วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2561

The Good Neighbor (2016)

The Good Neighbor (2016) แอบส่องจ้องตาย
#ปีนรั้วรีวิว #Drama #Thriller

      หนังเรื่องนี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็นส่วนผสมระหว่าง Disturbia (2007) จ้องหลอนซ้อนเงื่อนผวา กับ หนังแนว Paranormal Activity ไม่ใช่ว่ามีผีหรืออะไรนะ แต่เป็นเหมือนการเอาลูกเล่นของหนังทั้งสองเรื่องอย่างการแอบส่องดูพฤติกรรมเพื่อนบ้าน โดยใช้การซ่อนกล้องแอบถ่ายมาใช้กับหนังเรื่องนี้
อีธานกับชอว์น เพื่อนซี้ที่ไม่รู้นึกพิเรณอะไร เมื่อทั้งสองคนคิดที่จะถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับ ฮาโรล เกรนีย์ ตาลุงแก่ๆบ้านฝั่งตรงข้าม  ที่พวกเขาสงสัยในพฤติกรรมประหลาดๆของเพื่อนบ้านรายนี้ 


      โดยที่หัวโจกอย่าง อีธาน เป็นคนวางแผนและให้ ชอว์น ที่มีทุนทรัพย์เตรียมหาอุปกรณ์มาให้พร้อม ทั้งสองคนจึงเริ่มปฏิบัติการณ์แอบย่องเข้าบ้าน ฮาโรล และซ่อนกล้องไว้ทั่วทุกซอกทุกมุมภายในบ้านหลังนั้น เว้นก็เพียงแต่ห้องใต้ดินที่ปิดตายไม่สามารถเข้าไปได้  เท่านั้นยังไม่พอพวกเขายังแอบติดตั้งสัญญาณรบกวนต่างๆ เอาไว้คอยป่วน ลุงฮาโรล เพื่อดูปฏิกิริยาอีกด้วย

      หลังจากทั้งสองคนแอบดูมาหลายวัน นอกจากการสร้างสถานการณ์ของตัวเองแล้ว ตาลุงแฮโรล ก็ไม่ได้ทำอะไรน่าสงสัยออกมาเลย จนกระทั่งกลางดึกคืนหนึ่งที่จู่ๆก็มีตำรวจมาที่บ้านเพราะสัญญาณกันขโมยแจ้งเตือนไป และไม่กี่คืนถัดมาตำรวจนายเดิมก็ยังย้อนกลับมาอีกครั้งเพราะมีคนแจ้งว่าได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงมาจากบ้านของ ตาลุงฮาโรล ตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมา ฮาโรล ก็เปลี่ยนไป  เขาเริ่มหงุดหงิดและบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ ดูไปแล้วสองเพื่อนซี้คงได้คดีเด็ดๆแน่งานนี้

      เป็นหนังเรื่องนึงที่เอาจริงเกือบจะด่าแล้วเชียว  เพราะตลอดทั้งเรื่องแม่งไม่มีอะไรจริงๆ แต่พอถึงบทสรุปตอนจบของหนังกลับรู้สึกว่า เฮ้ย…ดีว่ะ คือไอ้ความที่มันไม่มีอะไรนอกจากเพื่อนสองคุยคุยกัน  ในขณะที่ดูพฤติกรรมของตาลุง ที่อาจจะมีการพยายามแทรกสถานการณ์มาให้คนดูร่วมลุ้นได้บ้าง มันทำให้พอถึงตอนจบของหนังเราเข้าใจทุกอย่างตั้งแต่ต้นเลยว่าเพราะอะไร….และทำไม
      จากอารมณ์ที่ดูน่าเบื่อมาตลอดทั้งเรื่อง เมื่อถึงตอนท้ายมันดันกลายเป็นความเศร้า ความสงสาร ที่เรามีให้กับตัวละคร เพราะมันกลายเป็นว่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น  มันพาให้เขาไปเจอกับจุดจบ โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นเหล่านั้น  มันไม่ใช่แบบเดียวกับที่เขาคิดเลยแม้แต่น้อย ค่อนข้างเขียนยากเหมือนกันนะเรื่องนี้ ด้วยความที่หนังมันไม่บันเทิง แต่ตอนจบของหนังมันดันทำให้รู้สึกว่ามัน…ดีว่ะ
      ขอสรุปเลยแล้วกันเดี๋ยวเขียนเยอะจะสปอยไปเยอะอีก เอาเป็นว่า ตัวหนังเองมันไม่บันเทิงหรอก ถึงแม้จะมีเหตุการณ์ให้เราระทึกแทรกมาบ้างก็เถอะ แต่พอถึงตอนจบมันกลายเป็นความดราม่าที่คาดไม่ถึงจริงๆ มันเหมือนกับการที่เราไม่สามารถตัดสินคนอื่นจากสิ่งที่เราเห็นหรือเขาทำได้เสมอไป ขนาดที่ว่าเฝ้าดูตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว เรายังไม่สามารถเข้าถึงความคิดของคนคนนั้นได้เลย การที่เราจะศึกษาใครบางทีเวลาทั้งชีวิตอาจจะยังไม่พอด้วยซ้ำ(เกี่ยวกันมั้ย)555

#MovieReview #รีวิวหนัง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: #Alive (2020)

 #Alive (2020) คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ Screenwriter & Director:   Jo Il Hyung       ตั้งแต่ทั่วโลกได้รู้จักกับ Train to Busan ก็ต้องบอกว่า ไม...