Reborn Rich (2022)
#Drama Director: Jung Dae-Yoonรับชมได้ทาง VIU
ซึ่งการที่ ยุนฮยอนอู ถือคติที่ว่าห้ามถามห้ามสงสัยในคำสั่งของเจ้านาย เขาคงไม่คิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะต้องพบกับจุดจบ เมื่อ ฮยอนอู ถูกส่งให้ไปนำเงินกองทุนสินบนที่ต่างประเทศกลับมายังบริษัท เขาถูกหักหลังโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่านั่นเป็นคำสั่งของใคร แต่ความตายของ ฮยอนอู ได้พาเขาย้อนกลับมายังอดีต ในร่างของ จินโดจุน หลานชายคนเล็กของ จินยังกี (Lee Sung-Min) ผู้ก่อตั้งและประธานรุ่นแรกของ ซุนยัง กรุ๊ป การได้เริ่มต้นใหม่โดยที่ตัวเองมีแต้มต่อบ้าง จึงทำให้ ฮยอนอู คิดตามหาคนที่อาจสั่งฆ่าเขา แล้วก็แน่นอนว่ามรดกเจ้าปัญหาของตระกูลนี้ที่ทำให้ตนเองต้องตาย เขาจะทำทุกทางไม่ให้มันตกถึงมือเหล่าญาติพี่น้องเจ้าปัญหา
***เปิดเผยเนื้อหาบางส่วน
ซีรีส์เกาหลีแนวกลับชาติมาสางแค้น ซึ่งผมขอนิยามว่าเป็น Twenty-Five Twenty-One ผสมกับ Again My Life เพราะเนื้อหาพื้นหลังของเรื่องนี้เป็นการหยิบยกเอาเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต มาเชื่อมโยงสิ่งที่ตัวละครต้องเผชิญ ไม่ว่าจะวิกฤติการเงินไอเอ็มเอฟ การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง การปฏิวัติอุตสาหกรรมและปฏิรูปกลุ่มทุนใหญ่ รวมถึงเหตุการณ์สำคัญระดับโลกอีกมากมาย ประกอบกับการมีพล็อตกลับชาติมาสางแค้นเลยพาให้นึกถึงทั้งสองเรื่องที่ผมกล่าวมา
อย่างแรกเลยที่ผมชอบในซีรีส์เรื่องนี้ เห็นจะเป็นการหยิบเอาแต่ละเหตุการณ์สำคัญในอดีตมาใช้สร้างสถานการณ์ ประกอบกับการที่พระเอกของเราได้มาเกิดในตระกูลร่ำรวยบ้าง มันเลยให้ความรู้สึกกึ่ง ๆ จะแอบเสียดสีอยู่เล็ก ๆ ว่า หากคุณเกิดมาในตระกูลร่ำรวยหรือรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ความมั่งคั่งก็จะสามารถมาอยู่ตรงหน้าคุณได้ง่าย ๆ เหมือนที่พระเอกของเราในร่างเด็กสามารถทำเงินได้หลายหมื่นล้าน เพียงเพราะรู้ว่าที่ดินตรงไหนจะมีมูลค่าในอนาคต
แล้วในส่วนนี้มันก็ไม่ใช่ความบังเอิญแต่น่าจะเป็นสิ่งที่ซีรีส์จงใจใส่เข้ามา เพราะอีกหนึ่งใจความหลักที่ซีรีส์นำเสนอคือเรื่องของการสืบทอดสิทธิ์บริหารของบริษัทยักษ์ใหญ่ ซึ่งสืบทอดกันผ่านความสัมพันธ์ทางสายเลือด แม้พวกเขาจะเอาบริษัทเข้าตลาดหุ้นแล้วก็ตาม เมื่อประธานใหญ่อย่าง จินยังกี หมายมั่นปั้นมือมาตลอดที่จะส่งต่อตำแหน่งให้กับลูกชายคนโต จินยองกี ทว่าลูก ๆ ของพวกเขาแต่ละคนกลับไม่มีความสามารถมากพอ แล้วการที่ ฮยอนอู กลับชาติมาเกิดเป็นหลานคนเล็กจากลูกชายนอกคอกของตัวเอง ที่ดันมาพร้อมความสามารถและแต้มต่อ เมื่อรู้สิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว มันเลยกลายเป็นศึกที่ไม่เพียงแค่การเอาชนะคู่ต่อสู้ แต่ยังรวมถึงการเอาชนะใจกรรมการที่อยากมอบรางวัลให้อีกคนมากกว่า
