วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

Last Winter, We Parted (2018)

Last Winter, We Parted (2018) ลมหนาวพรากสองเรา
#ปีนรั้วรีวิว #Drama Director: Tomoyuki Takimoto
      เคียวสุเกะ ยาคุโมะ (Takanori Iwata) นักเขียนอิสระที่มีความสนใจในคดีปริศนาของ อากิโกะ โยชิโอกะ (Kaho Tsuchimura) สาวตาบอดที่เสียชีวิตคากองเพลิงในบ้านพักของ ยูได คิฮาราซากะ (Takumi Saitoh) ช่างภาพชื่อดัง ซึ่งเจ้าตัวเองก็ตกเป็นผู้ต้องหาว่าอาจจะเป็นคนลงมือวางเพลิงฆาตกรรม อากิโกะ เสียเอง แต่ด้วยความช่วยเหลือจากพี่สาวที่แสนดีอย่าง อาคาริ (Reina Asami) ทำให้ ยูได รอดพ้นจากข้อหาฆาตกรรมมาได้

เคียวสุเกะ ที่ตั้งใจกับงานเขียนชิ้นนี้ของตัวเองอย่างมาก พยายามทุกทางจนมีโอกาสได้สัมภาษณ์ ยูได ในที่สุด เขาสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของชายคนนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พูดคุย ทว่าแทนที่ เคียวสุเกะ จะถอยหลังกลับลำ เขานั้นยิ่งถลำลึกเข้าไปเรื่อยๆ แล้วในตอนนี้ก็ดูเหมือนว่า ยูได จะเริ่มหันมาสนใจในตัวของ ยูริโกะ มัตซึดะ (Mizuki Yamamoto) คู่หมั้นสาวของเขาเข้าแล้ว มารู้ตัวอีกที เคียวสุเกะ อาจจะอยากกลับมาคิดใหม่ว่า ไม่น่าเข้าไปยุ่งกับพี่น้องปีศาจคู่นี้เลยก็ได้
      ตอนดูครึ่งชั่วโมงแรกสารภาพเลยว่าเกือบหลับ ถึงขนาดต้องหยุดมานั่งกดโทรศัพท์เล่นหาอะไรกินให้ตาสว่างซะก่อน หนังเดินเรื่องแบบเอื่อยเฉื่อยมากๆเลย แต่พอถึงจุดที่หนังเริ่มดึงตัวละคร ยูริโกะ เข้ามาเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลักแล้ว ทีนี้มันก็เริ่มมีอารมณ์อื่นๆเข้ามาเติมเนื้อหาให้กับคนดู ด้วยความที่ผมไม่เคยอ่านฉบับนิยายมาก่อน เลยไม่รู้ทิศทางของหนังว่าจะไปในแนวทางไหน เมื่อเนื้อเรื่องปูมาเหมือนจะมีรักสามเศร้ามันเลยมีความรู้สึกหน่วงเข้ามาบ้างนะในทีแรก

การเล่าเรื่องของหนังมีความชวนงงเล็กน้อยเมื่อไม่ได้เล่าตามลำดับเวลา ซึ่งขอบอกเลยว่าต้องตั้งใจดูมากๆถึงจะเคลียร์เนื้อหาได้ทั้งหมดจริงๆ คือสับสนกับการเล่าไม่ลำดับเวลาไม่พอ ตัวหนังเองก็ยังมีอะไรต่างๆซ่อนเราอยู่ตลอดทาง แต่ก็มีบางอย่างพอหนังเปิดเผยที่มาที่ไปของตัวละครหมดแล้ว ก็พอจะเดาสถานการณ์ต่อไปได้ แต่ถึงจะพอเดาสปอยหักมุมได้บ้างหากพูดถึงอีโมชั่นของตัวละคร ก็ยังถือว่าสร้างอิมแพ็คกับคนดูได้พอควรเลยล่ะ ถ้าดาร์กให้สุด เดินเรื่องได้บันเทิงเข้มข้นกว่านี้อีกหน่อย นี่ก็น้องๆ Confession (2010) คำสารภาพ ได้เลยนะ
      หนังซ่อนปมเรื่องราวของตัวเองได้ดี ไม่ระแคะระคายเลยแม้แต่น้อย เรารู้ในสิ่งที่หนังอยากให้เรารู้เท่านั้น นี่เลยเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้หนัง แม้จะดำเนินเรื่องช้าๆเนิบๆก็ยังดึงคนดูเอาไว้ได้อยู่ แต่หากหนังใส่ความบันเทิงลงไปอีกสักหน่อยก็น่าจะสนุกได้มากกว่านี้อีก

