วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2561

I Just Wanna Hug You (2014)

I Just Wanna Hug You (2014) มีเธอ มีฉัน มีกันตลอดไป aka Dakishimetai: Shinjitsu no monogatari
#ปีนรั้วรีวิว #Drama #Romance

      หนังที่สร้างจากชีวิตจริงของคู่รักจากเมือง อะบะชิริ จังหวัด ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเล่าถึงคู่รักที่ฝ่ายหญิงเกิดอุบัติเหตุจนกลายเป็นผู้พิการ แทบจะต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นตลอดเวลาและได้พบรักกับหนุ่มพนักงานขับรถแท็กซี่ ที่ร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคทั้งความลำบากในการอยู่ร่วมกัน  และยังต้องพิสูจน์ความรักที่มีให้กัน ต่อคำถามของผู้คนรอบข้างที่ไม่เห็นด้วยกับความรักครั้งนี้

      มาซามิ (Ryô Nishikido) หนุ่มพนักงานขับรถแท็กซี่ที่มักจะนัดรวมตัวกับเพื่อนๆเช่าโรงยิมเพื่อเล่นบาส แต่วันหนึ่งเจ้าตัวกับเพื่อนๆมีปัญหาในการจองสนาม  ทำให้ต้องใช้สนามซ้อมร่วมกับนักกีฬา บอคเซีย (Boccia) ซึ่ง บอคเซีย ก็คือกีฬาชนิดหนึ่งสำหรับผู้พิการทางรางกายและสมอง เมื่อซ้อมเสร็จแล้ว มาซามิ ได้เห็น สึกาสะ หัวหน้าทีมนักกีฬาบอคเซียนั่งรอรถอยู่เพียงลำพัง ด้วยจิตวิญญาณพนักงานขับรถแท็กซี่จึงอาสาพาเธอไปส่งที่บ้าน ตั้งแต่วันนั้นความรู้สึกของ มาซามิ ก็เหมือนจะแปลกไป 


      เมื่อเขาเอาแต่คิดถึงและอยากเจอกับ สึกาสะ จนเริ่มแน่ใจกับความรู้สึกของตัวเองว่าตกหลามรักเข้าให้แล้ว เขาจึงตัดสินใจบอกเลิกกับแฟนคนปัจจุบันที่คบกันอยู่เพื่อที่จะเริ่มต้นจริงจังกับ สึกาสะ ที่อะไรหลายๆอย่างมันไม่มีเรื่องง่ายสำหรับทั้งสองคน เมื่อพ่อแม่ของเขาเองก็ไม่เห็นด้วยกับลูกชายที่จะใช้ชีวิตกับคนพิการ และแม่ของ สึกาสะ เองก็ไม่เห็นด้วยเพราะเธอเองเคยผ่านความยากลำบากทั้งหมดมาก่อนแล้ว ในการดูแลลูกสาวที่พิการตั้งแต่วันแรกที่เธอเจอกับอุบัติเหตุ

      ทั้งสองคนก็เลยต้องพยายามพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่า  พวกเขาจะสามารถดูแลตัวเองและครอบครัวได้ แม้จะขาดอะไรบางอย่างไป….แต่สิ่งที่ขาดมันไม่ใช้สิ่งสำคัญที่จะมาฉุดรั้งให้คนสองคนที่รักกันไม่ได้อยู่ด้วยกั

      สารภาพว่าช่วงแรกของหนังมีความรู้สึกแปลก ๆ อยู่เหมือนกัน ไม่แน่ใจว่าด้วยปัญหาของตัวผมเองที่ดูแล้วไม่เก็ตหรือว่าหนังเองสื่อสารออกมาได้ไม่ดี เพราะว่ายังรู้สึกเข้าไม่ถึง กับการเริ่มต้นความรู้สึกชอบของ มาซามิ ด้วยการที่เพิ่งเจอกับ สึกาสะ แค่สองครั้งยังไม่ทันได้สร้างประสบการณ์อะไรร่วมกันมากพอ ที่น่าจะทำให้เขาตกหลุมรักได้ ยิ่งกับการที่ถึงขนาดต้องเลือกที่จะบอกเลิกกับแฟนเก่าด้วยแล้ว มันก็ยิ่งตอกย้ำความไม่เข้าใจมากขึ้นไปอีก ว่าอะไรดลใจให้ทำขนาดนั้น

