะบอกว่าชีวิตของ ยามาโมโตะ จุน นั้นก็ไม่ต่างจาก อาโอยามะ เท่าไหร่ เพราะเป็นคนที่จริงจังกับตัวเองและจริงจังกับงานมาก จนบางครั้งก็ทำให้หลงลืมที่จะมองเห็นสิ่งสำคัญอื่นๆที่อยู่รอบๆตัวเอง สุดท้ายแล้ว ยามาโมโตะ จุน ถึงได้คิดว่าชีวิตนี้มันยากจนตัดสินใจจบชีวิตของตัวเอง

      ชอบคำถามหนึ่งที่ ยามาโมโตะ ถาม อาโอยามะ นะว่า “ระหว่างการลาออกจากงานกับการฆ่าตัวตายอันไหนมันง่ายกว่ากัน” เรียกว่าเป็นคำถามง่ายๆที่ใครก็คงตอบได้มีคำตอบในใจกันอยู่แล้ว

      แม้ในตอนท้ายเรื่องกับคำด่าของเจ้านาย อาโอยามะ จะมีสะดุดใจเราบ้างเหมือนกัน ที่ว่า ”สุดท้ายแล้วพวกคนรุ่นใหม่ก็ไม่เอาไหน แค่นี้ก็ไม่สามารถรับความกดดันได้ คิดว่าหางานใหม่มันง่ายนักหรือไง” มันก็ช่วยให้เราตั้งคำถามกับตัวเองได้ดีอีกด้านหนึ่งนะว่า ที่เราอดทนทำมามันพอแล้วหรือยัง งานที่ทำอยู่นี้มันมีความจำเป็นกับเรามากแค่ไหน สุดท้ายแล้วมันก็มีแค่เราเองนี่แหละที่จะตอบตัวเองได้ว่าเรา ควรจะพอกับงานที่ทำอยู่นี้ได้แล้วหรือยัง

      ส่วนตัวแล้วค่อนข้างชอบหนังตั้งแต่ต้นเรื่องเลยนะทั้งในมุมของแง่คิดและพล็อตของเรื่อง แต่หากจะมีสิ่งที่ข้องใจที่สุดเห็นจะเป็นตอนจบของหนังที่เลือกจบในแบบนั้น เพราะส่วนตัวมองว่าทั้งสองคนน่าจะมีเส้นทางให้เดินไปแตกต่างกัน แต่กลายเป็นว่าหนังทำให้ อาโอยามะเลือกทางเส้นเดียวกับ ยามาโมโตะ เอาจริงมันก็ไม่ได้ผิดนะกับทางที่เลือก เพียงแค่รู้สึกว่าคนเรามีหนทางให้เดินแตกต่างกันเท่านั้นเอง

      สรุปแล้ว To Each His Own (2017) เป็นหนังที่เหมาะสำหรับคนที่อยู่ในวัยทำงานนะ ยิ่งกับคนที่งานหนักงานเครียดชีวิตวุ่นวายหาทางออกไม่เจอ แต่อาจจะไม่เหมาะกับวัยเรียนเท่าไหร่ เพราะดูแล้วอาจจะทำให้หลอนไปก่อนที่จะได้เรียนจบมาทำงานกันจริงๆซะก่อน 555

#MovieReview #รีวิวหนัง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: #Alive (2020)

 #Alive (2020) คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ Screenwriter & Director:   Jo Il Hyung       ตั้งแต่ทั่วโลกได้รู้จักกับ Train to Busan ก็ต้องบอกว่า ไม...