ซีรีส์ชี้ให้เห็นผลกระทบจากการสืบทอดตำแหน่งโดยการเลือกจิ้ม "คนที่ชอบมากกว่าคนที่ใช่" ไม่ว่าจะเรื่องของการยักยอกเงินบริษัท การเอาเงินบริษัทไปลงทุนส่วนตัว การติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐและฝ่ายการเมือง ยังรวมถึงผลกระทบต่อกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย ที่ย่อยยับจากการทำงานแบบไม่โปรงใสของผู้บริหาร ซึ่งเหตุผลข้อหลังนี่แหละครับที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาความแค้นให้กับ ฮยอนอู ในร่าง โดจุน เพราะตัวเขาเองนี้เหละที่ได้รับผลกระทบแบบเต็ม ๆ จากเหตุผลที่ผมยกมามันเลยสนับสนุนให้แกนเรื่องของซีรีส์มันแข็งแรง ไม่ใช่เพียงแค่พระเอกโดนฆ่าตายเลยกลับมาแก้แค้นเท่านั้น
เป็นซีรีส์ที่การดำเนินเรื่องสนุกไม่แผ่วเลย ดึงความสนใจคนดูเอาไว้ได้ทุกตอน เราอยากรู้ว่าซีรีส์จะสร้างเงื่อนไขอะไรเป็นลำดับต่อไป หรือซีรีส์จะใส่เหตุการณ์สำคัญอะไรของยุคสมัยนั้นเข้ามาเป็นตัวแปร แต่อีกด้านคงต้องบอกว่าพระเอกของเราไม่ต่างจากลูกรักคนเขียนบท เก่งเวอร์แบบหาจุดอ่อนแทบไม่เจอ วางแผนซ้อนสองสามชั้นแบบถึงต่อให้เห็นใครก็ว่าตายยังกลับมาได้เสมอ กับบทที่ ซงจุงกิ ต้องแสดงเป็นทั้ง จินโดจุนกับฮยอนอู มองเผิน ๆ เหมือนจะคล้ายกัน เพราะจิตใจภายในตัวตนของตัวละครเป็นคนเดียวกัน
แต่มันก็จะมีมิติแตกต่างกันตรงที่ว่า ฮยอนอู ต้องกลายมาเป็นสมาชิกครอบครัวเดียวกันกับคนที่สั่งฆ่าเขา ในด้านหนึ่งมันก็จะมีความผูกพันกัน ในอีกด้านความต้องการล้างแค้นมันก็ยังอยู่ ยิ่งกับการที่ปู่อย่าง จินยังกี กลายเป็นคนที่เขาเชื่อมโยงได้มากที่สุดคนหนึ่ง แม้ความคิดเห็นจะขัดแย้งกันอยู่มากก็ตาม อารมณ์ของหนังไม่จึงไม่ได้ออกมาในโทนแก้แค้นแบบเอาเป็นเอาตาย เป้าหมายจึงเป็นเพียงความต้องการเอาสิ่งที่เป็นของอีกฝ่ายมา
ส่วนตัวละครที่หลายคนขัดใจในเรื่องนี้เห็นจะเป็น อัยการซอมินยอง (Shin Hyun-Bin) นางเอกของเราที่เห็นจะทำตัวเป็นอุปสรรคเดียวของพระเอกทั้งเรื่อง ฮ่าฮ่า ถึงอย่างนั้นหากถามส่วนตัวผม ผมไม่ขัดใจนะครับ ด้วยความที่เป็นตัวละครที่ใช้อุดมการณ์ในการขับเคลื่อน แล้วสิ่งที่พระเอกทำก็ไม่ได้ถูกกฎหมายในบางครั้ง แล้วยิ่งเวลาผ่านไปเราจะยิ่งเห็นเหตุผลรองรับว่าทำไมตัวละคร ซอมินยอง ถึงได้จองล้างจองผลาญ ซุนยัง กรุ๊ป ขนาดนั้น