      แต่พอถึงจุดที่ทั้งสองคนเจอกันเป็นครั้งที่สามแล้ว มาซามิ ตัดสินใจสารภาพความรู้สึกของตัวเองออกไป หลังจากนั้นหนังถึงเริ่มสัมผัสกับความรู้สึกของคนดูได้ เมื่อ สึกาสะ เองแม้เราจะมองออกว่าเธอรู้สึกดีกับ มาซามิ แต่ในใจก็มีความกลัว ความไม่แน่ใจ ว่าความสัมพันธ์มันจะไปรอดไหม

      ยิ่งกับ มาซามิ เอง อย่างที่เกริ่นไปว่าเรายังไม่เข้าใจเขามากพอ ตรงนี้ไม่รู้ว่าหนังเจตนาทำออกมาแบบนี้หรือว่ายังไงนะ อาจจะด้วยบุคลิกของเขาที่หนังสื่อออกมาให้ มาซามิ เป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยแสดงออกถึงความรู้สึกของตัวเองเท่าไหร่ แต่หากเราลองมองผู้หญิงแบบ สึกาสะ ว่าเป็นคนปรกติไม่ใช่คนพิการ เธอก็เป็นคนหนึ่ง มีความมุ่งมั่น พยายามก้าวข้ามเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ด้วยตัวเธอเอง เราที่เป็นผู้ชายก็น่าจะตกหลุมรักผู้หญิงที่มีทัศนะคติแบนี้ได้ไม่ยากเลย

      เป็นหนังอีกเรื่องนึงที่ทำให้เราได้รู้ว่า “ความรักไม่ใช่แค่เรื่องระหว่างคนสองคนเท่านั้น” เมื่อความรักมันยังมีพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อน ของคนที่เรารักด้วย ยังไม่นับรวมสังคมรอบข้างอีก คนที่รับกับกระแสหนักกว่าใครในเรื่องนี้ก็คงไม่พ้น มาซามิ ที่ต้องผิดใจไม่คุยกับพ่อของตัวเอง และยังได้เจอกับสายตาของคนในสังคมมองเวลาที่เขาไปไหนต่อไหนกับ สึกาสะ อีกด้วย

      หนังเองถ่ายทอดเรื่องราวออกมาในมุมมองเป็นกลาง ไม่ได้วิพากษ์ความรักของทั้งคู่และก็ไม่ได้วิพากษ์สายตาหรือมุมมองของคนรอบข้างต่อความรักของทั้งคู่ แต่เหมือนหนังพยายามทำให้เรามองเป็นปรกติของความรัก ที่มันสามารถเกิดได้กับทุกคนไม่ว่าเราจะเป็นใคร เมื่อเราเจอกับคนนั้นที่ใช่ เราก็จะสามารถรับรู้ได้ด้วยตัวเอง

      สรุปแล้ว I Just Wanna Hug You (2014) มีเธอ มีฉัน มีกันตลอดไป เป็นหนังรักที่ความโรแมนติกอาจจะไม่เซอร์วิสมากนัก น้ำหนักของหนังมาทางดราม่ามากกว่า ซึ่งทำให้เราได้รู้นะว่าความรักของคนสองคนที่มีความแตกต่างกันในสายตาคนอื่น กว่าจะก้าวผ่าน สายตา มุมมองเหล่านั้นมาได้ คนสองคนต้องจับมือฝ่าฟันอะไรกันมาบ้าง
 
ฝากช่องยูทูปรีวิวหนังช่องเล็ก ๆ ด้วยครับผม:  https://www.youtube.com/channel/UCo1Txn08XONf92m_kngztWQ 
 
ขอบคุณภาพประกอบจากภาพยนตร์: I Just Wanna Hug You (2014)

#MovieReview #รีวิวหนัง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: #Alive (2020)

 #Alive (2020) คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ Screenwriter & Director:   Jo Il Hyung       ตั้งแต่ทั่วโลกได้รู้จักกับ Train to Busan ก็ต้องบอกว่า ไม...