วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

A Quiet Place (2018) ดินแดนไร้เสียง

A Quiet Place (2018) ดินแดนไร้เสียง
#ปีนรั้วรีวิว #Drama #Horror #Mystery Director: John Krasinski
      หนังเล่าเรื่องราวของสองพ่อแม่ ลี (John Krasinski) และ เอฟเวอลีน แอ็บบอท (Emily Blunt) ที่ต้องคอยปกป้องลูกๆสามคน จากภัยคุกคามที่เกิดขึ้นกับโลกใบนี้ พวกมันจะพุ่งเข้าโจมตีจุดกำเนิดเสียงในทันทีที่ได้ยิน ฉะนั้นสิ่งที่พวกเขาต้องทำคือเงียบให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ครอบครัวแอ็บบอทใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในบ้านที่ตั้งอยู่กลางไร่ข้าวโพด ทำทุกทางเพื่อให้มีชีวิตรอดไปวันๆและหาทางสื่อสารกับภายนอก เพื่อตามหาผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ รวมทั้งหาสถานที่ที่ปลอดภัยกว่าที่อาศัยอยู่ทุกวันนี้ ส่วนตัวนิยามหนังเรื่องนี้ว่าเป็นหนัง”ครอบครัว”ที่พ่อแม่และลูกๆต่างมีบาดแผลในใจ ผลกระทบจากการสูญเสียคนสำคัญจากสิ่งมีชีวิตประหลาดบุกโลก ที่คนในครอบครัวไม่มีใครโทษใครกับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาต่างโทษตัวเองว่ายังทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอ
      คนเป็นพ่อเป็นหัวหน้าครอบครัวอย่าง ลี ด้วยความที่มีลูกถึงสามคนในตอนแรก ทำให้ไม่มีทางที่เขาจะดูแลทุกคนในครบครัวได้ทั่วถึง หลายครั้งในเรื่องเราจะเห็นภาพที่ ลี ต้องวิ่งลอกให้ตามช่วยเหลือคนในครอบครัว กระทั่งการต้องตัดสินใจผลักดันให้ลูกก้าวออกไปเผชิญความหน้ากลัวตามลำพัง เมื่อถึงสถานการณ์กดดันที่เขาต้องตัดสินใจเลือกตามลำดับความจำเป็นในขณะนั้น หรือความรู้สึกติดค้างในใจที่ไม่สามารถก้าวข้ามความสูญเสียไปได้ มันก็ทำให้เขาและลูกสาวอย่าเรแกน (Millicent Simmonds) ไม่เข้าใจกัน 

แม่อย่าง เอฟเวอลีน ก็โทษตัวเองกับความสูญเสียเธอคิดว่าตัวเองน่าจะดูแลลูกได้ดีกว่านี้ ดราม่าประเด็นนี้ของครอบครัว แอ็บบอท คงสะท้อนภาพของครอบครัวที่มีลูกหลายคน มันยากที่พ่อแม่จะดูแลทุกคนได้ทั่วถึงมันจึงเป็นสาเหตุให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ซึ่งสุดท้ายแล้วคนเป็นพ่อแม่หรือพี่คนโตที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลน้อง มักจะโทษตัวเองกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งส่วนตัวคิดว่ามันตลกร้ายและรู้สึกข้องใจตอนได้ดู

เมื่อเรามีคำถามทำใจเกิดขึ้นมาว่าสถานการณ์เป็นแบบนี้ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะดูแลลูกได้ทั่วถึงแค่เอาตัวเองให้รอดยังลำบากเลย แต่ ลีกับเอฟเวอลีน กลับปล่อยให้ตัวเองตั้งท้องมีลูกเพิ่มขึ้นมาอีกคน ซึ่งมันเป็นเรื่องตลกร้ายมากๆกับสถานการณ์ของหนัง ที่ไม่สามารถส่งเสียงได้ คือคลอดด้วยความเจ็บปวดก็ต้องร้อง เด็กเกิดมาก็ต้องร้องไห้ส่งเสียดัง
      คือมันมีโจทย์ยากตามมาอีกสารพัดเลย ซึ่งพาทดราม่าจุดนี้ส่วนตัวมองมากกว่า แค่หนังใส่เข้ามาเพื่อสร้างข้อแม้สถานการณ์คับขันให้กับตัวละคร แต่คิดว่าหนังตั้งใจที่จะทำให้เป็นตลกร้าย (ในมุมมองของผม) ยั่วล้อครอบครัวในรูปแบบ “มีลูกมากจะยากนาน” เลยล่ะ เพราะไม่ใช่แค่ลูกคนใหม่ที่กำลังจะเกิดมา ยังรวมถึงคนก่อนหน้าที่สูญเสียไปด้วย