นักแสดงอีกคนที่คงต้องพูดถึงและทำได้ดีมากอีกคนหนึ่ง เห็นจะเป็นประธานจินยังกี (Lee Sung-Min) ชายแก่ที่พา ซุนยัง กรุ๊ป ผ่านร้อนผ่านหนาวต่อสู้มาทุกสมรภูมิเพื่อให้บริษัทไปรอด ซึ่งศึกครั้งสุดท้ายของเขาที่เป็นการส่งต่ออำนาจบริหารของตัวเอง กลับกลายเป็นการต่อสู้กับตัวเองเสียมากกว่า เพราะความต้องการที่แท้เป็นการให้ลูกชายคนโตสืบทอด ตามวัฒนธรรมค่านิยมดั้งเดิม แต่การที่ลูกหลานที่ตนเองอยากให้สืบทอดดันความสามารถไม่พอ เลยเกิดความขัดแย้งในตัวเองขึ้นมากับทางเลือกที่ต้องตัดสินใจ ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ ฮยอนอู ย้อนอดีตกลับไป แม้จะยังมีทิฐิแต่เราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงทางความคิดของ จินยังกี ตลอดเวลา
พูดถึงข้อดีกันมาเยอะแล้วหากจะให้กล่าวถึงส่วนที่ขัดใจบ้าง คงจะเป็นตอนที่ 16 ตอนจบของซีรีส์นี่แหละครับ ที่แบบแทบจะล้มกระดานเหตุการณ์ตลอด 15 ตอนที่ผ่านมาหมดเลย คือมันก็เป็นบทสรุปที่ผมก็คิดไว้เหมือนกันในช่วงแรกว่าจะออกมาแบบนี้ แต่พอพาทอดีตมันดำเนินมาต่อเนื่องผูกปมไว้มากมาย เลยไม่คิดว่าซีรีส์จะปิดเรื่องราวด้วยรูปแบบนั้น แถมมันยังทำให้เกิดข้อสงสัยช่วงโหว่ตามมาอีกหลายอย่าง ยิ่งได้อ่านความเห็นแฟนซีรีส์ฝั่งเกาหลีเรียกได้ว่าคิดไม่ต่างกันเลย
หากจะให้ผมลองหาคำอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวละคร ฮยอนอู ว่าตกลงแล้วเขาแค่ฝันระหว่างภาวะโคม่า ได้ย้อนกลับไปเกิดเป็น จินโดจุน หรือมีตัวเลือกความเป็นไปได้อื่นอีกไหม อย่างแรกผมว่ามันไม่น่าใช่การย้อนกลับไปเกิดใหม่แน่นอน เพราะรายละเอียดระหว่างสองไทม์ไลน์ไม่เหมือนกัน เอาแค่เงินกองทุนสินบนที่ จินโดจุน ได้มา ก็มีรายละเอียดต่างจากเงินกองทุนที่ ฮยอนอู ต้องไปเอามาแล้ว ทั้งที่เป็นเงินก้อนเดียวกัน
ส่วนตัวผมมองแบบเรื่องเหนือธรรมชาตินิด ๆ ผมว่ามันเป็นการระลึกชาติมากกว่าการกลับไปเกิดใหม่ เหมือนจิตของ ฮยอนอู ได้ไปสำรวจเรื่องราวในอดีต กึ่งความฝันกึ่งความจริง ประกอบกับคำพูดของตัวละคร ฮยอนอู ในตอนท้ายที่บอกว่าภาพต่าง ๆ ที่เขาเห็นตลอดเวลา 20 ปีในร่าง จินโดจุน มันคงเป็นความรู้สึกผิดติดค้างในใจ เลยพาให้เขาได้ไปรับรู้ชะตากรรม การต่อสู้ดิ้นรนในความเชื่อของ จินโดจุน ตัวจริง ที่อยากเอาชนะแนวคิดดั้งเดิม ด้วยการพิสูจน์คุณค่าการสืบทอดธุรกิจว่าอันที่จริงแล้วควรตัดสินใจอย่างไร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น