วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2562

Cheese in the Trap (2018)

Cheese in the Trap (2018) MOVIE 
#ปีนรั้วรีวิว #Romance Director: Je-Yeong Kim

      ฮงซอล (โอยอนซอ) สาวนักศึกษามหาลัยที่มีรุ่นพี่ที่น่าสงสัยอย่าง ยูจอง (พัคแฮจิน) มาทำให้ปั่นป่วนหัวใจ เพราะรุ่นพี่ ยูจอง ในตอนนี้กับหนึ่งปีที่แล้วนั้นช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว เมื่อหนึ่งปีก่อน ยูจอง มีแต่ท่าทางเย็นชาเฉยเมยกับเธอทุกครั้งที่ได้เจอหน้ากัน เขาจะทำดีกับเธอก็เฉพาะเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นก็เท่านั้น แต่ในตอนนี้อยู่ดีๆรุ่นพี่หนุ่มหล่อ รวย กลับหันมาทำดีกับเธอ เอาใจใส่เธอสารพัด จน ฮงซอล เองชักเริ่มรู้สึกว่ามันน่าขนลุก แล้วก็ชักหวั่นๆใจในตัวรุ่นพี่คนนี้แล้วว่า…เจตนาของรุ่นพี่ ยูจอง คนนี้คืออะไรกันแน่ 

แล้วการที่ ยูจอง เข้ามาใกล้ชิดกับ ฮงซอล นั้น มันยังอยู่ในความสนใจของ แบคอินโฮ (พัคกีอุง) ชายคนหนึ่ง ซึ่งเคยมีอดีตบางอย่างกับ ยูจอง และดูเหมือนว่าเขาแปลกใจอย่างมาก กับการที่ ยูจอง ให้ความสนใจในตัวของ ฮงซอล พิเศษกว่าผู้หญิงคนอื่นที่ผ่านมา 


      ขณะเดียวกันกับที่รอบรั้วมหาลัยขณะนี้ เกิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่องขึ้นโดยฆาตกรฉายาอิฐแดง (ใช้อิฐทุบหัวเหยื่อ) ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ และไม่แน่ว่าคนร้ายอาจจะเป็นหนึ่งในคนที่อยู่ในรั้วมหาลัยนั้นเสียเอง  

หนังเรื่องนี้ให้ความรู้สึกที่แปลกดีนะ ด้านหนึ่งมันมีอารมณ์แบบหนังรักกุ๊กกิ๊ก โรแมนติกตามแบบฉบับเกาหลี แต่หนังก็มีอารมณ์ลึกลับระทึกขวัญ ตามแบบฉบับหนังทริลเลอร์เกาหลีด้วยเช่นกัน ขณะที่ดำเนินเรื่องไป หนังจะสร้างความสงสัยให้กับคนดูอยู่ตลอดเวลาว่า แต่ละการกระทำของแต่ละตัวละครนั้นจุดประสงค์ที่แท้จริงคืออะไร พูดง่ายๆว่าถึงหนังจะฉาบด้วยภาพกุ๊กกิ๊กหวานแหวว แต่อีกด้านหนึ่งหนังก็หยอดปม ข้อสงสัยของแต่ละตัวละครเข้ามาอยู่ตลอดเวลา 
      ขณะที่หนังดำเนินเรื่องไป เราจะสงสัยตัวละครอยู่สามสองสามคนนะว่า ตัวละครเหล่านี้อาจจะมีสิทธิ์ที่จะเป็นฆาตกรอิฐแดงได้ หนังจะใส่ปมความน่าสงสัยสลับกันไปเรื่อยๆจนถึงไคล์แม๊กเลยนั่นแหละ ถึงจะเฉลยว่าจริงๆแล้วใครคือคนร้ายตัวจริง สารภาพเลยว่าตอนดูเดาไม่ถูกจริงๆ ด้วยความที่ไม่รู้ว่าหนังจะพาไปถึงจุดไหน เพราะการดำเนินเรื่องมันถูกฉาบไว้ด้วยความโรแมนติก ก็เลยไม่รู้ว่าจะเลือกจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งหรือว่าจบแบบดาร์กกันแน่

