วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2563

The Negotiation (2018)

 The Negotiation (2018) คู่เดือด เจรจาฟอกนรก

#ปีนรั้วรีวิว #Action #Crime #Thriller Director: Jong-suk Lee
      ฮาแชยุน (ซนเยจิน) สารวัตรชุดเจรจาต่อรอง ถูกเรียกตัวด่วนมายังสถานที่เกิดเหตุบ้านของ ยูยอนจู (Lee Jia) เมื่อเธอและสามีถูกคนร้ายจับเป็นตัวประกันไว้ในบ้าน แต่จากการประสานงานที่ผิดพลาดระหว่างเธอกับหัวหน้าจอง (Lee Moon-sik) ทำให้ทั้งคนร้ายและตัวประกันต่างเสียชีวิตด้วยกันทั้งหมด หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไป แซยุน ถอดใจกับการทำงานเจรจาต่อรองชีวิตของผู้คน เธอตัดสินใจยื่นใบลาออกจากการเป็นตำรวจ แต่ว่าการลาออกของเธอยังไม่ทันได้รับการอนุมัติ แชยุน ก็ถูกเรียกตัวด่วนอีกครั้ง

เพียงแต่งานมันหินกว่าเดิม เมื่อตัวประกันในครั้งนี้ก็คือ หัวหน้าจอง และ นักข่าวอีซังม๊ก (Jung In-Gyeom) ที่ทั้งสองคนถูกจับตัวระหว่างเดินทางมายังประเทศไทย คนที่ควบคุมตัวบุคคลทั้งสองไว้ก็คือ มินแทกู (ฮยอนบิน) พ่อค้าอาวุธข้ามชาติที่กบดานอยู่ในแทบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทันทีที่ทั้งสองคนประจันหน้ากันผ่านหน้าจอ แชยุน ที่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องทั้งหมด จึงตกเป็นฝ่ายเดินตามเกมของ มินแทกู ตลอดเวลา

เธอจึงพยายามสอบถามข้อมูลเอาจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่อยู่ที่นั่น แต่กลับไม่ได้ข้อมูลอะไรกลับมาเลย กระทั่ง มินแทกู แสดงให้ แชยุน เห็นว่าเขาเอาจริงและทำอะไรได้บ้าง เธอจึงรู้แล้วว่าเกมเจรจาครั้งนี้เดิมพันของเธอสูงกว่าครั้งไหนๆ เมื่อชีวิตของตัวประกันแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่คนของฝ่ายตัวเองกลับปิดบังความลับอะไรเอาไว้เช่นเดียวกัน
      หนังที่ในทีแรกคาดหวังความสนุกไว้ค่อนข้างน้อยพอสมควรนะ ด้วยความที่เป็นหนังแนวเจรจาแน่นอนว่าคงเน้นที่บทพูด และสถานการณ์คับขันมากกว่าฉากแอคชั่น แล้วที่ผ่านมาเอาจริงๆหนังแนวนี้ของทางเอเชียเราเองก็ไม่ค่อยมีทำออกมาเท่าไหร่ เลยเตรียมใจไว้ก่อนดูระดับหนึ่ง

แต่พอได้ดูแล้วเอาตรงๆเลยช่วง 40 นาทีแรก ก็ใจคอไม่ดีเหมือนกันนะว่าจะไม่สนุก ด้วยความที่คนดูเองไม่ต่างจากตัวละคร ฮาแชยุน ที่ไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย ทำให้ช่วงแรกของหนังยังมองไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร จุดประสงค์ของการจับตัวประกันครั้งนี้ มินแทกู ต้องการอะไร

แต่พอผ่าน 40 นาทีแรกไปได้แล้ว หนังเริ่มเปิดเผยปมเรื่องที่แท้จริงของตัวเองออกมา ความสนุกก็เพิ่มขึ้นมาได้มากทีเดียวกับการพยายามหาความจริงของ แชยุน และอีกด้านหนึ่งเธอก็ต้องหาทางยับยั้ง มินแทกู เอาไว้ให้ได้ด้วย ส่วนตัวโอเคกับพล็อตนะแผนการของ มินแทกู ก็ดีไม่ไก่กาไม่ได้มาเล่น ๆ กลวง ๆ

