Love All Play (2022)
Director: Jo Woongรับชมได้ทาง https://www.hotstar.com/th
ในขณะเดียวกันกับที่ พัคแทจุน กำลังจะเลิกเล่น อดีตนักกีฬาดาวรุ่งอย่าง พัคแทยัง (Park Ju-Hyun) ที่หายหน้าไปสามปีก็กลับเข้ามาในวงการอีกครั้ง ทุกคนต่างแปลกใจกับการกลับมาในครั้งนี้ของ แทยัง เพราะสามปีที่แล้วเธอจากไปพร้อมข่าวลือในทางลบ มีเพียงหัวหน้าโค้ชทีมยูนิสที่ยอมให้โอกาส พัคแทยัง กลับเข้าวงการอีกครั้ง พร้อมกับการเริ่มต้นใหม่ของ พัคแทจุน จากข้อเสนอที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ทั้งสองคนกลับไม่เป็นที่ต้อนรับของทีมเพราะต่างถูกมองว่าเป็นตัวปัญหา เพียงแต่สายตาที่คนอื่นมองเป็นปัญหา อาจไม่เท่ากับบาดแผลในใจที่ไม่สามารถลบมันออกไปได้
พอเป็นแบบนี้ผมเลยไม่แปลกใจเลยครับ ที่ได้อ่านความเห็นตามกลุ่มซีรีส์แล้วมีคนเทกันเยอะ ส่วนใหญ่ก็เป็นเสียงเดียวกันเลยว่าอยากดูการแข่งขันมากกว่าดราม่า แล้วอีกส่วนก็ลำไยตัวละคร พัคแทยัง อีกด้วย สารภาพตามตรงว่าผมเห็นด้วยกับที่หลายคนบ่นกัน แต่ก็อย่างที่ผมบอกไปแหละครับ ว่าคงเป็นเพราะดราม่าที่มันห่างไกลชีวิตคนทั่วไป แน่นอนว่าความอินไปกับเนื้อหาก็เลยไม่เท่าคนเป็นนักกีฬา
คนดูอย่างเราจะเห็น พัคแทยัง พยายามเชิดหน้ากลับเข้ามาในวงการอีกครั้ง แม้เธอจะยังเสียใจ รู้สึกผิด พยายามขอโทษ กับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต จนคนดูอย่างเรารู้สึกเห็นใจแล้วก็คิดว่าเธอน่าจะมูฟออนไปได้แล้ว แต่พอตัวละคร พัคจุนยอง กลับมาอีกครั้ง เราได้รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากขึ้น มันก็เกิดความรู้สึกขัดแย้งในตัวเองขึ้นมาเหมือนกัน เพราะเราก็เห็นใจ แล้ว พัคแทยัง ก็พยายามไถ่โทษ รู้สึกผิดมาก ๆ แล้ว กลับกันในอีกมุมหนึ่งเราก็เห็นใจ พัคจุนยอง ที่สูญเสียโอกาสและอาชีพที่ตัวเองรัก ยิ่งหลังจากที่เราได้รู้รายละเอียดความสัมพันธ์ต่าง ๆ ระหว่างตัวละครมากขึ้น เราก็ยิ่งเห็นใจตัวละคร พัคจุนยอง แล้วก็ชักเริ่มจะออกไปทางลำไยตัวละคร พัคแทยัง มากขึ้นเรื่อย ๆ
