#ปีนรั้วรีวิว #Drama Director: Tomoyuki Takimoto
เคียวสุเกะ ยาคุโมะ (Takanori Iwata) นักเขียนอิสระที่มีความสนใจ ในคดีปริศนาของ อากิโกะ โยชิโอกะ (Kaho Tsuchimura) สาวตาบอดที่เสียชีวิตคากองเ พลิงในบ้านพักของ ยูได คิฮาราซากะ (Takumi Saitoh) ช่างภาพชื่อดัง ซึ่งเจ้าตัวเองก็ตกเป็นผู้ต ้องหาว่าอาจจะเป็นคนลงมือวา งเพลิงฆาตกรรม อากิโกะ เสียเอง แต่ด้วยความช่วยเหลือจากพี่สาวที่แสนดีอย่ าง อาคาริ (Reina Asami) ทำให้ ยูได รอดพ้นจากข้อหาฆาตกรรมมาได้
เคียวสุเกะ ที่ตั้งใจกับงานเขียนชิ้นนี ้ของตัวเองอย่างมาก พยายามทุกทางจนมีโอกาสได้สั มภาษณ์ ยูได ในที่สุด เขาสัมผัสได้ถึงความน่ากลัว ของชายคนนี้ตั้งแต่ครั้งแรก ที่ได้พูดคุย ทว่าแทนที่ เคียวสุเกะ จะถอยหลังกลับลำ เขานั้นยิ่งถลำลึกเข้าไปเรื ่อยๆ แล้วในตอนนี้ก็ดูเหมือนว่า ยูได จะเริ่มหันมาสนใจในตัวของ ยูริโกะ มัตซึดะ (Mizuki Yamamoto) คู่หมั้นสาวของเขาเข้าแล้ว มารู้ตัวอีกที เคียวสุเกะ อาจจะอยากกลับมาคิดใหม่ว่า ไม่น่าเข้าไปยุ่งกับพี่น้อง ปีศาจคู่นี้เลยก็ได้ ตอนดูครึ่งชั่วโมงแรกสารภาพ เลยว่าเกือบหลับ ถึงขนาดต้องหยุดมานั่งกดโทร ศัพท์เล่นหาอะไรกินให้ตาสว่ างซะก่อน หนังเดินเรื่องแบบเอื่อยเฉื่อยมากๆเลย แต่พอถึงจุดที่หนังเริ่มดึง ตัวละคร ยูริโกะ เข้ามาเกี่ยวข้องกับเนื้อเร ื่องหลักแล้ว ทีนี้มันก็เริ่มมีอารมณ์อื่ นๆเข้ามาเติมเนื้อหาให้กับค นดู ด้วยความที่ผมไม่เคยอ่านฉบั บนิยายมาก่อน เลยไม่รู้ทิศทา งของหนังว่าจะไปในแนวทางไหน เมื่อเนื้อเรื่องปูมาเหมือน จะมีรักสามเศร้ามันเลยมีควา มรู้สึกหน่วงเข้ามาบ้างนะใน ทีแรก
การเล่าเรื่องของหนังมีความ ชวนงงเล็กน้อยเมื่อไม่ได้เล ่าตามลำดับเวลา ซึ่งขอบอกเลยว่าต้องตั้งใจด ูมากๆถึงจะเคลียร์เนื้อหาได ้ทั้งหมดจริงๆ คือสับสนกับการเล่าไม่ลำดับ เวลาไม่พอ ตัวหนังเองก็ยังมีอะไรต่างๆ ซ่อนเราอยู่ตลอดทาง แต่ก็มีบางอย่างพอหนังเปิดเ ผยที่มาที่ไปของตัวละครหมดแ ล้ว ก็พอจะเดาสถานการณ์ต่อไปได้ แต่ถึงจะพอเดาสปอยหักมุมได้ บ้างหากพูดถึงอีโมชั่นของตั วละคร ก็ยังถือว่าสร้างอิมแพ็คกับ คนดูได้พอควรเลยล่ะ ถ้าดาร์กให้สุด เดินเรื่องได้บันเทิงเข้มข้ นกว่านี้อีกหน่อย นี่ก็น้องๆ Confession (2010) คำสารภาพ ได้เลยนะ หนังซ่อนปมเรื่องราวของตัวเ องได้ดี ไม่ระแคะระคายเลยแม้แต่น้อย เรารู้ในสิ่งที่หนังอยากให้ เรารู้เท่านั้น นี่เลยเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้หนัง แม้จะดำเนินเรื่ องช้าๆเนิบๆก็ยังดึงคนดูเอา ไว้ได้อยู่ แต่หากหนังใส่ความบันเทิงลง ไปอีกสักหน่อยก็น่าจะสนุกได ้มากกว่านี้อีก