แต่ไดอะล็อกบทสนทนาระหว่าง แชยุนกับมินแทกู มันทำให้เธอดูเป็นลูกไล่เป็นฝ่ายตามตลอดเวลา การเชือดเฉือนบทบาทระหว่างสองตัวละครเอก มันเลยไม่ส่งหนังมากเท่าที่ควร ยิ่งพออะไร ๆ คลี่คลายหมดแล้ว แชยุนกับคนดู อย่างเราความรู้สึกคงแทบไม่ต่างกัน เมื่อเปลี่ยนเป็นเอาใจช่วย มินแทกู เสียเอง

เพราะปรกติของหนังแนวเจรจาแบบนี้แล้ว ถึงต่อให้เป้าหมายที่แท้จริงของการจับตัวประกันจะเป็นอะไร หนังก็มักใส่การเชือดเฉือนบทบาทของสองตัวละครเอกที่ยืนอยู่คนละฝากฝั่ง ไม่ว่าจะเพื่ออุดมการณ์หรือความแค้นส่วนตัวก็ตาม แต่กับ The Negotiation (2018) เรื่องนี้หากจะมีข้อให้ตินอกจาก 40 นาทีแรกที่พลาดอย่างแรงแล้ว ก็คงจะเป็นบทสนทนาระหว่างสองตัวละครเอก ที่มันไม่สะท้อนเอกลักษณ์ของหนังแนวนี้ เมื่อฝ่ายหนึ่งได้แต่เดินตามแผนการของอีกฝ่ายโดยตลอด

นอกจากสองเรื่องที่บ่นมาอย่างอื่นในหนังเรื่องนี้ก็ถือว่าเอาอยู่ทั้งหมด ไม่ว่าจะการแสดงของ ซนเยจิน ที่รับบทเป็น แชยุน และ ฮยอนบิน ที่รับบทเป็น มินแทกู กับ ซนเยจิน ถือว่าก็ตามมาตรฐานอาจจะไม่ได้มีอะไรพิเศษมากเท่าไหร่

แต่กับ ฮยอนบิน ถือเป็นการพลิกบทบาทมาก็ว่าได้ เมื่อต้องรับบทเป็นคนร้ายที่ เอาจริง ๆ เลยนะลีลาท่าทางยียวนกวนบาทาใช้ได้เลย คือเขาสามารถแสดงให้คนดูเชื่อได้ว่า เขาเป็นคนเลวจริง ๆ ฆ่าคนได้จริง ๆ โดยที่สามารถลบภาพพระเอกของตัวเองออกไปได้หมด
      สรุปแล้ว The Negotiation (2018) เป็นหนังที่อุ่นเครื่องนานไปหน่อยนะ แต่พอผ่าน 40 นาทีแรกไปได้ก็ถือว่าสนุกคุ้มค่าการรอคอยนะ หนังอาจจะไม่ได้มีฉากแอคชั่น ไล่ล่าตื่นตาตื่นใจ แต่ก็สร้างสถานการณ์คับขันให้ตัวละครเผชิญได้ดี ไม่ว่าจะกับตัวเอกเองหรือตัวละครลับอื่นๆที่ความลับมันกำลังย้อนกลับมาทำร้ายพวกเขา ให้จำกัดความแบบเข้าใจง่ายหน่อยก็คือ เรื่องนี้น่าจะเหมาะกับคนที่ไม่เบื่อง่าย หรือสามารถดูหนังที่มีบทสนทนาเยอะๆได้ หรือไม่ก็แฟนคลับ ซนเยจินหรือพ่อหนุ่มฮยอนบิน นั่นล่ะครับ
 
ฝากช่องยูทูปรีวิวหนังช่องเล็ก ๆ ด้วยครับผม:  https://www.youtube.com/channel/UCo1Txn08XONf92m_kngztWQ 
 
ขอบคุณภาพประกอบบทความจากภาพยนตร์ : The Negotiation (2018)

#MovieReview #รีวิวหนัง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: #Alive (2020)

 #Alive (2020) คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ Screenwriter & Director:   Jo Il Hyung       ตั้งแต่ทั่วโลกได้รู้จักกับ Train to Busan ก็ต้องบอกว่า ไม...