วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2562

No Mercy (2010)

No Mercy (2010) ไร้เมตตา
#ปีนรั้วรีวิว #Action #Crime #Thriller Director: Hyeong-Joon Kim

      เกิดเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญขึ้นในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง เหยื่อคือ โออึนฮา หญิงสาวที่ร่างของเธอถูกหั่นแยกส่วนออกจากกัน แต่ชิ้นส่วนกลับถูกพบในสถานที่เดียวกัน จะมีเพียงแขนหนึ่งข้างเท่านั้นที่หายไป ทางตำรวจท้องที่จึงจำเป็นต้องเรียกใช้งาน ผู้เชี่ยวชาญด้านการชันสูตรอย่าง ดร.คังมินโฮ (Kyung-gu Sol) เมื่อร่างของเหยื่อถูกส่งมาที่สถาบันเรียบร้อย และเริ่มผ่าเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อ 
       
ด้วยความสามารถของ มินโฮ ทำให้ตำรวจได้เบาะแสของคดีอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักเจ้าหน้าที่ก็ค้นพบชิ้นส่วนแขนที่หายไปข้างหนึ่ง ในพื้นที่โรงงานผลิตซีเมนต์ จากการรวบรวมข้อมูลความเป็นไปได้ ของนักสืบหน้าใหม่ไฟแรงอย่าง มินซอยอง (Hye-jin Han) ก็พอจะสรุปได้ว่าการฆาตกรรมครั้งนี้  น่าจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกลุ่มหนึ่ง และตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่าใครกันที่น่าจะเป็นฆาตกรรายนี้

***เปิดเผยเนื้อหาบางส่วน***
**

      เป็นหนังดูนาน 5-6 ปีได้แล้ว ตอนนั้นก็รู้สึกชอบมาก ๆ เรื่องหนึ่ง เพียงแต่ว่าครั้งที่ดูตอนนั้นยังไม่มีซับไทย พอตอนนี้มีเพจทำแฟนซับออกมาแล้ว ก็ยิ่งตอกย้ำความชอบมากขึ้นไปอีก ส่วนตัวชอบเรื่องนี้สูสีกับ I Saw the Devil (2010) เลยล่ะ หนังเองอาจจะไม่ได้ดุเดือด ระทึกขวัญ ขั้นสุดเหมือน I Saw the Devil (2010) ก็จริง แต่แง่มุมของความดาร์ก หรือจุดพีคของหนังต้องบอกว่าขั้นสุดจริง ๆ เมื่อถึงตอนที่ปมทุกอย่างมันได้คลี่คลายออกมาทั้งหมดแล้ว เราไม่รู้เลยว่าจากคดีฆาตกรรมธรรมดา หนังจะพามาไกลมากขนาดนั้น

สิ่งที่หนังล้างแค้นมักจะพูดถึงประเด็นหนึ่ง อยู่เกือบทุกเรื่องเลยก็คือ ทำไมถึงยังต้องล้างแค้นในเมื่อทำไปคนที่จากไปแล้ว เขาก็ไม่กลับฟื้นคืนมา รังแต่จะทำให้เราจมดิ่งลงไปในความทุกข์ไม่รู้จบ มันจึงกลายเป็นที่มาของประโยคนึง ที่ขอหยิบมาใช้อีกครั้(ซึ่งผมก็จำไม่ได้ว่ามาจากเรื่องไหน ฮ่าฮ่า) ที่ว่า”การล้างแค้นไม่ได้ทำให้ใจสงบ มันก็แค่ต้องทำ” 

