Brightburn (2019)
เด็กพลังอสูร
#ปีนรั้วรีวิว #Horror
เป็นแนวคิดที่ได้เห็นในทีแรกก็รู้สึกว่าเออ…มันใช่นะ เมื่อพล็อตแฟนตาซีฮีโร่ต่างดาวกู้โลก ที่มีตัวละครเอกแบบซุปเปอร์แมน หรือ ซุนโงกุน
พวกเขาต่างไม่ใช่ชาวโลก เพียงแต่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยมนุษย์โลก อาจไม่แปลกที่จะมีความผูกพันกับมนุษย์และช่วยปกป้องโลกได้
แต่ในทางกลับกัน แล้วก็เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยมีใครนึกถึงก็คือ หากเด็กน้อยที่ถูกส่งมายังโลก ไม่ได้มาอย่างเป็นมิตรล่ะ มันจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น
โทรี่ เบรเยอร์ (Elizabeth
Banks) และ ไคล์ เบรเยอร์ (David Denman)
สองสามีภรรยาชาวฟาร์ม ที่พยายามจะมีลูกน้อยเป็นของตัวเองให้ได้สักคน จนแล้วจนรอดพวกเขาก็ทำไม่สำเร็จเสียที แต่จู่ๆก็เหมือนมีใครสักคนบนฟ้าได้ยินคำอ้อนวอน
เมื่อมีวัตถุประหลาดตกลงมาจากท้องฟ้า สิ่งที่อยู่ภายในนั้นก็คือเด็กน้อยน่ารักคนหนึ่ง โทรี่และไคล์ ตัดสินใจเก็บเรื่องราวที่เกิดขึ้นไว้เป็นความลับ และรับเลี้ยง แบรนดอน เบรเยอร์ (Jackson A. Dunn) เด็กน้อยคนนั้นเป็นลูก พร้อมบอกกับทุกคนว่าครอบครัวของเธอ รับเด็กมาจากสถานสงเคราะห์
เวลาเนินนานผ่านไปสิบปี ครอบครัว เบรเยอร์
ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเรื่อยมา เมื่อถูกเติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย ทว่ายิ่ง แบรนดอน โตขึ้นมากเท่าไหร่ ก็เหมือนว่าพฤติกรรมของเขาเริ่มเปลี่ยนไปทีละเล็กน้อย กว่าที่ครอบครัว เบรเยอร์
จะทันรู้ตัวว่าเลี้ยงลูกเสือลูกตะเข้
เด็กนรกแบรนดอน ก็สร้างความชิบหายให้กับผู้คนมากมายแล้ว
หนังได้ผู้กำกับชื่อดังที่กำลังมือขึ้นจาก Guardians of the Galaxy
อย่าง เจมส์ กันน์ มาเป็นโปรดิวซ์เซอร์ ทำให้ช่วงที่มีข่าวคราวเปิดตัว หนังซุปเปอร์ฮีโร่สยองขวัญเรื่องนี้ขึ้นมา
ผู้คนต่างคาดหวังที่จะได้เห็นอะไรใหม่ๆกว่าหนังฮีโร่ หรือหนังสยองขวัญที่ซ้ำซากจำเจอยู่ในขณะนี้ แต่ดูเหมือนว่าคนดูจะคาดหวังมากเกินไป เมื่อท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์ที่ได้ออกมา มันก็คือ หนังสยองขวัญธรรมดาเรื่องหนึ่ง
ความน่าสนใจเดียวของหนังก็คือ
การยืมพล็อตของซุปเปอร์แมน
มาบิดเรื่องราวไปอีกด้านหนึ่งเท่านั้นเอง
สิ่งที่เหลือในหนังนอกจากนั้น
ไม่ได้มีอะไรใหม่ๆมานำเสนอแก่คนดูอีกเลย
พูดง่ายๆว่าหากเปลี่ยนเด็กน้อย แบรนดอน เป็นสัตว์ประหลาดต่างดาว เหมือนหนังสยองขวัญสิ่งแปลกปลอมนอกโลกเรื่องอื่น
หนังเรื่องนี้ก็ไม่ต่างจากหนังในทำนองเดียวกัน อย่าง เอเลี่ยน พรีเดเตอร์ เท่าไหร่นัก
ส่วนดีของหนังเรื่องนี้เห็นจะเป็นการสร้างบรรยากาศ
ระทึกขวัญ สยองขวัญ ฉาก jump
scare ที่ยังใช้ได้ผลให้ความบันเทิงกับคนดูได้ ฉากสยองขวัญ ชวนแหวะ อาจจะมีไม่มากนัก แต่ก็ถือว่าทำได้ถึงเลือดถึงเนื้อหน้าเละกันทีเดียว ซึ่งน่าเสียดายตรงที่อุตส่าห์หยิบคาแรคเตอร์ตัวละครที่มีพลังระดับนี้มาใช้แล้ว ก็น่าจะจัดเต็มความสยองขวัญ น่ากลัว
ของพลังระดับนี้ให้สุดทางไปเลย
พอผลลัพธ์ของหนังเรื่องนี้ออกมากลางๆ ไม่มีอะไรน่าจดจำแล้ว ส่วนตัวเลยรู้สึกเสียดายที่นานที จะมีหนังตีความอะไรแปลกใหม่ออกมา จากความนึกคิดพื้นฐานของคนทั่วไป พอทำออกมาได้ไม่สุดทางแบบนี้
ไม่รู้ว่าต้องรออีกนานเท่าไหร่ถึงจะมีหนังซุปเปอร์ฮีโร่ ตีความแปลกแหวกแนวทำนองนี้ออกมาอีก อย่างเรื่อง The New Mutants หนังเอ็กซ์เมนฉบับสยองขวัญก็เจอโรคเลื่อนแล้วเลื่อนอีก
จนดูท่าทางว่าคงจะเป็นหมันไม่ได้ออกฉายเสียแล้ว
ขอสรุปเลยแล้วกันเพราะหนังไม่มีอะไรให้ได้เขียนถึงเท่าไหร่ Brightburn (2019) เด็กพลังอสูร เป็นหนังหยิบเอาพล็อตซุปเปอร์ฮีโร่ อย่างซุปเปอร์แมนมาบิดมุมมองใหม่ ที่ทำออกมาได้ไม่แตกต่างจากหนังสยองขวัญ สิ่งมีชีวิตต่างดาวบุกโลกเรื่องอื่นเท่าไหร่ แม้จะไม่ถึงกับน่าประทับใจ แต่ส่วนตัวมองว่าความ Hype ในทีแรกมันทำให้คนค่อนข้างคาดหวัง แถมยังได้ชื่อ เจมส์ กันน์
มาเป็นโปรดิวเซอร์
ถึงหนังมันจะยังพอตอบโจทย์ความบันเทิงได้บ้าง มันก็ยังทำให้ความฟอน สนุก บันเทิง
ไปกับหนังลดลงพอสมควร
#MovieReview #รีวิวหนัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น