พาทดราม่าของสองตัวละคร พัคแทยัง กับ พัคจุนยอง มันเลยเป็นมากกว่าแค่การรู้สึกผิด การขอโทษหรือการให้อภัยกัน แต่มันเป็นเรื่องของการขอโทษเพื่อให้อีกฝ่ายยกโทษ ไม่ใช่การขอโทษเพื่อให้ตัวเองสบายใจหรือหลุดพ้นความรู้สึกผิด เอาจริงมันเป็นประเด็นที่เส้นกั้นระหว่างสองสิ่งนี้มันบางมากเลยนะครับ เพราะมันอยู่ที่ตัวคนขอโทษเองนั่นแหละที่รู้ดีที่สุด ว่าขอโทษเพื่อแค่อยากให้ตัวเองหลุดพ้น หรือขอโทษเพื่อให้อีกฝ่ายปลดปล่อย ส่วนบทสรุปดราม่าสองตัวละครนี้ออกมาเป็นยังไง ไปดูกันเอาเองก็แล้วกันครับ เอาจริงมันก็มีเรื่องที่น่าพูดถึงอีก แต่เดี๋ยวจะกลายเป็นการเปิดเผยเนื้อหา เลยขอพูดถึงแค่นี้ก็แล้วกันครับ
ส่วนในพาทของความรักของตัวละคร พัคแทยัง กับ พัคแทจุน มันจะมีพาทกีฬาแทรกอยู่นิดหนึ่ง เพราะด้วยความที่สองคนนี้เหมือนขั้วตรงข้ามกัน พัคแทยัง เป็นพวกความพยายามไม่มีที่สิ้นสุด ส่วน พัคแทจุน เป็นพวกไม่อยากพยายามกับอะไร เมื่อสองตัวละครนี้มาเล่นคู่กัน มันเลยเป็นการปรับสมดุลของตัวเอง พัคแทยัง ก็รู้จักผ่อนคลาย ให้จิตใจ ร่างกาย ได้พักบ้าง ส่วน พัคแทจุน ก็เอาคู่ของตัวเองเป็นแรงบันดาลใจ อยากจะลองกลับมาจริงจังกับการเล่นแบตอีกสักครั้ง หลังจากพยายามหนีออกจากเงาของพี่สาวมาตลอด
ในแง่มุมความรักของสองตัวละครนี้ ด้วยความที่มันเกี่ยวโยงถึง พัคจุนยอง พี่สาวของ พัคแทจุน ก็คงจะบอกได้ว่าน่าลำไยพอ ๆ กันกับปมดราม่าของพี่สาวแหละครับ แต่ถามว่าในแง่ของความฟินในฉากโรแมนติกซีรีส์ทำออกมาได้ดีมั้ย ต้องบอกว่าดีงามตามมาตรฐานซีรีส์เกาหลีแหละครับ คือฉากโรแมนติก ชวนฟิน ฉากตลกอะไรเหล่านี้ซีรีส์ก็ยังทำออกมาได้ดี มันก็ช่วยลดความดราม่าชวนลำไยไปได้พอสมควร
ซึ่งคู่ที่ออกจะทำในพาทโรแมนติกออกมาได้ดีอีกคู่หนึ่ง เห็นจะเป็นคู่ของ ยุกจองฮวาน กับ อียูมิน ที่ฝ่ายหญิงปิ๊งผู้ชายก่อน ก็เลยตามเตาะตามหยอด ส่วนผู้ชายที่ยังต้องสำรวจใจตัวเองว่าลืมคนรักเก่าได้แล้วหรือยัง ก็เลยอาจจะมีเล่นตัวสักหน่อย โดยภาพรวมของคู่นี้และเสน่ห์ของตัวละคร อียูมิน ก็เลยเสริมความน่ารักของซีรีส์ได้ดีทีเดียวครับ
หากจะให้สรุปถึงเรื่องนี้ ผมคงจะบอกว่าใครที่คิดจะดูก็ให้รู้ไว้ล่วงหน้าเลยครับ ว่าซีรีส์เรื่องนี้เน้นที่พาทดราม่าชีวิตนักกีฬามากกว่าการแข่งขัน จะได้เข้าใจตรงกัน ดูแล้วไม่ไปคาดหวังในสิ่งที่ไม่ใช่เนื้อหาหลักที่นำเสนอ ส่วนตัวผมคงจะแนะนำว่าไม่จำเป็นต้องดูรวดเดียวจบ จะได้ไม่รู้สึกว่ามันอืดหรือชวนลำไยมากเกินไป ก็น่าจะพอติดตามได้จนจบครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น