หนังเล่าเหตุการณ์แบบแบ่งเป็นพาร์ท โดยที่แต่ละพาร์ทจะไม่เล่าเหตุการณ์ตามไทม์ไลน์ จะเน้นน้ำหนักไปที่ปมของแต่ละตัวละคร ในหนังจะมีตัวละครหลักอยู่สี่คนคือ ยูจอง ฮงซอล แล้วก็สองพี่น้องแบคอินโฮ กับแบคอินฮา โดยมี ยูจอง ที่เป็นศูนย์กลางสร้างความเชื่อมโยง จะว่าไปเรื่องการฆาตกรรมในหนังเหมือนแค่เป็นน้ำจิ้มเพิ่มรสชาติ เพื่อให้หนังดูมีอะไรเสียมากกว่า เพราะในเนื้อหาส่วนนี้แทบจะไม่มีผลกับเนื้อเรื่องหลักเลย เหมือนใส่มาเพื่อให้อารมณ์ของหนังมันแปลกแตกต่างไปจากหนังโรแมนติกทั่วไป

      หนังเรื่องนี้พูดถึงการที่บางครั้งคนเราเลือกแก้ปัญหา ด้วยการนิ่งเฉยไม่พูดอะไรไม่มีคำอธิบาย จริงอยู่ที่มันอาจจะทำให้เหตุการณ์สงบลง แต่เราไม่รู้เลยว่ามันกลับสร้างคลื่นใต้น้ำขึ้นมาในใจลึกๆ เพราะเมื่อปัญหามันไม่ถูกเคลียร์ใจ เมื่อความไม่เข้าใจไม่ถูกปรับให้ถูกต้อง มันก็อาจจะสร้างความเข้าใจผิดมากขึ้นมากขึ้นไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายจากเรื่องเล็กน้อยกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่โตไปได้

อีกปมประเด็นที่หนังเล่าก็คือ บางครั้งการคบกัน หากมันมีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาร่วมด้วย เราจะยังเรียกความสัมพันธ์แบบนั้นว่ามิตรภาพได้ไหม จะยังเรียกคนที่ใช้ประโยชน์ จากความสัมพันธ์แบบนั้นว่าเพื่อนได้อยู่อีกหรือเปล่า มันก็มองยากนะว่าได้ประโยชน์จากกันแค่ไหน ถึงพอดีไม่เรียกว่าเอาเปรียบ หรือคบกันเพื่อผลประโยชน์ มันคงแล้วแต่มุมมองของแต่ละคน ว่าพอใจที่จะให้ได้มากแค่ไหน บนแต่ละพื้นฐาน ของความสัมพันธ์ไม่ว่าจะแบบเพื่อนหรือคนรัก

      สรุปแล้ว Cheese In The Trap (2018) MOVIE ส่วนตัวค่อนข้าโอเคกับเรื่องนี้นะ อาจจะไม่ถึงกับประทับใจ แต่ก็สนุกไปกับหนังกับรูปแบบการนำเสนอ ที่ขายทั้งความโรแมนติกและความลึกลับ ในการหาตัวฆาตกร คิดว่าน่าจะตอบโจทย์คนที่เบื่อกับหนังรักโรแมนติกฟินๆแบบเดิม อยากลองหนังรักอารมณ์ใหม่ๆ ที่ใส่ปมลึกลับน่าสงสัยเพิ่มสีสันลงไปได้แน่ๆ
 
ขอบคุณเครดิตรูปภาพจากภาพยนตร์ : Cheese in the Trap (2018)

#MovieReview #รีวิวหนัง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: #Alive (2020)

 #Alive (2020) คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ Screenwriter & Director:   Jo Il Hyung       ตั้งแต่ทั่วโลกได้รู้จักกับ Train to Busan ก็ต้องบอกว่า ไม...