เป็นอีกเรื่องนึงที่เขียนรี วิวค่อนข้างยากนะ เพราะเผลอ สปอย ออกไปแม้แต่น้อยไม่ได้เลย คือบอกว่าเป็นหนังเกี่ยวกับ เรื่องอะไรยังไม่ได้เลยเอาง ี้แล้วกัน ฮ่าฮ่า บอกได้แค่ว่าเป็นแนว ดราม่าลึกลับ ฉะนั้นคงจะเขียนได้แค่ภาพกว ้างๆของหนังเท่านั้น ถ้าไปแตะเนื้อหาเยอะเดี๋ยวจ ะดูกันไม่สนุก เป็นหนังเกือบสองชั่วโมงที่ หนึ่งชั่วโมงแรกของหนัง เราแทบจะยังไม่รู้เรื่องจริ งอะไรเกี่ยวกับตัวละครเลย ของจริงมันมาหลังจากนั้นต่า งหาก หากใครจะดูก็ทำใจล่วงหน้าไว ้สักนิดว่า ครึ่งแรกของหนังอืดเป็นเส้น มาม่าเลยล่ะ
พอสิ่งต่างๆถูกเปิดเผยออกมา แม้หนังจะยังเดินเรื่องในจั งหวะเดิมอยู่ก็จริง แต่มันก็มีพลังพอจะดึงคนดูเ ข้าไปสำรวจตัวละครแต่ละตัวไ ด้แล้วว่า เบื้องหน้ากับเบื้องหลังของ แต่ละคนนั้น อาจจะไม่ใช่อย่า งที่เราคิดซะแล้ว แต่ละคนล้วนมีจุดเริ่มต้นกา รกระทำผิดของตัวเอง ไม่ว่าจะ ยูไดกับอาคาริ หรือตัวละครอื่น และแรงขับที่ทำให้พวกเขาลงม ือทำผิดก็ยังเหมือนกัน นั่นก็คือความรักและการถูกท ำร้าย ไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใ จ มันเลยเป็นความน่ากลัวอย่าง ที่สุด เมื่อถูกทำร้ายด้วยการพรากเ อาสิ่งที่รักไปอย่างไม่มีวั นหวนคืน สรุปแล้ว Last Winter, We Parted (2018) ลมหนาวพรากสองเรา เป็นหนัง…ที่อาจจะไม่ตอบโจท ย์ความระทึกขวัญบันเทิงนะ แต่หากใครที่ชอบดูหนังที่ค่ อยๆปูพื้นตัวละคร ซึมซับกับบรรยากาศไม่น่าไว้ ใจ ก่อนค่อยๆขมวดปมเรื่องราวต่ างๆ ที่บทสรุปมันชวนช็อกล่ะก็ เรื่องนี้ก็น่าจะตอบโจทย์ได ้ ส่วนตัวผมเองแม้จะสารภาพเลย ว่ามีลำไยกับความช้าของหนัง เหมือนกัน แต่หากมองในภาพรวมทั้งหมดขอ งหนังก็ถือว่าถูกใจ แล้วก็เป็นอีกเรื่องนึงที่ช อบเลยล่ะ
#MovieReview #รีวิวหนัง ตัวอย่างหนัง
เคียวสุเกะ ที่ตั้งใจกับงานเขียนชิ้นนี
การเล่าเรื่องของหนังมีความ
เป็นอีกเรื่องนึงที่เขียนรี
พอสิ่งต่างๆถูกเปิดเผยออกมา
#MovieReview #รีวิวหนัง ตัวอย่างหนัง
ขอบคุณเครดิตรูปภาพประกอบบทความจากภาพยนตร์ : Last Winter, We Parted (2018)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น