      หนังเรื่องนี้เมื่อถึงจุดหนึ่ง เราเองก็ไม่รู้จะเอนเอียงเอาใจช่วยทางฝ่ายไหนนะ เมื่อฝ่ายล้างแค้นก็มีเหตุผลมากพอที่จะแค้นใจ เมื่อเรื่องราวที่ได้เจอไม่สามารถพึ่งกระบวนการยุติธรรมได้ แถมกระบวนการที่ว่ายังถูกใช้ป้ายสีพวกเขา จากเหยื่อให้กลายเป็นฝ่ายไม่ดีเสียเอง และฟอกคนผิดให้กลายเป็นผู้บริสุทธิ์เสียอย่างนั้น ส่วนฝ่ายที่ถูกล้างแค้น ก็มีเหตุผลมากพอที่ต้องเลือกทำสิ่งผิด เพียงแต่มันเป็นเหตุผลของคนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว โดยมองข้ามความถูกต้องไป มันจึงไม่สามารถโทษใครได้ หากอดีตมันกลับมาไล่ล่าเขาเสียเอง
      ในตอนแรกที่ได้อ่านรีวิวของต่างประเทศใน IMDB มีคนติเรื่องความไม่สมเหตุผลบางอย่างของหนังเรื่องนี้เหมือนกัน ในตอนแรกที่ได้อ่านผมเอง ก็เอนเอียงไปทางเห็นด้วยเหมือนกันนะ แต่พอลองได้ทบทวนลำดับเรื่องราวในหนังดูแล้ว จริง ๆ หนังไม่ได้พลาดในส่วนนั้น (บอกไม่ได้จะกลายเป็นสปอยไปเสียอีก) เพราะตามลำดับเหตุการณ์ ตัวละครนั้นยังไม่ทันจะได้ดำเนินการตรวจสอบอะไร เรื่องราวมันก็ขมวดปมเข้ามา ให้ตัวละครต้องวิ่งวุ่นแก้ไขเรื่องราวต่าง ๆ ก่อนที่จะทันได้เอะใจถึงสิ่งผิดปรกติอะไร
      หนังเรื่องนี้เองถึงจะไม่ได้มีฉากแอคชั่น ไล่ล่า ระทึกขวัญ มาให้ความบันเทิงก็จริง แต่ที่หนังสามารถเอาคนดูอยู่ก็คือปริศนาเรื่องราวระหว่าง คนที่ต้องการแก้แค้นกับคนที่ถูกล้างแค้น เพราะหนังเองไม่ได้เปิดเผยให้คนดูรู้ถึงสาเหตุในทีแรก แต่หนังค่อย ๆ หย่อนข้อมูลเข้ามาเรื่อย ๆ จนในช่วงท้ายเราถึงได้รู้สาเหตุของปมความแค้นทั้งหมด แต่ที่มันพีคแล้วก็ชวนช็อคแบบสุดๆก็คือ แผนการและวิธีการล้างแค้นครั้งนี้นี่แหละ ที่มันย้อนศรทุกอย่างกลับคืนไปทั้งหมด แล้วที่พีคยิ่งไปกว่านั้นมันไม่มีความเมตตาปราณีเลยแม้แต่นิดเดียว
      สรุปแล้ว No Mercy (2010) ไร้เมตตา เป็นหนังเกาหลี ทริลเลอร์ ล้างแค้นที่ไปสุดทางจริง ๆ ไร้ความเมตตาสมชื่อเรื่อง No Mercy จริง ๆ จากจุดเริ่มต้นของหนังที่คิดว่าเป็นคดีฆาตกรรมซ่อนเงื่อนธรรมดา ไม่เคยคิดเลยว่าจะพาคนดูไปได้ไกลขนาดนั้น และที่สำคัญย้ำอีกครั้งมันจบได้พีคจริง ๆ สำหรับคนชอบหนังสืบสวน แนะนำว่าดูเลยเรื่องนี้
 
ฝากช่องยูทูปรีวิวหนังช่องเล็ก ๆ ด้วยครับผม:  https://www.youtube.com/channel/UCo1Txn08XONf92m_kngztWQ 
 
ขอบคุณเครดิตรูปภาพจากภาพยนตร์ No Mercy (2010)

#MovieReview #รีวิวหนัง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: #Alive (2020)

 #Alive (2020) คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ Screenwriter & Director:   Jo Il Hyung       ตั้งแต่ทั่วโลกได้รู้จักกับ Train to Busan ก็ต้องบอกว่า ไม...