อีกส่วนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าจะชอบใจหรือไม่ชอบใจยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ก็คือ การปูพื้นสถานการณ์คับขันที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะยานอวกาศของเล่นในตอนต้นเรื่องหรือตะปูในตอนกลางเรื่อง ซึ่งพอหนังทำให้เห็นชัดเจนเลยว่าสิ่งเหล่านี้มันจะนำมาซึ่งสถานการณ์คับขันในเวลาต่อมาแน่ๆ ที่ติดใจก็คือ เมื่อเรารู้ก่อนมันไม่ทำให้เราประหลาดใจ หรือรู้สึกแบบ เฮ้ย…เชี่ยแล้ว เมื่อมันเกิดความคับขันขึ้น แต่ในอีกมุมนึง แม่งก็ทำให้เราลุ้นอยู่ตลอดเวลาไงว่า เดี๋ยวนะ เดี๋ยวมันต้องเกิดเรื่องเพราะไอ้สิ่งนี้แน่ๆ ฮ่าฮ่า

ตลอดทั้งเรื่องความบันเทิงของหนังจึงเป็นความลุ้นระทึก ไม่ว่าจะการไม่ส่งเสียงและเงียบให้ถึงที่สุด การตัดสินใจเลือกตามลำดับความจำเป็นของตัวละคร ที่มันมีข้อจำกัดเยอะ ไม่ว่าจะการเป็นคนท้อง การเป็นคนบกพร่องทางการได้ยิน การเป็นเด็กที่มันแอบมีความลำไยทำตัวไร้เหตุผลตามประสา แต่โดยภาพรวมของการแสดงและคาแรคเตอร์ตัวละคร ถือว่าผ่านและอยู่ในเกณฑ์ดีสำหรับหนัง ระทึกขวัญ สยองขวัญ นะ ไม่แสดงความฉลาดน้อยจนน่าหงุดหงิด หรือไม่ถึงขนาดพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์คับขันแบบไม่น่าอภัย
      ทีแรกก่อนจะดูก็คิดว่าตัวประหลาดอาจจะโผล่มาไม่เยอะหรืออาจจะแทบไม่โผล่มาเลย แต่พอได้ดูจริงแล้วก็ถือว่าออกมาหลายฉากแล้วก็ได้เห็นกันแบบเต็มตาเต็มตัวเหมือนกันนะ ถือว่าสยองน่ากลัวใช้ได้ มีเอกลักษณ์จุดเด่นบางอย่างเด่นชัด แต่ถามว่าเป็นสัตว์ประหลาดในหนังสยองขวัญที่น่าจดจำไหมก็ยังไม่ถึงขั้นนั้น

      สรุปแล้ว A Quiet Place (2018) เป็นหนัง ระทึกขวัญ สยองขวัญ ที่สนุก ลุ้นระทึกมากนะ ด้วยข้อจำกัดของตัวละครที่หนังวางเอาไว้ ไม่ว่าจะเด็กหรือคนท้อง มันทำให้คนดูลุ้นแทบหยุดหายใจเมื่อตัวละครตกอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน
 
ขอบคุณเครดิตรูปภาพจากภาพยนตร์ : A Quiet Place (2018)

#MovieReview #รีวิวหนัง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: Dreaming Back to the Qing Dynasty (2019)

Dreaming Back to the Qing Dynasty (2019) ฝันคืนสู่ต้าชิง #Drama   #Romance Director: Lee Kwok Lap, Wai Hong Chui, Chen Shu Liang Screenwrite...