Unstoppable (2018) เมียพี่ใครอย่าแตะ
#ปีนรั้วรีวิว #Action #Crime Director: Kim Min-Ho ดงชอล (มาดงซอก) พ่อค้าขายส่งอาหารทะเลแช่แข็ง เขาตัดสินใจลงทุนครั้งสำคัญกับนายหน้านำเข้ากุ้งมังกร แต่ดูเหมือนว่านายหน้าคนนั้นเริ่มไม่น่าไว้วางใจ แต่เขาก็ยังมั่นใจในการลงทุนครั้งนี้ของตัวเอง โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านจาก จีซู (ซงจีฮโย) ภรรยาของเขา
ขณะที่นั่งเถียงกันไปในรถสองผัวเมียประสบอุบัติเหตุเล็กน้อย เมื่อมีรถขับมาชนท้าย เพียงแต่รถคันนั้นดันเป็นของมาเฟียเงินกู้นอกระบบ ที่กำลังจับสาวน้อยคนหนึ่งขังไว้ในรถ กลายเป็นสถานการณ์คับขัน ทำให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นระว่างรถทั้งสองคัน ซึ่งตัวแปลความวุ่นวายที่ว่าก็คือ จีซู ภรรยาของ ดองซอล ซึ่งเธอคงคาดไม่ถึงว่าการกระทำของเธอในคืนนั้น มันจะทำให้เธอเองกลายเป็นเป้าหมายของ มาเฟีย กลุ่มนี้ ที่หมายจะจับเธอไปเพื่อเอาคืน หนังแอคชั่น ระทึกขวัญ ของพี่บึกมาดงซอก จากที่ได้ดูตัวอย่างแล้วผลงานก่อนหน้านี้ของพี่แก ก็ทำให้ตั้งความหวังไว้กับหนังพอสมควร แต่พอได้ดูแล้วก็แอบผิดหวังเล็กน้อยนะ คือฉากแอคชั่นของหนังถือว่ายังสนุกตามมาตรฐาน แต่บทหนังการเล่าเรื่องอะไรต่าง ๆ มันราบเรียบ ธรรมดาและเป็นเส้นตรงเกินไป คาแรคเตอร์ตัวละครไม่มีเสน่ห์ ผลที่ได้ออกมาถึงงานแอคชั่นจะยังดุเดือด แต่มันก็แอบจืดอยู่พอสมควรสำหรับภาพรวมของหนัง
คาแรคเตอร์ของมาดงซอกในเรื่องนี้ แทบไม่ต่างจากใน The Outlaw (2017) เถื่อนเหนือกฎหมาย เลย ที่ขายแอคชั่นบุกตะลุยเดี่ยวกระทืบตัวร้ายยกฝูง แต่บทบาทใน The Outlaw (2017) นั้นตัวละครของเขามีมิติมากกว่า เมื่อรับบทเป็นนายตำรวจกังฉินด้านนึงก็รับเงินมาเฟีย อีกด้านก็ทำหน้าที่ปรามปรามอิทธิพลเถื่อน
ส่วนใน Unstoppable (2018) ด้วยความที่หนังไม่ได้ปูเบื้องหลังตัวละครมาก่อน แถมในตอนแรก ๆ ก็ทำให้ตัวละคร ดงชอล ดูเชื่อง ๆ ไม่มีพิษมีภัย เมื่อถึงคราวบู๊แหลกมันเลยดูไม่มีที่มาที่ไป จู่ ๆ พี่แกก็องค์ลงเก่งเทพขึ้นมาซะอย่างนั้น
การเล่าเรื่องของหนังก็ง่ายและติดตลกเกินไปในบางครั้ง ทำให้สถานการณ์คับขันที่คนดูจะเอาใจช่วยตัวละครจึงแทบไม่มีเลย ช่วงที่เป็นการสืบสวนตามหาเมียก็เล่าไม่สนุก เพราะว่าหนังไม่ได้ปิดบังคนดูว่าใครคือคนร้าย มีเพียงแค่ตัวละครในหนังเท่านั้นที่ไม่รู้ พอเนื่อเรื่องเป็นแบบนี้ แล้วหนังเล่าได้ไม่ได้น่าติดตามมากพอ เลยแอบน่าเบื่ออยู่เหมือนกันในช่วงกลางเรื่อง
มาถึงจุดขายหลักของหนังที่ทำได้ดีที่สุด สนุกที่สุดแล้วกัน สิ่งนั้นก็คือ ฉากแอคชั่นที่ ดุเดือด มันส์เอามาก ๆ เอาจริงหนังทำได้สนุกเทียบเคียงใน The Outlaw (2017) เลยนะ คืออัดใส่กันไม่ยั้ง ต่อยเป็นต่อย ทุบกันกลิ้งเป็นลูกขนุน แต่จุดที่มันพาฉากแอคชั่นให้ความสนุกดรอปลง ก็เป็นเนื้อเรื่องที่ผ่านมานั่นแหละ ที่ทั้งหลวมทั้งง่ายดายไปเสียหมด แถมพระเอกยังเก่งเวอร์ซะอีก พี่บึกเล่นเทพแบบจะไม่ให้คนดูได้ลุ้นอะไรเลย สรุปแล้ว Unstoppable (2018) ส่วนตัวผมเองแอบผิดหนังนะ คือ มาดงซอก หรือนักแสดงคนอื่น พวกเขาทำได้ตามมาตรฐานของตัวเอง แง่มุมนักแสดงไม่มีใครแย่เลย แต่ที่จืดมากเลยก็คือการเล่าเรื่องนี้แหละ ไม่สนุก ตื่นเต้น น่าลุ้นเอาใจช่วยซะเลย ถ้าไม่ได้ฉากแอคชั่นช่วงท้ายเรื่อยช่วยเอาไว้ หนังคงจะสนุกน้อยลงไปกว่านี้อีกเยอะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น