เป็นอีกเรื่องนึงที่เขียนรีวิวค่อนข้างยากนะ เพราะเผลอ สปอย ออกไปแม้แต่น้อยไม่ได้เลย คือบอกว่าเป็นหนังเกี่ยวกับเรื่องอะไรยังไม่ได้เลยเอางี้แล้วกัน ฮ่าฮ่า บอกได้แค่ว่าเป็นแนว ดราม่าลึกลับ ฉะนั้นคงจะเขียนได้แค่ภาพกว้างๆของหนังเท่านั้น ถ้าไปแตะเนื้อหาเยอะเดี๋ยวจะดูกันไม่สนุก เป็นหนังเกือบสองชั่วโมงที่หนึ่งชั่วโมงแรกของหนัง เราแทบจะยังไม่รู้เรื่องจริงอะไรเกี่ยวกับตัวละครเลย ของจริงมันมาหลังจากนั้นต่างหาก หากใครจะดูก็ทำใจล่วงหน้าไว้สักนิดว่า ครึ่งแรกของหนังอืดเป็นเส้นมาม่าเลยล่ะ

พอสิ่งต่างๆถูกเปิดเผยออกมาแม้หนังจะยังเดินเรื่องในจังหวะเดิมอยู่ก็จริง แต่มันก็มีพลังพอจะดึงคนดูเข้าไปสำรวจตัวละครแต่ละตัวได้แล้วว่า เบื้องหน้ากับเบื้องหลังของแต่ละคนนั้น อาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดซะแล้ว แต่ละคนล้วนมีจุดเริ่มต้นการกระทำผิดของตัวเอง ไม่ว่าจะ ยูไดกับอาคาริ หรือตัวละครอื่น และแรงขับที่ทำให้พวกเขาลงมือทำผิดก็ยังเหมือนกัน นั่นก็คือความรักและการถูกทำร้าย ไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใจ มันเลยเป็นความน่ากลัวอย่างที่สุด เมื่อถูกทำร้ายด้วยการพรากเอาสิ่งที่รักไปอย่างไม่มีวันหวนคืน
      สรุปแล้ว Last Winter, We Parted (2018) ลมหนาวพรากสองเรา เป็นหนัง…ที่อาจจะไม่ตอบโจทย์ความระทึกขวัญบันเทิงนะ แต่หากใครที่ชอบดูหนังที่ค่อยๆปูพื้นตัวละคร ซึมซับกับบรรยากาศไม่น่าไว้ใจ ก่อนค่อยๆขมวดปมเรื่องราวต่างๆ ที่บทสรุปมันชวนช็อกล่ะก็ เรื่องนี้ก็น่าจะตอบโจทย์ได้ ส่วนตัวผมเองแม้จะสารภาพเลยว่ามีลำไยกับความช้าของหนังเหมือนกัน แต่หากมองในภาพรวมทั้งหมดของหนังก็ถือว่าถูกใจ แล้วก็เป็นอีกเรื่องนึงที่ชอบเลยล่ะ

#MovieReview #รีวิวหนัง ตัวอย่างหนัง
 
ขอบคุณเครดิตรูปภาพประกอบบทความจากภาพยนตร์ : Last Winter, We Parted (2018)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: Dreaming Back to the Qing Dynasty (2019)

Dreaming Back to the Qing Dynasty (2019) ฝันคืนสู่ต้าชิง #Drama   #Romance Director: Lee Kwok Lap, Wai Hong Chui, Chen Shu Liang Screenwrite...