วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2562

Tear for you (2006)

Tear for you (2006) รักแรก รักเดียว รักเธอ
#ปีนรั้วรีวิว #Drama #Romance Director: Nobuhiro Doi

      โยทาโร่ อารากากิ (Satoshi Tsumabuki) หนุ่มวัย 21 ปีที่ก้มหน้าก้มตาทำงานทุกอย่าง เพื่อส่งน้องสาวเรียน ออกอาการลิงโลดสุดขีด เนื่องจาก คาโอรุ (Masami Nagasawa) น้องสาวคนเดียวของเขาสอบติดโรงเรียนมัธยมปลายในเมือง และกำลังจะย้ายจากหมู่บ้านเล็กๆมาอยู่กับเขา แต่จริงๆแล้วทั้งคู่ไม่ใช่พี่น้องกันทางสายเลือด เพราะเมื่อยังเด็กแม่ของ โยทาโร่ ตกลงปลงใจใช้ชีวิตร่วมกับ พ่อของ คาโอรุ นักดนตรีพ่อหม้ายลูกติด แต่ทั้งสองคนใช้ชีวิตร่วมกันได้ไม่นานพ่อของ คาโอรุ ก็ทิ้งทั้งสามคนไป

เมื่อ คาโอรุ ได้ย้ายมาอยู่กับพี่ชายเธอก็ได้รู้ว่า โยทาโร่ นั้นมีแฟนอยู่แล้ว และแม้ โยทาโร่ จะทำงานหนัก จนไม่ได้เรียนหนังสืออย่างคนอื่น แต่เขาก็มีแฟนอย่าง เคโกะ เธอเป็นถึงนักเรียนแพทย์ที่ทั้งสวยทั้งเก่ง เพียงแต่ดูเหมือนว่า เคโกะ จะจับสัญญาณบางอย่างได้ว่า คาโอรุ นั้นไม่ได้รู้สึกรัก โยทาโร่ ในแบบที่พี่น้องทั่วไปรักกัน


      หนังรักที่หยิบจุดขายความสัมพันธ์แบบพี่น้อง ที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันมาใช้ ส่วนตัวคิดว่าหนังยังกั๊กๆปล่อยไม่สุดนะ คือมุมนึงมันมีสัญญาณตั้งแต่พล็อตเรื่องแล้วล่ะว่าจะเล่นประเด็นนี้ ในหนังเองตัวละคร โยทาโร่ นั้นไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกข้างใน ออกมาชัดเจนเท่าไหร่นัก น่าจะเพียงแค่ฉากเดียวเท่านั้นที่ได้แสดงออกให้รู้ว่า ในใจคิดอะไรมากกว่าความเป็นพี่น้อง

ส่วน คาโอรุ นั้นคนดูจับสังเกตุได้ตั้งแต่ฉากแรกๆแล้วล่ะว่า น้องสาวคนนี้น่าจะคิดอะไรมากกว่าพี่น้องทั่วไป แต่ที่สงสัยที่สุดในเรื่องคือ เคโกะ นี่แหละเจอกันแป๊บเดียว คุยกันไม่กี่คำ กลับพูดเหมือนรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างระหว่างพี่น้องคู่นี้

      เอาจริงด้านหนึ่งก็เข้าใจแหละว่า ทำไมหนังถึงทำออกมาแบบกั๊กๆไปไม่สุด เพราะว่าในเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่กล้าแสดงออก ถึงความรู้สึกข้างในออกมา เมื่อมันมีคำว่าพี่น้องค้ำคออยู่ หากอีกฝ่ายไม่ได้คิดเหมือนกันแล้ว การแสดงความรู้สึกออกไป มันก็อาจจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกลำบากใจได้ หนังมันจึงหน่วงความรู้สึกของทั้งตัวละครและคนดูไว้อยู่ตลอดเวลา

อีกประเด็นที่หนังกล่าวถึงและเผลอๆ ดูจะมีน้ำหนักกว่าเรื่องรักๆใคร่ๆซะอีกก็คือ การที่ โยทาโร่ ยึดมั่นในคำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ในการดูแล คาโอรุ เขาจึงละทิ้งความสุขความฝันทุกอย่างของตัวเอง เพื่อทำให้น้องสาวคนนี้ได้สิ่งที่ดีที่สุด…ที่เขาพอจะหามาให้เธอได้ แต่นั่นมันก็เท่ากับเขาต้องแลกมาด้วยการละเลย ที่จะดูแลชีวิตของตัวเอง

      หนังมีกิมมิคเป็นที่จดจำ อย่างการใช้วิธีบางอย่างเพื่อช่วยให้หยุดร้องไห้ ซึ่งมันเข้ากับชื่อหนัง Tear for you พอดีเลยนะ เพราะมันเท่ากับว่าในสถานการณ์อื่น แม้ตัวละครจะเจอกับปัญหาหนักใจมากมายแค่ไหนยังไง พวกเขาก็จะพยายามไม่เสียน้ำตากับเรื่องเหล่านั้น แต่กับคนที่รัก…มันมีค่ามากพอที่จะยอมเสียน้ำตาให้

โยทาโร่ พระเอกของเรื่อง มาในคาแรคเตอร์พี่ชายผู้เสียสละ ซึ่งบทก็เซอร์วิสจัดเต็มความแมนเสียสละทุกอย่าง แถมเพิ่มความซวยเข้าไปอีก จนมันดูจะเกินความน่าเห็นใจไปซักหน่อย เมโลดราม่าญี่ปุ่นช่วงยุค 2000s ที่เคยดูผ่านมา อาจจะไม่ถึงกับเยอะมากนัก สังเกตว่าบทมักจะสร้างสถานการณ์ความซวยน่ารันทดใจจนเกินจริง คือถ้าหากดูในช่วงวัยรุ่น ที่ยังเพ้อฝันเรื่องความรัก ก็อาจจะซาบซึ้งดีอยู่หรอก 

      แต่พอมาดูด้วยวัยที่โตขึ้นมาก ไม่ได้อินกับความรักแบบหนุ่มสาวแล้ว เรื่องราวมันเลยดูแฟนตาซีไปเสียหมด ทำให้รู้ว่าการดูหนังแต่ละเรื่อง แต่ละแนวช่วงวัยที่ดู ก็มีผลต่อความรู้สึกอารมณ์ร่วม ความสนุก อยู่ไม่น้อยเหมือนกันนะ

สรุปแล้ว Tear for you (2006) รักแรก รักเดียว รักเธอ เป็นเมโลดราม่า ที่ก็ยังทำได้ตามมาตรฐานอยู่นะ แต่ความเด็ดยังไม่เท่าเมโลดราม่าเรื่องอื่นๆ ด้วยความที่สถานการณ์ของตัวละครไม่สามารถแสดงออกความรู้สึกออกมาได้เต็มที่ อารมณ์หนังมันเลยอึนๆหน่วงๆไม่ออกมาสุดเท่าไหร่นัก
 
ขอบคุณเครดิตรูปภาพจากภาพยนตร์ Tear for you (2006) 

#MovieReview #รีวิวหนัง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: #Alive (2020)

 #Alive (2020) คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ Screenwriter & Director:   Jo Il Hyung       ตั้งแต่ทั่วโลกได้รู้จักกับ Train to Busan ก็ต้องบอกว่า ไม...